ทดลองอ่าน ธาราวสันต์ บุษบันจันทรา บทที่ 7-บทที่ 8 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ธาราวสันต์ บุษบันจันทรา บทที่ 7-บทที่ 8

บทที่แปด

 คืนนั้นกองทัพใหญ่ก็ตั้งค่ายเลี้ยงฉลองและปูนบำเหน็จรางวัลกันที่นอกเมืองตันหยาง ในกองทัพเชือดสุกรล้มแพะ ไม่ห้ามดื่มสุรา คบไฟแดงฉานไปทั่วทุกแห่ง เสียงตะโกนเล่นทายนิ้วมือเคล้ากับเสียงพูดคุยหัวเราะสนุกสนานดังก้องไปทั้งนอกและในประตูค่าย

“ดื่ม!”

“พวกเราเสี่ยงตายอยู่แนวหน้า พวกเขากระทั่งหน้าของทหารกบฏก็ยังไม่เคยเห็น ทุกครั้งความดีความชอบครั้งใหญ่กลับเป็นของพวกเขาเหล่านั้น!”

“หลี่กองนอก พี่น้องทั้งหลายผลัดกันมาคารวะสุราท่าน! ท่านกล้ารับหรือไม่”

ในมุมที่ไม่สะดุดตามุมหนึ่งของค่ายใหญ่ คบไฟพันด้วยผ้าชุบน้ำมันถง ลุกไหม้ส่งเสียงเปรี๊ยะปร๊ะ เปลวไฟลุกโชนสั่นไหว ส่องสะท้อนดวงหน้าแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์สุราเป็นดวงๆ

นายทหารชั้นผู้น้อยกับพลทหารกลุ่มหนึ่งในกองทัพกำลังห้อมล้อมหลี่มู่อยู่ ชิงกันคารวะสุราเขา สายตาที่มองเขานอกจากเลื่อมใสศรัทธาแล้ว ยิ่งเจือไปด้วยความโกรธแค้นที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม

ทุกครั้งที่ทำศึกได้รับชัยชนะ ในกองทัพจะปูนบำเหน็จตามความดีความชอบ นี่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ

การศึกก่อนหน้านี้ หลินชวนหวังรู้ว่าตนไม่มีทางให้ถอยแล้ว จึงต่อสู้ประหนึ่งการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของสัตว์ที่ถูกปิดล้อม อิงชัยภูมิที่ได้เปรียบทำการต่อต้านอย่างดื้อรั้น

ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขายังมีกำลังทหารที่ปกครองมานานปีอีกสองหมื่นนาย ทั้งยึดครองชัยภูมิที่สะดวก

ถ้าตอนนั้นไม่ใช่หลี่มู่ขี่ม้าบุกเข้าไปในทัพข้าศึกดุจสายฟ้าแลบประหนึ่งทหารเทพลงมาจากสวรรค์ พาเกาหวนแห่งสกุลเกาที่เดิมจะกลายเป็นวิญญาณใต้คมดาบกลับมาได้ ทำให้ฐานที่มั่นของหลินชวนหวังชุลมุนวุ่นวายไปทันใด และทำให้ทหารฝ่ายราชสำนักขวัญกำลังใจฮึกเหิมขึ้นอย่างมาก และฉวยโอกาสที่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ทันตั้งรับเปิดฉากโจมตีอย่างรุนแรง จิตใจทหารกบฏที่จะต่อสู้พังทลายไปหมด กองทัพพ่ายแพ้ดุจภูเขาโค่นล้มลงมา เดิมการศึกครั้งนี้จะต้องเป็นการทำศึกที่นองไปด้วยโลหิตแท้ๆ

แต่ถ้ายังไม่ถึงช่วงสุดท้าย…ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าตัดสินผลแพ้ชนะ

วันนั้นในสมรภูมิรบทุ่งกว้างเก่าแก่ที่มองไปไม่เห็นจุดสิ้นสุดผืนนั้น ขณะกองทัพทั้งสองประจันหน้ากันอยู่ เขาถืออาวุธครบมือ ดาบยาวเล่มหนึ่ง โล่เหล็กอันหนึ่ง ทลายกำแพงมนุษย์ที่ขวางอยู่ด้านหน้า สั่งม้าให้เหยียบย่ำลงไปบนซากศพบุกรุดไปข้างหน้าทำให้ทหารข้าศึกอกสั่นขวัญกระเจิง ถอยหนีไปสามเซ่อ ส่งผลให้สุดท้ายถึงกับไม่มีใครกล้าขวาง ได้แต่ตกตะลึงพรึงเพริดมองเขาพาตัวเกาหวนกลับไป ท่ามกลางทหารและม้านับพันนับหมื่นนาย และลูกศรที่ยิงไล่ตามหลังมา

