ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นวลหยกงาม บทที่ 14
อี๋อวี้รู้ดีแก่ใจว่าถ้าไม่บอกให้แจ่มชัด หลูซื่อไม่ละเว้นตนเองเป็นแน่ นางกล่าวอย่างกระมิดกระเมี้ยน “ท่านแม่จำเครื่องประดับหยกลายปลาสองตัวที่คล้องไว้ด้วยกันชิ้นนั้นไหมเจ้าคะ ข้าไหว้วานพี่หลี่ไปจำนำที่โรงรับจำนำในเมืองแล้ว เอ่อ…แล้วตอนอยู่ที่สกุลจางหลายวันนั้น ข้ายังเจอแหวนทองวงหนึ่งอยู่ใต้เตียงในห้องด้วย”
วันนั้นที่หลูซื่อถูกหลี่เสี่ยวเหมยใส่ร้ายป้ายสี และค้นเจอหยกพกมัจฉาคู่ชิ้นหนึ่งได้ในเรือน ในระหว่างที่ชุลมุนกันอยู่ มันหล่นอยู่บนพื้นไม่มีใครไปเก็บ หลังจากหลูซื่อหมดสติ และทุกคนกลับไปกันหมดแล้ว อี๋อวี้ถึงเก็บขึ้นมา แม้ตอนนั้นโกรธจนอยากขว้างมันให้แตก แต่เนื้อสัมผัสของหยกกับฝีมือแกะสลักที่ล้วนไม่สามัญ เป็นเหตุให้นางกลัวว่าเกิดขว้างแตกไป พวกนั้นมาทวงของแล้วต้องชดใช้คืน นางเลยเก็บไว้เพราะเหตุนี้
ต่อมาถูกจับไปที่จวนสกุลจาง ตอนกลางวันพวกนางคิดหาวิธีหลบหนี ย่อมต้องรื้อค้นไปทั่วจนเก็บแหวนทองวงนี้ได้โดยบังเอิญ นางคิดเอาเองว่ามันเป็นสมบัติของจางฮูหยินที่ล่วงลับไปแล้ว กลัวหลูซื่อไม่ชอบใจก็ไม่ได้บอกกล่าวให้รู้ จนกระทั่งพวกนางตัดสินใจหนี นางใคร่ครวญว่าของสิ่งนี้แลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ ถึงค้นออกมาแล้วหยิบติดตัวมา
หลูซื่อฟังคำอธิบายของนางจบ ในใจบังเกิดความรู้สึกแปลกชอบกลสุดจะเปรียบ ใจหนึ่งนางเชื่อแล้วว่าบุตรสาวอยากซื้อไร่ผืนนั้นด้วยราคาเท่าเดิมจริงๆ หาได้มีเจตนาร้ายอย่างที่นางคิดไว้แต่เดิม ใจหนึ่งก็อับอายจนพานโกรธอยู่บ้างจริงๆ ด้วยเงินก้อนนั้นแลกมาจากสิ่งของของนายตำบลจางผู้นั้น นางอยากบันดาลโทสะ แต่พอคิดไปถึงที่ตนเองกล่าวโทษบุตรสาวผิดไปเมื่อวานนี้ อย่างไรก็เอื้อนเอ่ยวาจารุนแรงไม่ออกสักครึ่งคำ
ชั่วขณะเดียวบรรยากาศในห้องอึมครึมอีกคำรบหนึ่ง
ยามหลิวเซียงเซียงดึงสติคืนมาจากก้อนเงินถุงนั้นแล้วได้คิดทบทวนอีกที ก็แจ่มแจ้งว่าความเข้าใจผิดของสองแม่ลูกคู่นี้คลี่คลายแล้ว ขาดแค่ยังหาทางลงไม่ได้ นางมองดูอี๋อวี้ที่ทำหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ จึงพูดกับหลูซื่อที่ยังลังเลไม่แน่ใจ “ท่านแม่บุญธรรม หนนี้เป็นท่านกล่าวโทษเสี่ยวอวี้ผิดไป จะให้ข้าพูด ข้าว่าท่านคิดกับบุตรสาวของตนเองในด้านร้ายเกินไปนะเจ้าคะ”
หลูซื่อหน้าแดง พูดตอบอย่างเก้อกระดาก “ผู้ใดใช้ให้นางปกติเป็นเด็กแสนรู้นัก…ข้าเลยนึกว่า…นึกว่า…”
หลิวเซียงเซียงเห็นนางใจอ่อนแล้ว จึงลอบส่งสายตาให้อี๋อวี้ก่อนกล่าว “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตีก็ตีไปแล้ว ดุก็ดุไปแล้ว ตอนนี้อะไรๆ ก็กระจ่างแจ้งแล้ว ท่านยังคิดจะมีน้ำโหต่อไปหรือเจ้าคะ”
อี๋อวี้ยื่นศีรษะเล็กๆ ไปตรงหน้ามารดาอย่างรู้จังหวะ ดวงตาคู่โตวาววามกะพริบปริบๆ “ท่านแม่ วันก่อนท่านตีข้าเจ็บเหลือเกิน เจ็บจนนอนหลับไม่สนิทมาสองคืนแล้วเจ้าค่ะ”
