บรรยากาศตกอยู่ในความตึงเครียด เวลานี้เองมีคนผู้หนึ่งวิ่งเหยาะๆ จากด้านนอกมาถึงหน้าประตูอย่างเร่งร้อน ดึงสายตาของทุกคนไป
อาเซิงเห็นคนที่วิ่งมาถึงหน้าประตูแล้วชะงักกึกไป ใบหน้าเขาเผยรอยยิ้มอีกครั้ง ขณะส่งเสียงเรียก “พ่อบ้านหลี่”
บุรุษที่นอกโถงผู้นี้ดูจากใบหน้าอยู่ในวัยราวสี่สิบ เรือนกายผอมสูง หน้าเหลี่ยมเป็นสัน เขาอยู่ในชุดเสื้อคลุมยาวสีเขียวอมน้ำตาล สวมรองเท้าหุ้มข้อสีน้ำตาล พอได้ยินอาเซิงเรียกขานตนเอง เขารีบดึงชายเสื้อคลุมให้เรียบไปพลาง พยักหน้าน้อยๆ ตอบกลับอีกฝ่ายไปพลาง เมื่อจัดอาภรณ์และผมเผ้าเข้าที่ ถึงยกเท้าก้าวเข้ามา ไม่เหลือท่าทีลุกลี้ลุกลนอย่างเมื่อครู่นี้อีก
“คุณชายขอรับ” พ่อบ้านหลี่ยืนอยู่เบื้องหน้าคุณชายฉางห่างออกไปห้าก้าว กุมสองมือไว้ตรงกลางลำตัว และโค้งกายเล็กน้อยเป็นการแสดงคารวะ คนที่นั่งอยู่ตอบรับด้วยการผงกศีรษะเบาๆ ทีเดียว
“ข้ายังนึกสงสัยอยู่ว่าไฉนเมื่อครู่มาถึงหน้าประตูก็ไม่เห็นท่าน เข้ามาพักใหญ่แล้วท่านถึงวิ่งมา ยุ่งอะไรอยู่หรือ”
พ่อบ้านหลี่มิได้ตอบคำถามเขา เพียงส่งยิ้มอย่างขอลุแก่โทษให้ จากนั้นสืบเท้าไปข้างหน้าหลายก้าว ยื่นหน้าไปพูดที่ข้างหูคุณชายฉางเสียงอู้ๆ อี้ๆ อี๋อวี้เงี่ยหูฟังก็ยังไม่ได้ยินชัดแม้แต่ครึ่งคำ จนกระทั่งพ่อบ้านหลี่กระซิบรายงานจบ คุณชายฉางผุดลุกขึ้นโดยที่สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน เขาวางมือข้างหนึ่งบนแขนที่ยื่นมาของอาเซิง และสาวเท้าเร็วรี่ออกจากห้องโถงไปพร้อมกับพ่อบ้านหลี่ที่ก้มหน้าค้อมตัวติดตามอยู่ด้านหลัง
พวกหลูซื่อนิ่งอึ้งไป ยังพูดจากันไม่จบก็ทิ้งพวกนางไว้ที่นี่ได้อย่างไร ครั้นจะไล่ตามไป ยังไม่ทันลุกขึ้นจากเก้าอี้ยืนตัวตรง พวกนางถูกเด็กรับใช้หน้าดำที่เฝ้าอยู่ตรงประตูด้านในคนนั้นก้าวเข้ามาสกัดไว้ เขาเอ่ยกับหลูซื่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ฮูหยินโปรดตามข้าน้อยมา ข้าน้อยจะพาท่านไปดูที่เรือนเล็ก เห็นทีว่าคงจัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วขอรับ”
กล่าวจบเขาเบี่ยงตัวส่งสายตาบอกบ่าวสองคนที่ถือสัมภาระอยู่นอกโถง แล้วหันกลับมาทำท่าผายมือนำทางให้พวกนาง หลูซื่อชายตาเห็นคนที่ถือสัมภาระของพวกนางไว้หายไปไม่เห็นเงา ได้แต่เดินตามเด็กรับใช้หน้าดำออกจากเรือนโถงกลางไปอย่างจำใจ