ขอเพียงเป็นคนที่เห็นภาพนี้ด้วยตาของตนเองในวันนั้น แม้เวลาจะผ่านมากว่าครึ่งเดือนแล้ว เวลานี้เมื่อนึกขึ้นมาก็ยังคงทำให้คนโลหิตร้อนระอุเดือดพล่าน

หลี่มู่แม้จะเป็นเพียงซือหม่ากองนอกนายหนึ่ง อายุก็ยังน้อย แต่เข้ามาเป็นทหารหลายปีแล้ว เกิดมาในช่วงกลียุค บ้านเมืองวุ่นวายจากภัยสงคราม หากบอกว่าเคยผ่านศึกสงครามมานับร้อยก็ไม่เกินไปแม้แต่น้อย

ตอนหลี่มู่เข้าเป็นทหารครั้งแรก เริ่มจากเป็นพลทหารชั้นต่ำสุด แล้วเป็นอู่จ่าง สือจ่าง นายกองร้อย กระทั่งสองปีก่อนด้วยอายุไม่ถึงยี่สิบปีก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นซือหม่ากองนอกที่สามารถมีค่ายทหารเป็นของตนเองได้ โดยอาศัยผลงานการทำศึกที่สั่งสมมาในแต่ละครั้ง

ในกองทัพที่อยู่ในปกครองของสวี่มี่ซึ่งเดิมตั้งอยู่ทางต้นน้ำของเจียงเป่ยนี้ เมื่อเอ่ยถึงหลี่มู่ที่ฮึกเหิมห้าวหาญเชี่ยวชาญการทำศึกแล้ว แทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก กอปรกับผู้คนต่างเคารพนับถือที่บิดาและปู่ของเขาสละชีพเพื่อบ้านเมือง เขาในหมู่นายทหารชั้นผู้น้อยและพลทหารก็นับว่ามีอำนาจและบารมีอย่างยิ่ง

หลังจากเขารับตำแหน่งซือหม่ากองนอก เหล่าทหารหาญไม่มีใครไม่รู้สึกภาคภูมิใจที่สามารถเข้ามาอยู่ในค่าย และได้เป็นทหารในสังกัดของเขา

ทหารสามร้อยนายในบังคับบัญชาของเขา แต่ละคนล้วนกล้าหาญไม่กลัวตาย กินด้วยกัน นอนด้วยกัน ทุกการทำศึกจะบุกตะลุยโจมตีข้าศึกร่วมกันกับเขาอย่างลืมความเป็นความตาย

จนกระทั่งครึ่งเดือนก่อนการศึกครั้งนั้นถึงทำให้เขาได้กลายเป็นประหนึ่งเทพเจ้าที่ทุกคนเลื่อมใสหวังพึ่งพิงในใจของทหารทุกนายอย่างแท้จริง

โลหิตผู้กล้า…มีอานุภาพสั่นสะเทือนสยบสามเหล่าทัพ

การศึกครั้งนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเหมาเอาความดีความชอบอันดับหนึ่งไว้แต่เพียงผู้เดียว จะบอกว่าทำศึกเพียงครั้งเดียวก็ได้รับการยกย่องเป็นเทพก็ไม่เกินเลยไป

แต่การปูนบำเหน็จตามความดีความชอบในวันนี้ เขากลับได้เลื่อนขั้นเพียงจากซือหม่ากองนอกเป็นซือหม่าฝ่ายขวาหนึ่งในห้าซือหม่าของกองทัพ ส่วนตำแหน่งตูเว่ยที่เป็นรองเพียงตำแหน่งขุนพลเดิมซึ่งว่างอยู่หนึ่งตำแหน่งและทุกคนต่างเข้าใจว่าครั้งนี้ตำแหน่งนี้ต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน กลับตกไปเป็นของบุตรหลานในตระกูลขุนนางคนหนึ่งซึ่งเพิ่งเข้ามาอยู่ในกองทัพได้ไม่กี่เดือน

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com