ทดลองอ่าน ธาราวสันต์ บุษบันจันทรา บทที่ 1-บทที่ 2 – หน้า 6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ธาราวสันต์ บุษบันจันทรา บทที่ 1-บทที่ 2

แม้จะกำลังปลอบใจเกายงหรงให้คลายกังวล แต่น้ำเสียงกลับเจือความลังเล เกรงว่าแม้แต่ตัวนางเองก็รู้สึกหวาดระแวงและร้อนใจ

เกายงหรงแค่นหัวเราะออกมาคำหนึ่ง

‘อาหมี ปกติเจ้าเก็บเนื้อเก็บตัวน้อยครั้งจะออกจากเรือน จะรู้ได้อย่างไรว่าใจคนสุดหยั่งรู้ เขายกทัพไปปราบทางเหนือหลายครั้ง เจ้าเข้าใจว่าเขาคิดแต่จะยึดคืนดินแดนเดิมจากมือชาวหูหลู่ ให้เราหรือ เขาก็แค่กำลังรวบรวมจิตใจของผู้คน สะสมชื่อเสียงบารมีเท่านั้น! นับแต่ปฐมฮ่องเต้ข้ามแม่น้ำลงมาทางใต้ เพราะรู้ว่ามีทั้งคนสนับสนุนและคัดค้านจึงอาศัยข้ออ้างในการยกทัพไปปราบปรามทางเหนือ สร้างชื่อเสียงบารมีแล้วค่อยมาโจมตีคู่ต่อสู้ในภายหลัง พฤติการณ์เช่นนี้ตอนนั้นสกุลสวี่ สกุลลู่ ตระกูลขุนนางใหญ่อันดับหนึ่งเหล่านี้ มีตระกูลใดบ้างไม่เคยทำ อย่างสกุลเกาเราตอนเจริญรุ่งเรืองสูงสุด ท่านลุงอยู่ในตำแหน่งสูง มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั้งใต้หล้า จุดเปลี่ยนพลิกผันก็ไม่ใช่เพราะลูกหลานสกุลเกาเราสร้างความดีความชอบในการทำศึกกับชาวเจี๋ยหรอกหรือ’

ทุกวันนี้แม้ต้าอวี๋จะเพียงรักษาดินแดนเจียงจั่วไว้ได้ แต่สกุลเซียวปกครองบ้านเมืองต่อเนื่องกันมานานสองร้อยปีแล้ว สองร้อยปีมานี้มีคนมากเพียงใดที่จ้องอยากจะได้ราชบัลลังก์ พยายามจะเข้ามาแทนที่ ไม่ว่าจะเป็นราชนิกุลทายาทสกุลสูงศักดิ์ หรือตระกูลขุนนางที่มีอำนาจราชศักดิ์ เจ้าเคยเห็นว่ามีใครทำสำเร็จหรือไม่ สายโลหิตของราชวงศ์อันสูงศักดิ์ที่สืบเชื้อสายมาจากสวรรค์จะให้คนธรรมดาทั่วไปเข้ามาผสมปนเปได้อย่างไร!’

พูดมาถึงตรงนี้เกายงหรงก็เหยียดแผ่นหลังขึ้นตรง ในดวงตามีความหยิ่งทระนงเจืออยู่รำไร

‘โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่มู่ผู้นี้เกิดในครอบครัวสามัญชนที่ต่ำต้อย เดิมเป็นเพียงขุนพลทหารในดินแดนรกร้างห่างไกล เขามีหรือจะไม่รู้ ถ้าไม่ได้สั่งสมอำนาจบารมีและชื่อเสียงมากพอ บุ่มบ่ามชิงราชบัลลังก์ ด้วยชาติกำเนิดและคุณสมบัติของเขาจะสยบใจผู้คน แล้วนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้อย่างไร

ตอนนั้นเขารู้ตัวว่าชื่อเสียงบารมีของตนยังไม่เพียงพอ อย่าว่าแต่ยังมีสกุลสวี่เป็นอุทาหรณ์เตือนใจเลย ถึงไม่ได้รีบร้อนช่วงชิงราชบัลลังก์ หาไม่หลังจากปราบปรามกบฏสกุลสวี่แล้ว เพราะเหตุใดจึงอดใจรอไม่ไหว อ้างเหตุนี้สังหารญาติผู้พี่ของอี้อันและตระกูลขุนนางปัญญาชนหลายคนที่ต่อต้านคัดค้านเขา นี่ยังไม่ใช่เพราะสกุลลู่ สกุลจูขัดขวางเขาหรือ มาบัดนี้เขาก็ไม่คำนึงว่าขุนนางในราชสำนักคัดค้าน ดึงดันจะทำตามความต้องการของตน ชูธงตีเกราะเคาะกลองใหญ่โต จะต้องทุ่มเทกำลังที่มีอยู่ทั้งหมด เอาผืนแผ่นดินต้าอวี๋เป็นเดิมพัน เสี่ยงภัยไปปราบปรามทางเหนืออีกครั้ง ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิด รอเขาประสบความสำเร็จกลับมาก็ถึงเวลาที่ข้าแม่ม่ายลูกกำพร้าต้องเข้าตาจนแล้ว…’