เขาพาพวกนางเดินไปทางทิศตะวันตก เข้าสู่โถงรับรองผ่านระเบียงทางเดินเชื่อมฝั่งซ้ายขวามาถึงสวนดอกไม้เล็กๆ งามวิจิตรแห่งหนึ่ง เมื่อตรงไปข้างหน้าอีกหลายสิบก้าวเลี้ยวไปทางทิศเหนือ ถึงพบเรือนเล็กประตูเดียวหลังหนึ่ง แผ่นป้ายบนคานประตูมีอักษรคำว่า ‘โยวย่วน’ ประตูเรือนเปิดอ้ากว้าง เมื่อทุกคนก้าวเข้าไป ก็เห็นบ่าวสองคนที่ถือสัมภาระให้พวกนางก่อนหน้านี้ยืนรออยู่ เด็กรับใช้หน้าดำถามพวกเขาเสียงเบาๆ สองสามคำ ก่อนจะบอกให้กลับไป
อี๋อวี้ซึ่งถูกหลูซื่อจูงมือไว้ปรายตามองสำรวจเรือนเล็กหลังนี้ ภายในมีห้องปีกด้านข้างสองห้องหนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กติดกันอยู่ทางฝั่งทิศเหนือ แม้เป็นตัวเรือนชั้นเดียว แต่มีความสูงมากกว่าบ้านเรือนทั่วไปที่นางมองเห็นตอนแรกที่เข้ามาในตำบลนี้ หลังคาลาดสองด้านมุงกระเบื้องสีดำสนิทเรียงกันเป็นระเบียบ ทางมุมตะวันออกยังมีศาลารับลมทรงสี่เหลี่ยมหลังคาแหลม ตรงกลางลานปลูกต้นหยาง ไว้ และมีไม้ดอกไม้ใบอีกหลายพุ่ม
เด็กรับใช้พาพวกนางเดินไปทางห้องที่ใหญ่กว่า เขาผลักประตูไม้สลักลายออก ได้กลิ่นชื้นลอยมาจางๆ ระลอกหนึ่ง ฝั่งทิศเหนือในห้องประดับภาพท่องสวนยาวห้าฉื่อ ใต้ภาพมีเก้าอี้ไม้สลักลายสองตัวตั้งอยู่ คั่นกลางด้วยโต๊ะหน้าเล็กขาสูงทำจากไม้แดงตัวหนึ่ง ทางฝั่งขวาดูท่าทางจะเป็นห้องนอน บนประตูห้องกว้างสองช่วงบ่าแขวนม่านผ้าแพรลายมงคลไว้
“ฮูหยิน ต้องการให้เรียกสาวใช้เข้ามารับใช้สักสองคนหรือไม่ขอรับ” เด็กรับใช้รออยู่ด้านข้างอย่างสงบ พอพวกนางดึงสายตาที่มองสำรวจไปรอบๆ กลับมา ถึงปริปากไถ่ถาม
เดิมทีหลูซื่อตามมาอย่างไม่มีทางเลือก ได้ยินเขาถามขึ้นย่อมบอกปัดแน่นอน
“อาหารเย็นจะยกมาให้ตอนยามซวี ห้องที่อยู่ติดกันเป็นห้องครัวเล็กๆ แต่ว่าต้องปัดกวาดในวันพรุ่งนี้จึงจะใช้งานได้ ข้าน้อยขอตัวก่อนนะขอรับ หากฮูหยินมีอะไรจะสั่งกำชับก็ออกไปที่ด้านนอกเรือนได้เลย จะมีคนรอรับใช้อยู่ทุกเวลา” กล่าวจบเขาหมุนกายถอยออกจากห้องอย่างรีบเร่งโดยไม่รอให้หลูซื่อถามไถ่อะไรอีก ปล่อยให้คนทั้งสามในเรือนมองตากันปริบๆ