บทที่ 4
แรกเริ่มเหลียงไทเฮาใช้ข้ออ้างว่าฮ่องเต้พระองค์ใหม่อายุน้อยไม่รู้ความแล้วว่าราชการหลังม่าน ร่วมมือกับองครักษ์เสื้อแพรหาประโยชน์ส่วนตัว อ้างว่า ‘กำจัดขุนนางชั่ว’ ทว่าสิ่งที่ทำกลับเป็นเรื่องน่ารังเกียจอย่างการยึดอำนาจราชสำนัก ควบคุมชักใยฮ่องเต้น้อย อุปสรรคใหญ่ที่สุดที่ขัดขวางแผนการของเหลียงไทเฮาก็คือสำนักบูรพาที่รับคำสั่งขึ้นตรงต่อฮ่องเต้
เหลียงไทเฮารากฐานไม่มั่นคง ต่อสู้กับเสิ่นเสวียนอยู่ปีหนึ่งก็รู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสำนักบูรพา จึงถอยมาหาประโยชน์รองจากนั้น เสนอการแต่งงานเพื่อความสมานฉันท์ บอกว่ายินดีจะยกเชื้อพระวงศ์หญิงคนหนึ่งให้แต่งเป็นภรรยาของเสิ่นเสวียน ปากพูดว่าเสริมสร้างความสัมพันธ์สองตระกูล แต่แท้จริงแล้วเป็นการเอากรงเล็บแฝงเข้าไปในสำนักบูรพาเพื่อแอบควบคุมอำนาจของเสิ่นเสวียนเท่านั้น
ทว่าเสิ่นเสวียนฉลาดยิ่งนัก เขาเติบโตมาภายใต้คมดาบและฝนโลหิตแต่เด็ก ผู้ใดขวางก็ฆ่าไม่เว้นมาโดยตลอด จนได้นั่งตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักบูรพา เช่นนี้แล้วเขาจะมองแผนการเล็กๆ ของเหลียงไทเฮาไม่ออกได้อย่างไร
เสิ่นเสวียนด้านหนึ่งทำเพื่อบรรลุพันธสัญญากับผู้อื่น อีกด้านหนึ่งทำเพื่อสร้างความลำบากใจแก่ไทเฮา จึงพูดไปตามสัญชาตญาณว่า ‘ถ้าไทเฮาจะทรงยอมลดตัวมาสร้างสัมพันธ์กับกระหม่อมด้วยใจจริง เช่นนั้นยกองค์หญิงใหญ่ฉางหนิงที่อดีตฮ่องเต้ทรงโปรดปรานที่สุดให้แก่กระหม่อมได้หรือไม่’
เดิมเป็นการกระทำเพื่อสร้างความลำบากใจให้เหลียงไทเฮา ใครจะรู้ว่านางกลับเอ่ยรับปากทันที
จนกระทั่งการแต่งงานวันนี้เสิ่นเสวียนเพิ่งจะจัดการเรื่องคนทรยศภายในเสร็จ ก็รีบกลับมายังสำนักบูรพา ก่อนถูกเจ้าหน้าที่เร่งให้สวมชุดแต่งงาน เขายังรู้สึกว่าไม่ใช่ความจริงอยู่บ้าง เขาเหมือนยังไม่ทันรู้ตัวว่าองค์หญิงน้อยน่ารักที่สวมชุดงดงามกินอาหารอย่างดีเมื่อหกปีก่อน เหตุใดจึงกลายมาเป็นฮูหยินของตนเองได้จริงๆ
แต่ตอนนี้เซียวฉางหนิงที่เติบใหญ่รูปร่างหน้าตาสะสวยกลับแต่งเข้ามาอย่างมั่นใจว่าตนเองต้องตายอย่างแน่นอน ซ้ำยังเตรียมชุดงานศพให้แก่ตนเองล่วงหน้าอย่างเรียบร้อย
เสิ่นเสวียนรู้สึกราวกับถูกกระต่ายนุ่มนิ่มตัวหนึ่งกัดเข้า
เขาโกรธจนหัวเราะ ลุกขึ้นไปหยิบสุรามงคลบนโต๊ะขึ้นมา ยื่นจอกหนึ่งให้แก่เซียวฉางหนิง “กระหม่อมรู้ว่าองค์หญิงใหญ่เพิ่งมาถึงครั้งแรก จึงมีอะไรไม่คุ้นชินมากมาย แต่ไม่ว่าอย่างไรสุรามงคลนี่ยังคงต้องดื่ม”
เซียวฉางหนิงไม่ได้รับสุรามา ท่าทางดื้อดึงเหมือนได้รับความทุกข์ทรมาน “อย่างไรก็คงไม่อยู่กันจนแก่เฒ่า ดื่มไปก็ไร้ประโยชน์”
เพิ่งสิ้นเสียงพูด บรรยากาศภายในห้องก็เปลี่ยนไปทันใด
สายตาของเสิ่นเสวียนลึกล้ำ พูดเพียงหนึ่งคำว่า “ดื่ม”
เซียวฉางหนิงแม้จะมีนิสัยค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่ก็รู้จักหยุดตามสถานการณ์ ได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของเสิ่นเสวียนนางก็รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปแล้ว จึงยื่นมือไปรับจอกสุรานั้นมาอย่างช้าๆ แต่ไม่ได้ดื่มลงไป
“ทำไม ท่านกลัวมีพิษหรือ” เสิ่นเสวียนหัวเราะเย็นชาแล้วดื่มสุราในจอกของตัวเองรวดเดียวจนหมด “ฆ่าองค์หญิงใหญ่ไม่มีประโยชน์อะไรต่อกระหม่อม เหตุใดต้องเปลืองยาพิษหนึ่งขวดด้วย”
เซียวฉางหนิงรู้สึกตื่นตระหนกที่ถูกเปิดโปงเรื่องในใจ ทำได้เพียงยกจอกเป็นพิธีให้แก่เสิ่นเสวียน
“ช้าก่อน” เสิ่นเสวียนยับยั้งนาง “เสวยโจ๊กสักนิดก่อนแล้วค่อยดื่มสุรา”
“บอกแล้วว่าข้ากินไม่ลง” เซียวฉางหนิงจิบสุราหนึ่งอึกลงไป
สุราชั้นเลิศหอมอย่างยิ่ง ทว่าก็แรงมากเช่นกัน สุราไหลผ่านลำคอราวมีดกรีด สุมไฟขุมหนึ่งแผดเผาในท้อง