สองตาของเกายงหรงค่อยๆ แดงเรื่อขึ้น มีประกายน้ำตาวิบวับ

‘อาหมี อาเจี่ยขอร้องเจ้าแล้ว เจ้าก็คิดเสียว่าช่วยข้าอีกแรง รับปากด้วยเถิด!’

‘อาเจี่ย…ถึงข้าจะแต่งงานกับเขา แต่จะทำอะไรเพื่อท่านได้’

ผ่านไปครู่หนึ่งเกาลั่วเสินก็เอ่ยถามเสียงต่ำ น้ำเสียงเจือความอ่อนแรง

‘เขาประคับประคองเติงเอ๋อร์ขึ้นสู่ราชบัลลังก์ได้ ก็ย่อมปลดเติงเอ๋อร์ตั้งตนขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้ ปลดหรือตั้งทุกอย่างขึ้นอยู่กับอารมณ์ชั่ววูบเดียวของเขา อาเจี่ยคิดอยู่ ในเมื่อเขาเลื่อมใสศรัทธาเจ้า ถ้าเจ้าแต่งให้เขา มีความเกี่ยวดองกันผ่านการสมรส อีกทั้งอาศัยกำลังของเจ้าช่วยไกล่เกลี่ยปรับความเข้าใจ วันหน้าถึงหลี่มู่จะเลียนแบบสกุลสวี่คิดจะเปลี่ยนราชวงศ์ ข้าแม่ม่ายลูกกำพร้าไม่แน่อาจยังพอมีชีวิตรอดปลอดภัย ได้อยู่จนแก่ตายในชีวิตนี้ หาไม่เขาคงไม่ละเว้นพวกเราแม่ลูก เพียงกลัวว่าถึงตอนนั้นอาจต้องตายโดยไร้ที่กลบฝัง!’

เกาลั่วเสินก้มหน้าลง ร่างคล้ายแข็งทื่อไปแล้ว ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว

เกายงหรงมองนางนิ่ง ไม่ได้เปิดปากพูดอะไรอีก

ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าถี่เบาดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

เกาลั่วเสินหันหน้าไปตามเสียง เห็นเซียวสวินหลานชายอายุสิบกว่าปีของตนผู้นั้นสวมชุดคลุมมังกรตัวเล็กๆ บนร่าง วิ่งออกมาจากประตูบานหนึ่งทางด้านหลังตำหนัก วิ่งมาถึงเบื้องหน้านางแล้วคุกเข่าลงไป

‘ถ้าท่านน้าไม่ยอมช่วยข้า เติงเอ๋อร์ก็จะไม่ลุกขึ้น!’

ฮ่องเต้เยาว์วัยน้ำเสียงเจือความไร้เดียงสา สองมือจับชายเสื้อนางไว้แน่น ดวงตาเบิกโตพลางแหงนหน้าขึ้นมองนาง สองตาไม่กะพริบ

 

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน รัชศกหลงหยวนปีที่สอง ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ เพื่อการยกทัพไปปราบปรามทางเหนืองานใหญ่ที่หลี่มู่จัดเตรียมมานานจะสามารถเคลื่อนทัพได้ตามกำหนดที่วางไว้ งานแต่งงานระหว่างเกาลั่วเสินกับเขาก็แทบจะเรียกได้ว่าลุล่วงไปอย่างฉุกละหุก

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นงานแต่งงานยิ่งใหญ่ที่ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วทั้งเมือง

ผู้หนึ่งเป็นสตรีสูงศักดิ์ รูปโฉมสติปัญญาความสามารถไม่เป็นสองรองใคร บทกวีรำลึกถึงอดีตเพียงบทเดียวที่นางเคยแต่งไว้ตอนเข้าเรียนพร้อมกับพี่ชายน้องชายผู้เป็นญาติในสกุลเดียวกันในสมัยยังเป็นเด็กสาวได้แพร่กระจายออกสู่ภายนอก จนถึงทุกวันนี้ตามร้านหนังสือยังคงคัดลอกกันอยู่

ผู้หนึ่งคือต้าซือหม่า ในใจผู้คนของราชวงศ์ใต้ทั่วไป เขาก็คือเทพแห่งสงครามผู้เป็นตัวแทนของจิตใจอันฮึกเหิมและเกียรติยศอันสูงสุดของชาวใต้ อยู่ใต้คนหนึ่งคน อยู่เหนือคนนับหมื่น