หลูซื่อเอ็นดูสงสารบุตรสาวคนนี้อย่างยิ่งยวดอยู่แล้ว วันนั้นที่ตีนางเพราะโกรธจัด สองวันนี้หลูซื่อล้วนต้องข่มใจไว้ถึงไม่ไปไยดีนาง บัดนี้รู้ว่าตนเองกล่าวโทษนางผิดไป ทั้งยังได้ยินนางเรียกขานเสียงออดอ้อนอีก พาให้ใจอ่อนยวบยาบไปหมด หลูซื่อไม่สนใจจะไล่เลียงเรื่องที่นางเอาของของคนอื่นไปแลกเป็นเงิน โอบตัวบุตรสาวมาไว้ในอ้อมแขน “เจ้าเด็กคนนี้ เจ็บแล้วไยไม่บอกแม่เล่า” ว่าแล้วก็อุ้มอี๋อวี้มานั่งบนตัก ถอดกางเกงนางออก ยามที่มองเห็นรอยช้ำเป็นปื้นๆ ทั่วก้นเล็กๆ นั่น หลูซื่อใจหายวาบทันใด พร้อมกับน้ำตาไหลพรากลงมาอย่างกลั้นไม่อยู่
อี๋อวี้นอนคว่ำหน้าอยู่บนตักมารดา เพื่อใช้อุบายเจ็บกาย นางไม่ถือสาที่จะถูกคนถอดกางเกงอีกครา ทว่าขณะลอบกระหยิ่มใจอยู่ พลันรู้สึกเปียกๆ ตรงบั้นท้าย นางเหลียวไปดู เห็นหลูซื่อกัดริมฝีปากแอบหลั่งน้ำตา
“ท่านแม่ อย่าร้องไห้นะเจ้าคะ!” อี๋อวี้ตกใจยกใหญ่ หลูซื่อเป็นคนเข้มแข็งแต่ไหนแต่ไร หลายปีที่ผ่านมานางเห็นมารดาเคยร้องไห้สองครั้ง ครั้งหนึ่งคือตอนนางข้ามภพมาที่นี่ อีกครั้งก็คือตอนถูกคนปรักปรำ
“เสี่ยวอวี้ แม่ไม่ดีเอง แม่ตีเจ้าจนกลายเป็นแบบนี้ ดูสิเขียวช้ำขนาดไหน วัน…วันหลังแม่ไม่ตีเจ้าอีกแล้ว…” หลูซื่อเอานิ้วมือลูบไปตามรอยฝ่ามือที่ตนเองฝากทิ้งไว้อย่างระมัดระวัง ลอบชิงชังตนเองที่ยามนั้นถูกปีศาจตนใดเข้าสิงถึงลงมือหนักหน่วงเพียงนี้
“ท่านแม่อย่าเสียใจนะเจ้าคะ ตรงนั้นมันดูน่ากลัวอย่างนั้นเอง จริงๆ ไม่เจ็บตั้งนานแล้ว คิกๆ ท่านอย่าจับอีกเลย ฮ่าๆ มันจั๊กจี้มาก” ปลายนิ้วเย็นๆ ของมารดาลูบไล้ไปมาบนก้นเล็กๆ ด้วยน้ำหนักไม่เบาไม่แรง ทำให้นางจั๊กจี้จนอยากหัวเราะ
หลิวเซียงเซียงเห็นพวกนางคืนดีกันดังเดิมแล้ว จึงปิดปากหัวร่อแล้วกล่าวสัพยอก “ก่อนหน้านี้ไม่มีคนใดยอมเปิดปากพูดก่อน ตอนนี้คนหนึ่งร้องไห้คนหนึ่งหัวเราะ ไม่ทะเลาะกันแล้วหรือเจ้าคะ”
หลูซื่อถึงห้ามน้ำตาไว้ กอดอี๋อวี้ไว้กับอกอย่างทะนุถนอม “ไม่ทะเลาะแล้ว ข้ากล่าวโทษบุตรสาวผิดไป ตอนนั้นเป็นข้าคิดอกุศล มองคนไปในด้านร้ายอย่างไร้เหตุผล กล่าวหาแม้กระทั่งบุตรสาวของตนเองไปด้วย”
อันที่จริงหลูซื่อเข้าใจผิดก็มิใช่เรื่องแปลก ความคิดตั้งต้นของอี๋อวี้ที่อยากได้ไร่ผืนนั้นหาได้มาจากจิตใจที่ชั่วร้ายอันใด เผอิญว่าอี๋อวี้จำเป็นต้องปิดบังเรื่องบางเรื่องกับนาง จึงไม่อาจเสนอให้ซื้อมันอย่างโจ่งแจ้ง ทำได้เพียงชักจูงความคิดของนางไปในทางนั้น ประกอบกับนานๆ ทีหลูซื่อจะคิดทบทวนหลายตลบ ยามนั้นยังเห็นอี๋อวี้วนเวียนอยู่ใกล้ๆ พูดตะล่อมนางด้วยท่าทางคิดอ่านวางแผนมาอย่างดี บันดาลให้นางยิ่งมองไปในทางร้ายมากขึ้นด้วยอารมณ์ร้อนชั่วแล่น
อีกทั้งระยะนี้อี๋อวี้เองก็แสดงความฉลาดเฉลียวจนเกินตัวไปบ้าง มาตรว่าหลูซื่อจะใจกว้าง แต่หลังจากประสบพบเจอคนอย่างครอบครัวหวังซื่อมา เป็นเหตุให้ยากจะห้ามความคิดไว้ได้ด้วยกลัวบุตรสาวจะหลงเดินทางผิด ถึงได้ตีนางด้วยความขึ้งโกรธระคนห่วงใย