ทดลองอ่าน ธาราวสันต์ บุษบันจันทรา บทที่ 7-บทที่ 8 – หน้า 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ธาราวสันต์ บุษบันจันทรา บทที่ 7-บทที่ 8

เมื่อคำสั่งชมเชยและปูนบำเหน็จออกมา ทหารสามร้อยนายที่อยู่ในสังกัดหลี่มู่ต่างส่งเสียงโวยวาย ทหารอื่นๆ ที่เหลือก็พากันวิพากษ์วิจารณ์เห็นว่าไม่ยุติธรรม

เสินจ่างหลายคนที่ใจกล้าจะไปหาหยางเซวียนเพื่อต่อว่าต่อขาน กลับถูกหลี่มู่ยับยั้งไว้ ทุกคนเห็นตัวเขาเองไม่ใส่ใจถึงได้ล้มเลิก แต่ความรู้สึกไม่ยุติธรรมในใจยังคงไม่จางหายไป คืนนี้จึงยังคงใช้คำว่า ‘กองนอก’ ซึ่งเป็นตำแหน่งเก่ามาเรียกหาเขาอยู่ เพื่อแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก

หลี่มู่ใบหน้าเจือรอยยิ้ม ผู้ใดมาก็ไม่ปฏิเสธ ร่วมดื่มกับทหารที่ชิงกันมาคารวะสุราตนจอกแล้วจอกเล่า

“ถ้าภายหน้าท่านนั่งรถ ข้าสวมงอบ วันใดบังเอิญพบกันท่านจะลงจากรถมาทักทายข้ากระมัง”

“ถ้าภายหน้าท่านถือร่มกระดาษ ส่วนข้าขี่ม้าตัวสูงใหญ่ วันใดบังเอิญพบกันข้าก็จะลงมาทักทายท่าน”

“อย่าเห็นว่าเด็กหนุ่มตามถนนหนทางยากจน คนที่มีความสามารถเมื่อสบโอกาสเหมาะอาจกลายเป็นมังกรโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า!”

ไม่รู้ใครเป็นคนเริ่มต้น ไม่นานบริเวณรอบๆ ก็เริ่มมีคนเอาสันดาบเคาะกันเป็นจังหวะจะโคน ขับร้องเพลงพื้นเมืองที่มีที่มาจากดินแดนแคว้นเยวี่ยโบราณเพลงนี้ขึ้นมา

ผู้เข้าร่วมยิ่งนานยิ่งมากขึ้น…มากขึ้น เสียงเพลงกับเสียงเคาะดาบทำให้ผู้คนเลือดลมพลุ่งพล่าน คลื่นที่โหมซัดสาดขยายวงกว้างออกไป อารมณ์ฮึกเหิมเร่าร้อนแผ่กระจายตามสายลมยามราตรีไปทั่วค่ายทหาร เป็นเหตุให้นายทหารจากตระกูลขุนนางที่จับกลุ่มกันดื่มสุราอยู่ในที่ห่างออกไปกลุ่มนั้นอดหัวเราะเยาะไม่ได้

ท่ามกลางเสียงเพลง หลี่มู่นั่งตามลำพังอยู่ข้างกองไฟ รินสุราดื่มเองเงียบๆ สีหน้าสงบนิ่ง

ทันใดนั้นเสียงเพลงที่อยู่รอบด้านค่อยๆ เบาลง สุดท้ายก็เงียบไปในที่สุด

หลี่มู่หันหน้ามาอย่างไม่กระตือรือร้น เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งมือข้างหนึ่งถือป้านสุรา มือข้างหนึ่งถือจอก กำลังเดินตรงมาที่ตนทำให้ทหารที่อยู่บริเวณใกล้เคียงพากันชำเลืองมอง มีสายตาจำนวนนับไม่ถ้วนมองตามมา

เกาหวนในใจรู้ดี ในกองทัพคนหนุ่มบุตรหลานตระกูลขุนนางที่พอมาถึงอย่างน้อยก็ต้องได้ตำแหน่งซือหม่าโดยไม่ต้องมีผลงานอย่างตนไม่เป็นที่ต้อนรับของทหารทั่วไปอย่างมาก

ทหารชั้นผู้น้อยเหล่านั้น ภายนอกไม่กล้าแสดงท่าทีอะไร แต่ลับหลังก็เดียดฉันท์พวกตนอย่างมาก

เกาหวนอิจฉาท่านลุงของตนเป็นอย่างยิ่ง แม้มีชาติกำเนิดในตระกูลขุนนางอันดับหนึ่งของต้าอวี๋ แต่ตอนนำทัพในปีนั้นกลับได้รับการยอมรับ ได้กำลังใจจากผู้ใต้บังคับบัญชาและทหารชั้นผู้น้อยอย่างมาก ยิ่งให้การสนับสนุนเขาอย่างที่สุด ถ้าเป็นคำสั่งของเขาก็ไม่มีที่ไม่ปฏิบัติตาม

