แม้แต่วันนั้นที่เกาหวนเพิ่งถูกช่วยชีวิตรอดมาได้ เพราะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ไปชั่วขณะ จึงกอดหลี่มู่ที่พาตนฝ่าข้าศึกกลับมาแล้วร้องไห้เสียงดัง หลี่มู่ยังยกมือตบหลังเขาเบาๆ คล้ายปลอบโยน บุรุษกระดูกเหล็กจิตใจอ่อนโยนก็คงเป็นเช่นนี้กระมัง
แต่ท่าทีที่หลี่มู่มีต่อเขาก็ไม่อาจนับว่าใกล้ชิดสนิทสนม
อย่างน้อยก็ยังห่างไกลจากระดับที่เกาหวนมุ่งหวังไว้
คืนนี้เขาพยายามหาโอกาสที่จะขอบคุณหลี่มู่อีกครั้ง แต่กลับถูกคนรั้งตัวไว้ บอกจะจัดงานเลี้ยงปลอบขวัญให้เขา เมื่อครู่ในที่สุดก็ปลีกตัวมาได้เสียทีจึงรีบเดินมาหาหลี่มู่
สองมือที่ถือจอกสุราของเกาหวนยื่นอยู่กลางอากาศโดยไม่ขยับเขยื้อน เพียงรอให้หลี่มู่รับจอกสุรา สีหน้าเต็มไปด้วยการรอคอยและเจือความตื่นเต้นเล็กน้อย แต่เขากลับเห็นหลี่มู่มองจ้องจอกสุราที่ตนยื่นส่งให้ แววตานิ่งขรึม ส่วนลึกในดวงตาคล้ายมีคลื่นใต้น้ำโหมซัด คล้ายจมอยู่ในความครุ่นคิดบางอย่างที่ไกลโพ้น คนก็ยืนนิ่งไม่ขยับ
รอบด้านเงียบกริบไร้สุ้มเสียง
“หลี่ซือหม่า”
เกาหวนออกจะไม่เข้าใจ เขายิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ เอ่ยร้องเรียกขึ้นเบาๆ
หลี่มู่แววตาเป็นประกายวูบไหวเล็กน้อย ก่อนได้สติกลับคืนมา เขายิ้มๆ แล้วรับจอกสุรามาจากมือของเกาหวน ดื่มรวดเดียวหมด
เกาหวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก มองทหารที่อยู่รอบข้างปราดหนึ่ง เห็นสายตาหลายคู่มองตนอยู่ก็พลันรู้สึกร้อนวาบไปทั้งร่าง โดยไม่แม้แต่จะคิดเขาก็รินสุราอีกจอก แล้วชูให้กับคนที่อยู่รอบด้าน พูดด้วยเสียงอันดัง “พวกท่านล้วนเป็นทหารกล้าที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกับหลี่ซือหม่า! ข้าเกาหวนในชีวิตเลื่อมใสทหารกล้าเป็นที่สุด ข้าขอดื่มคารวะทุกท่านหนึ่งจอก!” พูดจบก็เงยหน้าดื่มสุราลงไปรวดเดียว
วันนั้นเขาถูกทหารกบฏควบคุมตัวอยู่แนวหน้า อยู่ภายใต้คมดาบคมกระบี่ แต่ก็ไม่มีสีหน้าหวาดกลัวให้เห็นแม้แต่น้อย ยิ่งไม่เคยเอ่ยปากวิงวอนขอความเมตตาสักคำ หลายคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เห็นด้วยตาตนเองจึงอดจะรู้สึกเคารพเลื่อมใสในตัวคุณชายสกุลเกาที่มีชาติกำเนิดสูงส่งที่ปกติดูหยิ่งยโสผู้นี้ขึ้นมาหลายส่วนไม่ได้
บุตรหลานตระกูลขุนนางแม้ดูสูงส่งเหนือผู้คน แต่ที่ส่วนใหญ่เข้ามาเป็นทหารก็เป็นเพียงการทำตามการจัดการของครอบครัว เพื่อจะใช้เป็นต้นทุนสำหรับความก้าวหน้าในอนาคต
แต่ในหมู่คนเหล่านี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนที่เข้มแข็งจริงจัง
คุณชายสกุลเกาผู้นี้ก็คือตัวอย่างที่ดี
เขาคารวะสุราหลี่มู่เพื่อแสดงการขอบคุณก็แล้วไปเถิด ตอนนี้ถึงกับยังเป็นฝ่ายคารวะสุราพวกตนอีก ช่างเหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง
ทุกคนออกจะประหลาดใจ ต่างมองหน้ากันไปมา สุดท้ายก็หันไปมองหลี่มู่
หลี่มู่ยิ้มพลางผงกศีรษะน้อยๆ
ทุกคนจึงดื่มสุราในจอกตาม ส่งเสียงดังขึ้นพร้อมกันดุจเสียงฟ้าผ่า “ขอบคุณคุณชาย!”
