ทหารหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเกาหวนผู้หนึ่ง คนดูผ่ายผอมยิ่ง รูปร่างยังเตี้ยกว่าเกาหวนอยู่บ้าง สองตากลอกกลิ้งไปมาดุจวานรอย่างไรอย่างนั้น เขาวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว คารวะหลี่มู่ “หลี่ซือหม่ามีอะไรจะสั่งการหรือขอรับ”
“ยก!”
หลี่มู่ชี้ไปที่ก้อนหิน
เด็กหนุ่มมองเกาหวนแวบหนึ่ง หัวเราะหึๆ แล้วนั่งยองลงไป ก่อนแผดเสียงคำรามขึ้น เขาถึงกับยกก้อนหินที่อย่างน้อยก็ต้องหนักราวร้อยชั่งขึ้นมาได้
ไม่เพียงยกขึ้นมาเท่านั้น ถึงขั้นยังอุ้มหินเอาไว้ในอ้อมแขน เดินตึงๆๆ ผ่านหน้าเกาหวนไปมาหลายรอบ ท่าทางเหมือนเบายิ่ง สุดท้ายก็โยนกลับไปที่พื้นดังเดิม ปัดๆ มือ ค้อมคำนับหลี่มู่ แล้วล่าถอยไป
เกาหวนหน้าแดงหูแดง ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่นั่น
“คุณชายเกา ข้าได้ยินว่าเจ้าเชี่ยวชาญการคัดตัวอักษร มีชื่อเสียงด้านความปราดเปรื่อง ที่ข้านี่กลับเพียงรับคนที่สามารถยกของหนักได้ เจ้ายังคงกลับไปเถิด คนที่บ้านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
เขากล่าวเสียงนุ่มนวล ตบๆ บ่าเกาหวนแล้วเดินจากไป
เกาหวนยืนแข็งค้างอยู่กับที่ มองเงาด้านหลังของหลี่มู่อย่างงุนงง หน้าม่อยคอตก
“จื่อเล่อ! เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่”
พลันมีเสียงร้องเรียกดังมาจากข้างหลัง
เกาหวนหันหน้าไปก็เห็นลู่ฮ่วนจือที่วันนี้ติดตามขุนนางจากเมืองเจี้ยนคังมาที่นี่เพื่อเลี้ยงฉลองและปูนบำเหน็จให้กองทัพ
“อี้ถิง!”
เขาเรียกสหายรัก ซุกซ่อนท่าทีหงอยเหงาเศร้าซึมบนใบหน้าเมื่อครู่เอาไว้ แล้วเผยรอยยิ้มออกมา
ลู่ฮ่วนจือสองมือไพล่หลัง มองเงาด้านหลังของคนที่เดินจากไป
“เขามีชาติกำเนิดเป็นสามัญชน ก็แค่ซือหม่าคนหนึ่ง ต่อให้ช่วยเจ้ามาจากแนวหน้า แต่นั่นก็เป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว อีกทั้งเขายังเอาความดีความชอบจากท่านลุงของเจ้าได้อีก เจ้าไยต้องลดตัวไปใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาเช่นนี้ด้วย”
ตอนลู่ฮ่วนจือพูดไม่ได้ลดเสียงลงแม้แต่น้อย เห็นชัดว่าไม่สนใจว่าจะถูกได้ยินเข้าหรือไม่
เกาหวนรีบหันหน้ากลับไป เห็นหลี่มู่ที่อยู่ด้านหน้ายังคงเดินต่อไปข้างหน้า เงาด้านหลังดูปกติคล้ายไม่ได้ยินอะไร เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบลดเสียงลงต่ำบอก “ถ้าไม่ได้เขา ข้าคงกลายเป็นผีหัวขาดไปแล้ว! ข้าไม่สนใจว่าชาติกำเนิดเขาจะเป็นอย่างไร ข้าจะคบหากับเขาแน่นอน ข้ากลัวก็แต่เขาจะไม่ชอบข้า ถ้าเจ้าอับอายต่อการกระทำของข้า ต่อไปก็อยู่ห่างข้าให้มากหน่อยแล้วกัน!”
ลู่ฮ่วนจือไม่เคยเห็นเกาหวนใช้ถ้อยคำหนักเช่นนี้พูดกับตนมาก่อนก็ตะลึงงันไป ก่อนกระแอมกระไอออกมา “เอาเถิดๆ แล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน! ต้าซยง* ของข้าสยบความวุ่นวายในแคว้นหลินอี้ได้แล้ว กำลังกลับมา รอเขากลับมา และท่านลุงของเจ้าก็ว่างลงบ้างแล้ว ข้าก็คงต้องเปลี่ยนมาเรียกพี่สาวคนรองของเจ้าว่า ‘พี่สะใภ้’ แล้วกระมัง เจ้าข้าเป็นครอบครัวเดียวกัน ไยต้องทำให้ความสัมพันธ์พี่น้องต้องแตกร้าวเพราะคนนอกคนหนึ่งด้วยเล่า”
ลู่เจี่ยนจือเป็นพี่ชายคนโตของลู่ฮ่วนจือ ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้เคยเป็นคนที่เกาหวนเลื่อมใสศรัทธาเป็นที่สุด ที่เขาตั้งปณิธานจะเป็นทหารก็เพราะได้รับอิทธิพลจากลู่เจี่ยนจือมาเป็นส่วนใหญ่ พอได้ยินข่าวว่าอีกไม่กี่วันลู่เจี่ยนจือจะกลับมา ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มพลางพยักหน้า “รอต้าซยงกลับมาแล้ว ข้าจะไปเยี่ยมคำนับ”
เขาหันหน้ากลับมาอีกครั้ง เห็นเงาร่างที่อยู่ด้านหน้าร่างนั้นยิ่งเดินห่างไปไกลขึ้นทุกที และค่อยๆ หายลับไปท่ามกลางความมืด