กล่าวกันว่าการยกทัพไปปราบปรามทางเหนือครั้งสุดท้ายของเขา ด้วยสถานการณ์บีบคั้นทำให้อับจนปัญญาต้องยกทัพกลับแต่กลางคัน กองทัพใหญ่สิบหมื่นนายต้องข้ามแม่น้ำฉางเจียงกลับมา เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงหญ้ากกเฉาเหลือง ท่านลุงยืนอยู่ริมฝั่งทางเหนือ เนิ่นนานไม่ยอมขึ้นเรือ ตอนหันหน้ากลับไปมองน้ำตาไหลพราก นายทหารผู้น้อยที่อยู่ด้านหลังไม่มีใครไม่หลั่งน้ำตาไปด้วย พากันคุกเข่าลงสาบานว่าวันหน้าถ้าเขาจะระดมกำลังทหารไปปราบปรามทางเหนืออีก ยังคงยินดีจะเป็นทหารในบังคับบัญชาของเขา

ตอนนั้นเกาหวนยังไม่เกิด ภาพที่เต็มไปด้วยความเศร้าอาดูรคลุกเคล้าไปด้วยความฮึกเหิมเร่าร้อนฉากนั้น เขาย่อมไม่มีวาสนาจะได้เห็น แต่เรื่องนี้ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อความใฝ่ฝันของเขา

หลังจากมาถึงที่นี่เกาหวนก็เคยคิดจะเข้ามาใกล้ชิดกับเหล่าทหารชั้นผู้น้อย แต่ติดขัดที่ความเคยชินมานานปีและสายตาของคนรอบข้าง จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้าละทิ้งท่วงทีที่บุตรหลานตระกูลขุนนางพึงมีของตนลง

แต่หลี่มู่กลับแตกต่างไป

วันนั้นเกาหวนถูกมัดอยู่ที่แนวหน้า ขณะที่เขากำลังกดข่มความหวาดกลัวในใจ ตั้งใจแน่วแน่จะไม่เอ่ยปากขอความเมตตาเพื่อรักษาชีวิตรอด ยอมให้ร่างกับศีรษะแยกจากกัน ไม่อาจให้ชื่อเสียงสกุลเกาต้องเสื่อมเสียเพราะตนอยู่นั้น เขาก็ถูกหลี่มู่ใช้วิธีที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดฝันมาก่อนช่วยออกมาได้

นับว่าเขามีชีวิตรอดมาได้ท่ามกลางความสิ้นหวัง!

ในชั่วเวลานั้นเองซือหม่ากองนอกที่ถืออาวุธควบม้า เสื้อเกราะเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตสด ทั่วร่างเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารและความกระหายเลือด และสังหารข้าศึกนับร้อยนับพันที่พุ่งเข้าใส่ ได้กลายเป็นบุคคลผู้หนึ่งที่เทียบเคียงได้กับท่านลุงที่อยู่ในใจของเขา

แม้คนผู้นี้จะมีชาติกำเนิดเป็นสามัญชน ฐานะห่างไกลเทียบกับตนไม่ได้แม้แต่น้อยก็ตาม

ภายใต้สายตาจำนวนนับไม่ถ้วนที่มองจ้องมา เกาหวนก็เดินมาถึงเบื้องหน้าหลี่มู่ เขารินสุราลงจอก สองมือประคองส่งให้ กล่าวอย่างนอบน้อม “หลี่ซือหม่า บุญคุณที่ช่วยชีวิต ชั่วชีวิตนี้ข้าไม่มีวันลืม! เชิญดื่มสุราจอกนี้”

เขาพูดจบก็มองบุรุษที่อยู่ตรงหน้า ในใจรู้สึกกังวลเล็กน้อย

หลังจากที่เขาถูกช่วยมา หลายวันมานี้ด้วยความซาบซึ้งใจ และที่มากกว่านั้นคือความเลื่อมใสศรัทธา เขาจึงพยายามจะเข้ามาใกล้ชิดทำความรู้จักนายทหารหนุ่มผู้นี้มาโดยตลอด

เขามีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่าหลี่มู่ดูไม่เหมือนนายทหารสามัญชนนายอื่นๆ พวกนั้นที่มาจากครอบครัวต่ำต้อยและได้รับการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งจากการสั่งสมความดีความชอบทางการทหาร ซึ่งมีความคิดดูถูกเขาอยู่ในใจ

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 1-2

บทที่ 1 ช่วงเวลาผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ก็เปรียบดั่งผ้าพันเท้าของสตรี เป็นของเก่าเน่าเหม็นที่จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นผ้าผืนใหม่มี...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 3-4

บทที่ 3 หัวหน้าขันทีไม่แม้แต่จะเหลือบแลอวี้ฉือรุ่ย แต่ถามออกมาตรงๆ “ท่านใดคือคุณหนูเฟยเยี่ยน” เสียนเกอเอ๋อร์ข่มโทสะไม่อย...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 5-6

บทที่ 5 เถ้าแก่ร้านตกใจจนเบิกตากว้าง โบกไม้โบกมือเอ่ย “แม่นาง นี่มันสิงโตอ้าปากกว้าง นี่! เห็นว่าพวกงานปักของเจ้าเป็นงาน...

ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก

ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 9-10

บทที่ 9 หวังอวี้หล่างไม่นึกฝันว่าจะได้มาเจอกับองค์ชายรองที่นี่ เมื่อครู่นี้เขายังแสดงกิริยาเสียมารยาทอีกด้วย ในเวลานั้นจ...

community.jamsai.com