หลังพิธีแต่งงานอันยืดยาดยาวนาน เกาลั่วเสินในชุดเจ้าสาวนั่งอยู่ตามลำพังในห้องหอในจวนต้าซือหม่าที่จัดเตรียมขึ้นมาเพื่อค่ำคืนนี้โดยเฉพาะ รอคอยการมาถึงของสามีคนที่สองในชีวิตของตนอยู่เงียบๆ

หลี่มู่ไม่ได้ปล่อยให้นางต้องรอนาน

การมาถึงของเขาเร็วกว่าที่นางคิดไว้มาก

นี่เป็นการกลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง หลังจากนางได้เขาส่งตัวออกจากเมืองเซวียนเฉิงเมื่อสองปีก่อน

รูปร่างหน้าตาของเขาดูต่างไปจากในความทรงจำของนางอยู่บ้าง

ตอนนั้นอาจเพราะยุ่งอยู่กับการเตรียมการสู้รบในเจียงเป่ย ทั้งยังรีบร้อนนำกำลังทหารกลับมาช่วยเจ้าเหนือหัว เขาไม่มีเวลาจะมาคำนึงถึงเรื่องปลีกย่อยอื่น หลี่มู่ในความทรงจำของเกาลั่วเสินนั้น สวมเสื้อเกราะที่เปรอะเปื้อนคราบโลหิต ไว้หนวดเครารุงรังยาวราวชุ่น กว่า ทำให้บดบังใบหน้าของเขาไปครึ่งหนึ่ง

กลิ่นคาวโลหิตจางๆ ใต้คิ้วมีดวงตาที่ดูลุ่มลึกคู่หนึ่ง ทั้งหมดนี้คือภาพของข้าหลวงเมืองเหยี่ยนโจวที่มาช่วยกอบกู้เมืองในตอนนั้น ซึ่งอยู่ในความทรงจำของนาง

แต่ในคืนนี้บุรุษที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้กลับมีรูปร่างหน้าตาแตกต่างจากภาพในความทรงจำของเกาลั่วเสินอย่างสิ้นเชิง

เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีดำหมวกทรงสูง เอวคาดสายรัดเอวใหญ่ฝังหยก หนวดเคราที่บดบังใบหน้าหายไปแล้ว ใบหน้าสะอาดสะอ้าน ด้านข้างของขากรรไกรทั้งสองมีเพียงแนวเขียวจางๆ หลังการโกนหนวดซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของบุรุษในวัยผู้ใหญ่ เผยให้เห็นเส้นสายแนวสันกรามเรียวงามแข็งแรง ดวงตาทั้งสองเปล่งประกายแวววาว ทั่วทั้งร่างดูหล่อเหลาและมีชีวิตชีวา

ลักษณะของเขาดูแตกต่างจากลู่เจี่ยนจือ รวมถึงบิดาหรือบรรดาพี่ชายที่เกาลั่วเสินคุ้นเคยอย่างสิ้นเชิง

ตอนลู่เจี่ยนจือยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่เพียงเป็นผู้โดดเด่นในบรรดาคนหนุ่มบุตรหลานตระกูลขุนนางในเมืองเจี้ยนคัง เขายังเป็นทหารที่สร้างผลงานอันหาได้ยากยิ่งด้วย

มือของเขาทั้งจับพู่กันขีดเขียนอย่างสง่างาม และทั้งจับกระบี่สังหารผู้คน

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 3-4

บทที่ 3 หัวหน้าขันทีไม่แม้แต่จะเหลือบแลอวี้ฉือรุ่ย แต่ถามออกมาตรงๆ “ท่านใดคือคุณหนูเฟยเยี่ยน” เสียนเกอเอ๋อร์ข่มโทสะไม่อย...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 5-6

บทที่ 5 เถ้าแก่ร้านตกใจจนเบิกตากว้าง โบกไม้โบกมือเอ่ย “แม่นาง นี่มันสิงโตอ้าปากกว้าง นี่! เห็นว่าพวกงานปักของเจ้าเป็นงาน...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 9-10

บทที่ 9 หวังอวี้หล่างไม่นึกฝันว่าจะได้มาเจอกับองค์ชายรองที่นี่ เมื่อครู่นี้เขายังแสดงกิริยาเสียมารยาทอีกด้วย ในเวลานั้นจ...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 7-8

บทที่ 7 อวี้ฉือเฟยเยี่ยนฝืนยิ้มเอ่ย “เซียวอ๋องเสด็จมาผิดเวลา โจ๊กในร้านขายหมดไปนานแล้วเพคะ” เซียวอ๋องติดกระดุมคอเสื้อ ริ...

community.jamsai.com