บรรยากาศที่เงียบสงัดลงไปเมื่อครู่กลับคืนสู่ความคึกคักอีกครั้ง เสียงเล่นทายนิ้วเสียงพูดคุยหัวเราะดังขึ้นไม่ขาดหู
เกาหวนมาที่นี่ นอกจากเพื่อแสดงการขอบคุณแล้ว ในใจยังมีอีกเรื่องซุกซ่อนอยู่ เขาเชิญหลี่มู่ไปยังจุดที่ไม่ค่อยมีคนอย่างนอบน้อม แล้วประสานมือคารวะเขาแทบจรดพื้น เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “หลี่ซือหม่า ข้าเข้ามาอยู่ในสังกัดของท่านได้หรือไม่ ข้ายินดีจะติดตามรับใช้ท่าน แล้วแต่ท่านจะสั่งการ หลี่ซือหม่าได้โปรดรับข้าเอาไว้ด้วย!”
หลี่มู่ชายตามองเขาปราดหนึ่ง แล้วหมุนตัวเดินจากไป
เกาหวนร้อนใจแล้ว ทางหนึ่งไล่ตาม ทางหนึ่งก็บอก “ข้าไม่ใช่คนรักตัวกลัวตายหรอกนะ! ถูกจับเป็นเชลยครั้งนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของข้าเพียงคนเดียว ข้าตั้งปณิธานจะตอบแทนคุณแผ่นดิน ขอเพียงหลี่ซือหม่าพยักหน้า ข้าจะต้องเกลี้ยกล่อมท่านลุง…”
หลี่มู่หยุดฝีเท้า ชี้ไปที่ก้อนหินใหญ่ขนาดราวสองมือโอบที่ข้างเท้าก้อนหนึ่ง “ยกขึ้นมา!”
เกาหวนงงงัน
“ถ้าเจ้าสามารถยกมันขึ้นมาจากพื้นได้ ข้าก็จะรับเจ้าไว้” หลี่มู่เอ่ยเสียงราบเรียบ
เกาหวนดีใจยิ่ง สองตาเปล่งประกาย รีบเดินเข้าไปพลางม้วนแขนเสื้อขึ้น ยืนท่าหม่าปู้ สองแขนโอบก้อนหิน
เพียงแต่หินก้อนนั้นคล้ายมีรากงอกติดอยู่ ไม่ว่าเขาจะออกแรงอย่างไรก็ไม่ขยับเขยื้อน สุดท้ายก็ทุ่มเทกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ตั้งแต่กินนมมารดามาออกแรงจนหน้าแดงหน้าดำ ก็เพียงทำให้ก้อนหินขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนตนเองกลับยืนไม่มั่นคงล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปกับพื้น ในที่สุดก็ต้องยอมปล่อยมือ ลุกขึ้นมาหอบหายใจไม่หยุด
“หลิวหย่ง!”
หลี่มู่ร้องเรียกออกมาคำหนึ่ง