ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นวลหยกงาม บทที่ 16
บทที่สิบหก
ชาวสกุลหลูทั้งสี่กินอาหารแล้วพูดคุยกันต่ออีกพักหนึ่ง ตำบลหลงเฉวียนนั้นอยู่ใกล้กับเมืองฉางอันมาก หลูซื่อนัดหมายว่าจะมาหาพวกเขาอีกครั้งในเดือนหน้า และพูดกำชับเรื่องการกินอยู่หลับนอนสัพเพเหระกับบุตรชายสองคน ยามที่ตะวันคล้อยลงทางทิศประจิมทุกที พวกเขาถึงเดินตามไปส่งที่ประตูอันฮว่าทางทิศใต้ของเมือง
ระยะทางจากอู้เปิ่นฟางถึงฟากทิศใต้ของเมืองห่างกันไกลพอสมควรจริงๆ กระนั้นชาวสกุลหลูซึ่งได้พบหน้ากันอย่างไม่ง่ายดายเพียงนึกอยากให้เส้นทางนี้ไกลออกไปอีกใจจะขาด หลูจื้อยังหมายใจอยากพบหน้าคุณชายฉางที่ช่วยมารดากับน้องสาวไว้ เมื่อมาถึงบริเวณใกล้ๆ ประตูอันฮว่า เด็กหนุ่มทั้งสองก็รอคอยอยู่ตรงข้างกำแพงเป็นเพื่อนพวกนาง
ระหว่างหลูจวิ้นกำลังแหย่ให้อี๋อวี้พูดจา หลูซื่อมองดูสองพี่น้องเย้าหยอกกันอย่างสนุกสนาน บนหน้าปรากฏรอยลังเลใจครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงตัวหลูจื้อไปอีกทางหนึ่ง พอเห็นลูกอีกสองคนมิได้สนใจมองมา ถึงกระซิบถาม “จื้อเอ๋อร์ เจ้า…เจ้าได้พบเขาหรือยัง”
หลูจื้อสังเกตเห็นมารดาทำท่าจะพูดก็ไม่พูดตั้งแต่ตอนกินอาหารแล้ว ครั้นได้ยินนางปริปากถามดังคาด เขาลอบถอนใจเฮือกหนึ่ง หากสีหน้ากลับเป็นปกติมาก “ยังขอรับ แค่ได้ยินได้ฟังบางอย่าง…ท่านแม่ ต่อให้พบกันก็คงจำหน้าไม่ได้ พวกเราจากมาเก้าปีแล้วนะขอรับ”
ใบหน้าของหลูซื่อนิ่งขึงไปแล้วหม่นแสงลง “แม่เพียงถามไปอย่างนั้น…”
หลูจื้อเหลือบเห็นนิ้วมือใต้แขนเสื้อของมารดากำเข้าหากันแน่น เขาจึงกล่าวเสียงอ่อนลง “เอาล่ะ พวกเราไปทางนั้นเถอะ เสี่ยวอวี้มองมาทางนี้ซ้ำหลายครั้งแล้วขอรับ” หลูซื่อพยักหน้าแล้วเดินกลับไปพร้อมเขา
ไม่ถึงยามโหย่ว อี๋อวี้แลเห็นรถม้าที่พวกนางนั่งเมื่อเช้าแล่นมาแต่ไกล อาเซิงบังคับรถม้าให้จอดลงตรงหน้าทุกคนอย่างมั่นคง
“หลูฮูหยิน นี่คือบุตรชายสองคนของท่านกระมัง” อาเซิงมองปราดเดียวก็เห็นเด็กหนุ่มโดดเด่นสองคนข้างกายหลูซื่อกับบุตรสาว ดวงตาเขาทอประกายวูบหนึ่งขณะส่งเสียงถามอย่างยิ้มแย้ม
หลูซื่อพยักหน้ารับ นางแนะนำอาเซิงให้หลูจื้อและหลูจวิ้นรู้จัก สองพี่น้องโค้งกายขอบคุณเขา ยังเอ่ยปากว่าต้องการพบคุณชายฉางในรถม้า อาเซิงได้ยินแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “น่าเสียดาย เวลานี้คุณชายมิได้อยู่ในรถม้า สองสามวันนี้ท่านต้องรั้งอยู่ในเมืองฉางอันสะสางงานบางอย่าง เพียงมอบหมายให้ข้าพาคนไปส่ง”
สายตาของสองพี่น้องซึ่งจับอยู่ที่ตัวรถม้าทอแววผิดหวังอย่างปิดไม่มิด พวกเขายังกล่าวขอบคุณที่อาเซิงตั้งใจมาพามารดากับน้องสาวส่งกลับไป
หลูซื่อกับอี๋อวี้บอกลาพวกเขาอย่างอาลัยอาวรณ์แล้วนั่งรถม้ากลับสู่ตำบลหลงเฉวียน
