ขุนพลทหารหลายนายที่ติดตามอยู่ด้านข้าง นอกจากบุรุษหน้าดำที่มีหนวดเคราแล้ว คนอื่นๆ ล้วนมาจากครอบครัวตระกูลขุนนาง ต่างรู้จักเกาเฉียวดีจึงพากันลงจากหลังม้าเข้ามาแสดงความเคารพ
เกาเฉียวจิตใจเบิกบานยิ่ง ทักทายปลอบบำรุงขวัญไปทีละคน
ราษฎรที่อยู่ด้านข้างได้ยินไม่ชัดเจนว่าพวกเขาพูดอะไรกัน มองจากที่ไกลเพียงเห็นเกาเซี่ยงกงกับพระมาตุลาสวี่จับมือพูดคุยยิ้มแย้ม แม่ทัพกับอัครเสนาบดีกลมเกลียวกัน ผู้คนต่างตื่นเต้นยินดี มีเสียงไชโยโห่ร้องดังกระหึ่มมาจากสองฟากข้าง
เกาเฉียวทักทายปลอบขวัญเสร็จ จะอย่างไรในใจก็ยังห่วงกังวลถึงเรื่องนั้นมาโดยตลอด จึงเอ่ยขึ้น “หลานชายที่โง่เขลาผู้นั้นของข้า ครั้งนี้โชคดีเอาชีวิตรอดกลับมาได้ ได้ยินว่าคนในกองทัพของท่านที่ชื่อหลี่มู่เป็นคนช่วยมาจากแนวหน้า คนผู้นี้วันนี้ได้ตามกองทัพกลับมาหรือไม่”
สวี่มี่หัวเราะบอก “แน่นอน!” เขามองไปที่บุรุษหน้าดำร่างกำยำล่ำสันที่อยู่ข้างกายผู้นั้น
บุรุษร่างกำยำได้ยินชื่อเกาเฉียวมานาน กลับเพิ่งเคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาเป็นครั้งแรก ตนจึงรีบก้าวเข้ามาทำความเคารพเกาเฉียวอย่างนอบน้อม
“ผู้น้อยหยางเซวียน คารวะเซี่ยงกง หลี่มู่เป็นซือหม่ากองนอก ผู้หนึ่งในสังกัดของผู้น้อย ผู้น้อยจะไปเรียกเขามาคารวะเซี่ยงกงเดี๋ยวนี้ขอรับ!” พูดจบก็เดินจากไปอย่างรีบร้อน
เกาเฉียวมองไปทางด้านหน้า ครู่เดียวก็เห็นหยางเซวียนพาคนผู้หนึ่งกลับมา สายตาของทหารในบริเวณใกล้เคียงที่มองไปยังคนผู้นั้นล้วนเจือไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ต่างพากันเปิดทางให้ ดูก็รู้ว่าคนผู้นั้นน่าจะเป็นหลี่มู่
เขาเขม้นตามองไป อดรู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่บ้างไม่ได้
ตำแหน่งซือหม่ากองนอกอยู่ในกองทัพ แม้จะเป็นเพียงตำแหน่งนายทหารชั้นต่ำขั้นห้าผู้หนึ่ง มีกองกำลังทหารของตนเองเพียงไม่กี่ร้อยนาย ซึ่งแตกต่างจากลูกหลานตระกูลขุนนางที่เข้ามาอยู่ในค่ายทหาร ลูกหลานตระกูลขุนนางที่พอเข้ามาเป็นทหารก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นตูเว่ยจนถึงขุนพลจงหลาง ตำแหน่งทหารตั้งแต่ขั้นสี่ขึ้นไป แต่สำหรับทหารทั่วไปการคิดจะสร้างผลงานจนได้รับเลื่อนขั้นเป็นซือหม่ากองนอกขั้นห้าที่มีกองกำลังทหารของตนเองนั้น หาใช่เรื่องง่าย
เมื่อก่อนตอนเกาเฉียวนำกองทัพ เท่าที่รู้ผู้ดำรงตำแหน่งซือหม่ากองนอกที่อายุน้อยที่สุดก็เกือบสามสิบปีแล้ว
แต่นายทหารตรงหน้าที่ตามหยางเซวียนมาผู้นี้ ดูแล้วกลับยังอายุน้อยอยู่มาก อย่างมากก็อายุยี่สิบต้นๆ คิ้วดาบดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาว ท่วงทีวีรอาจหาญ ฝีเท้าหนักแน่นปราดเปรียว กำลังเดินตรงมา
ข้างกายเขามีเด็กหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกปีเดินมาด้วยคนหนึ่ง ใบหน้าหมดจดงดงาม เพียงเห็นก็รู้ว่าเป็นคุณชายน้อยที่มีชาติกำเนิดอยู่ในวงศ์สกุลสูงศักดิ์คนหนึ่ง ยามสวมชุดเกราะทหาร หัวไหล่สองข้างก็ถูกเสื้อเกราะตัวกว้างทำให้ยิ่งดูบอบบางอย่างเห็นได้ชัด คนผู้นี้ก็คือเกาหวน หลานชายที่ไม่ได้พบหน้ามากว่าครึ่งปีแล้ว
เกาเฉียวมองนายทหารหนุ่มที่ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ผู้นั้น ตอนแรกก็ประหลาดใจ พอมาคิดอีกทีเขาบุกเดี่ยวเข้าไปช่วยหลานชายกลับมาได้ ความฉงนสนเท่ห์นั้นก็พลันมลายไป
ถ้าไม่มีจิตใจที่กล้าหาญเหนือธรรมดา ไม่มีวรยุทธ์ที่สูงส่ง รวมทั้งจิตสังหารที่กล้าแกร่ง ภายใต้สถานการณ์ที่กองทัพสองฝ่ายคุมเชิงกันอยู่ในสนามรบ จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะอาศัยเพียงกำลังของตนคนเดียวบุกเข้าไปในกองทัพศัตรู กวาดสังหารไปทั่วแปดทิศ
ในเมื่อมีความสามารถเหนือผู้คนเช่นนี้ เพียงอายุยี่สิบต้นๆ ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นซือหม่ากองนอก ตามเหตุผลแล้วก็เป็นเรื่องสมควร
“ท่านลุง!”