ผ่านไปอีกหลายวัน ต้นปั้วเหอในแปลงดอกไม้ของเรือนโยวย่วนได้เวลาตัดเก็บใบแล้ว พ่อบ้านหลี่ส่งสาวใช้ตัวน้อยที่ละเอียดรอบคอบมาช่วยงานสองคน อี๋อวี้ย่อมยินดีที่ได้อยู่สบายๆ หลังบอกเรื่องที่ต้องระวังกับพวกนางสองสามจุดแล้ว นางวิ่งเข้าไปในห้องหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่ง และยกม้านั่งตัวเล็กมานั่งอยู่ในลานเพื่อ ‘คุมงาน’
สาวใช้สองนางนี้ถือตะกร้าไม้ไผ่สานไว้คนละหนึ่งใบ เดินเลาะไปตามด้านข้างแปลงดอกไม้เก็บใบปั้วเหออย่างเบาไม้เบามือ และนุ่มนวลบรรจงไปทุกๆ อิริยาบถ
แรกเริ่มอี๋อวี้เห็นท่าทางแบบนี้ของพวกนาง ยังบอกกลั้วเสียงหัวเราะว่าต้นไม้นี้มิได้บอบบางปานนั้น ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังถึงเพียงนั้น นางเห็นสาวใช้ทั้งสองเพียงยิ้มรับ แต่มือไม้ไม่ผ่อนคลายขึ้นสักนิด จึงไม่พูดต่อให้มากความ
ที่ทำให้อี๋อวี้หลากใจคือสาวใช้สองนางเด็ดใบปั้วเหอแค่คนละครึ่งตะกร้าแล้วกลับไป ผ่านไปครู่หนึ่งพ่อบ้านหลี่มาที่เรือนโยวย่วน เห็นนางนั่งยองๆ นับต้นปั้วเหออยู่ข้างแปลงดอกไม้ เขาก้าวเข้าไปส่งเสียงเรียก
“แม่นางหลู”
อี๋อวี้ลอบนึกกังขาอยู่ เหลียวหลังไปเห็นพ่อบ้านหลี่เดินเข้ามา นางชี้ไปที่แปลงดอกไม้พลางถามอย่างงุนงง “ทำไมพวกนางเด็ดไปน้อยนิดแค่นั้น”
พ่อบ้านหลี่หยักยิ้ม “ข้ากำลังจะมาบอกเรื่องหนึ่งกับท่าน ใบปั้วเหอที่เด็ดจากต้นแล้วมีกลิ่นอยู่ได้เจ็ดแปดวัน ด้วยเหตุนี้คุณชายส่งคนมากำชับไว้เป็นพิเศษให้ตัดเก็บส่วนหนึ่งทุกห้าวัน สองสามต้นที่ย้ายไปเมื่อคราวก่อนล้วนเลี้ยงไม่รอด พวกข้ากลัวจะปลูกไม่ขึ้นอีก เลยจำเป็นต้องให้ท่านดูแลต่อไปอีกสักระยะหนึ่งขอรับ”
อี๋อวี้ฉงนใจเป็นอันมาก ต้นปั้วเหอนี้ปลูกด้วยเมล็ดได้ยากยังพอมีเหตุผลฟังขึ้น แต่ย้ายต้นที่โตแล้วครึ่งหนึ่งไปปลูกต่อยังเลี้ยงไม่รอดอีกหรือไร บริวารของคุณชายฉางล้วนเบาปัญญาหรือไรกัน
ถึงจะมีข้อสงสัยในใจ อี๋อวี้ยังคงตกปากรับคำอย่างง่ายดาย ความนัยของพ่อบ้านหลี่คือให้นางช่วยปลูกต้นปั้วเหอต่อไป เรื่องนี้กลับมิใช่ปัญหา ถึงอย่างไรพวกนางยังต้องอาศัยอยู่ที่นี่อีกระยะหนึ่ง สำหรับต้นที่ย้ายไปปลูกนั่น ในเมื่อพวกเขาพูดถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าจริงหรือเท็จ ไยนางต้องเปิดโปงพวกเขาให้ได้ประโยชน์อะไร
เห็นนางตอบตกลง พ่อบ้านหลี่ยิ้มกว้างจนปรากฏริ้วรอยยับย่นทั่วหน้า เขายังไต่ถามสารทุกข์สุกดิบอีกหลายคำอย่างเอาใจใส่ ก่อนจะหมุนกายเดินออกไป
ยามบ่าย หลูซื่อกับหลิวเซียงเซียงที่ออกไปซื้อของกลับมาแล้ว อี๋อวี้บอกเรื่องที่พ่อบ้านหลี่มาหา หลูซื่อลูบหัวนางยิ้มๆ แค่พูดสำทับนางให้ตั้งใจปลูกต้นไม้ให้พวกเขา จากนั้นหยิบผ้าใหม่ที่ซื้อมาให้นางเลือกสี
เงินที่หลูจื้อมอบให้ก้อนนั้นทำให้ใช้สอยได้คล่องมือขึ้น หลูซื่อจึงไปข้างนอกซื้อหาข้าวของกับหลิวเซียงเซียงหลายอย่าง อี๋อวี้สังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่านับแต่มารดาได้พบกับพี่ชายสองคนแล้วจิตใจปลอดโปร่งขึ้นไม่น้อย ทั้งมีรอยยิ้มบนใบหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นางพลอยดีอกดีใจมากไปด้วย