เกาหวนตลอดทางดูตื่นเต้นดีใจ ตอนเดินตามมาก็พูดอะไรกับนายทหารหนุ่มที่อยู่ด้านข้างผู้นั้นตลอดเวลา กลับเป็นนายทหารหนุ่มผู้นั้นที่ดูออกจะเงียบขรึมอย่างเห็นได้ชัด ไม่ค่อยตอบคำสักเท่าไร เกาหวนก็ไม่สนใจเท่าไรนัก ครั้นหันมาเห็นเกาเฉียว ดวงตาพลันเจิดจ้าขึ้น วิ่งตรงเข้ามา พอเข้ามาใกล้ก็เห็นเกาเฉียวมองเขาด้วยแววตาเยียบเย็น ไม่พูดอะไรแม้ครึ่งคำ เขาก็หน้าจืดเจื่อน ค่อยๆ ก้มหน้าลง ขยับไปยืนอยู่ที่ด้านข้างเงียบๆ
หยางเซวียนพาคนมาถึงเบื้องหน้า
นายทหารหนุ่มทำความเคารพเกาเฉียวตามแบบทหาร คุกเข่าลงข้างหนึ่ง ท่วงทีสุขุมคัมภีรภาพ “ซือหม่ากองนอกหลี่มู่ คารวะเซี่ยงกง!”
เกาเฉียวยิ้ม มองประเมินเขาปราดหนึ่ง เอ่ยว่า “ไม่ต้องมากมารยาท” จากนั้นก็เดินเข้าไปประคองเขาขึ้นมาด้วยตนเอง กล่าวยิ้มๆ “เจ้าบุกเข้าไปในกองทัพศัตรูตามลำพัง ช่วยหลานชายข้าไว้ ความกล้าหาญที่หมื่นคนก็ต้านทานไม่ได้ ต่อให้เป็นเมิ่งเปิน ซย่าอวี้ ในสมัยโบราณ เกรงว่าก็คงไม่กล้าบุกเข้าไป! ข้าซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าได้ยินว่าบรรพบุรุษของเจ้าคือสกุลหลี่แห่งซวีอี๋ สกุลเกาเรากับพ่อและปู่ของเจ้าแม้จะไม่ได้รู้จักคบหากันอย่างลึกซึ้ง แต่เรื่องราวความกล้าหาญของพ่อและปู่ของเจ้าในตอนนั้น ข้าแม้จะอยู่เจียงหนานก็ยังได้ยินข่าว รู้สึกเคารพเลื่อมใสยิ่ง”
เกาเฉียวยกย่องสรรเสริญต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้ ในถ้อยคำไม่ปิดบังความชื่นชมที่ตนมีต่อนายทหารหนุ่มลูกหลานสกุลหลี่ผู้นี้แม้แต่น้อย
“เซี่ยงกงยกย่องผู้ต่ำต้อยเกินไปแล้ว ผู้ต่ำต้อยไม่กล้ารับ ผู้ต่ำต้อยขอขอบคุณเซี่ยงกงแทนญาติผู้ใหญ่ผู้ล่วงลับ”
ตำแหน่งซือหม่ากองนอกยังห่างจากตำแหน่งขุนพลจงหลางซึ่งเป็นตำแหน่งขุนพลขั้นต่ำสุดอีกหลายระดับชั้น ด้วยเหตุนี้นายทหารหนุ่มผู้นี้จึงแทนตนว่า ‘ผู้ต่ำต้อย’ ยามอยู่ต่อหน้าเกาเฉียว
คำตอบประโยคนี้ของเขาดูแล้วไม่มีอะไร กลับแฝงความพิถีพิถันอย่างมาก