ทดลองอ่าน นวลหยกงาม บทที่ 16 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน นวลหยกงาม บทที่ 16

เห็นซานกูนั่งแผลงฤทธิ์อยู่บนพื้น ยังมีเสียงร้องไห้โวยวายลอยมากระทบหูไม่ขาดสาย อี๋อวี้กระจ่างแจ้งในที่สุดว่าคนผู้นี้มาทำอะไร ยังมิใช่เพราะได้ยินเรื่องที่พวกนางทำสัญญาตกลงขายเหมาผลซานจากับปิงถังหูลู่ให้ผู้อื่น ได้เงินมาก้อนหนึ่ง เลยคิดจะฉวยโอกาสมาขอแบ่งสันปันส่วนด้วย

ก่อนหน้านี้หญิงชาวนาที่จ้างมาทำปิงถังหูลู่พวกนั้นส่วนใหญ่เป็นคนที่หลูซื่อเห็นว่าฐานะยากจนจึงอยากช่วยเหลือเจือจาน ฉะนั้นทุกๆ เดือนพวกนางถึงมีรายได้อย่างน้อยห้าตำลึงมาตลอดค่อนปีเศษนี้ ซึ่งเทียบเท่ากับผลเก็บเกี่ยวห้าปีจากไร่นาสิบหมู่ของครอบครัวชาวนาทั่วไปเลยทีเดียว ตอนหลูซื่อเลิกจ้างพวกนางยังมอบเงินให้อีกคนละสิบตำลึงเรียกได้ว่าเมตตากรุณาอย่างที่สุดแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังมีพวกที่โลภมากไม่รู้จักพอมาหาถึงเรือนอีกจริงๆ

จริงอยู่ที่เงินห้าพันตำลึงไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย อี๋อวี้คาดประมาณว่าผู้ที่มีเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้น่าจะเปรียบได้กับเศรษฐีเงินล้านในที่ที่นางเคยอยู่ก่อนข้ามภพมา หากพูดว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อนชีวิตของพวกนางเพียงถือว่าอยู่ในขั้นมีกินมีใช้ล่ะก็ บัดนี้นับได้ว่าก้าวขึ้นไปอยู่ในหมู่ชนชั้นกลาง สร้างเนื้อสร้างตัวจากชาวนามาเป็นผู้มีอันจะกินแล้ว หรือจะกล่าวง่ายๆ คือ ตอนนี้พวกนางคือเศรษฐีใหม่ แล้วจะไม่เป็นที่อิจฉาริษยาของผู้อื่นได้หรือไร

“ฮือๆๆๆ…พวกไร้ศีลธรรม…ไร้มโนธรรม…หากมิใช่พวกข้าช่วยเหลือเกื้อกูล…ครอบครัวพวกเจ้าจะร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพียงนี้หรือ…กลับลอบงุบงิบเก็บเงินก้อนนั้นเอาไว้เอง…ฮือๆๆๆ” หูของซานกูได้ยินเสียงวิจารณ์ดังระงมทางข้างหลัง นางยิ่งร้องไห้ตีโพยตีพายอย่างสุดกำลัง

ไม่ว่าถ้อยคำของนางจะจริงหรือเท็จอยู่กี่ส่วนก็ตามที ชาวบ้านทั้งหลายที่มุงดูอยู่นอกประตูเริ่มชี้หน้าซุบซิบนินทาอี๋อวี้ บางคนที่ใจกล้ากว่ายังส่งเสียงดังพูดหนุนนางสองสามคำ

ความรู้สึกเกียจคร้านเฉื่อยชาจากการตื่นเช้าของอี๋อวี้อันตรธานไป ครั้นได้ยินเสียงหลูซื่อร้องถามซ้ำๆ จากในห้องลอยผ่านโถงกลางออกมาอีก นางไม่แม้แต่จะมองคนบนพื้นสักแวบ หมุนกายเลิกม่านขึ้นเดินกลับเข้าไปข้างใน อีกอย่างหนึ่งนางคลุมเสื้อตัวนอกไว้เท่านั้น ยืนอยู่เบื้องหน้าผู้คนในสภาพเช่นนี้อย่างไรก็ไม่เหมาะ

เสี่ยวหม่านเข้าไปในห้องโถงตามหลังนางติดๆ เห็นหลูซื่อเอาเสื้อคลุมตัวเดินมาจากห้องนอนด้านขวา ถามพวกนางอย่างสงสัย “ข้างนอกเสียงดังอึกทึกอย่างนั้น มีอะไรรึ”

ไม่รอให้อี๋อวี้เอ่ยปากพูด เสี่ยวหม่านก็ชิงเล่าฉอดๆ ถึงเรื่องเมื่อครู่นี้ก่อน อี๋อวี้ฉวยจังหวะนี้กลับไปที่ห้องของตนเองตักน้ำเย็นอ่างหนึ่งมาล้างหน้า ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ด้วยไม่ถนัดการหวีแต่งเรือนผม นางทำได้แค่ส่องคันฉ่องถักผมเป็นเปียยาวเส้นหนึ่งห้อยพาดมาทางบ่าซ้าย

เสี่ยวหม่านเดินตามหลูซื่อเข้ามาในห้องเห็นนางแต่งกายเช่นนี้ กุลีกุจอก้าวเข้าไปหยิบหวีสับไม้เหลืองพันแพรสีมาเสียบผมตรงหลังหูของนาง และช่วยหวีผมหน้าม้าของนางให้เรียบ ปากยังพึมพำเบาๆ ไปด้วย “คุณหนูก็จริงๆ เลย จะไม่มุ่นผมก็ช่าง นี่ไม่แม้แต่จะติดเครื่องประดับสักชิ้น ออกไปใครเห็นเข้ายังนึกว่าพวกเราแสร้งทำตัวเป็นยาจกนะเจ้าคะ”

หางตาของอี๋อวี้กระตุกทีหนึ่ง เพียงถือเสียว่าไม่ได้ยินคำพูดของสาวใช้ เสียงร้องไห้โวยวายในลานยังดังไม่ขาดสาย พวกนางอยู่ในห้องยังได้ยินชัดถนัดหู

หลูซื่อด้านข้างขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น “เจ้าว่าพวกนางได้ข่าวมาจากที่ใดกัน กระทั่งพวกเราทำสัญญาเป็นเงินเท่าไรก็รู้อย่างแจ่มแจ้ง นางมาเอะอะโวยวายอย่างนี้เป็นการสาดโคลนมาที่ตัวพวกเราโดยไร้เหตุผล คนที่มุงดูอยู่วันนี้จะเอาเรื่องพวกเราไปลือต่อๆ กันในวันหลังอย่างไรก็สุดรู้”

อี๋อวี้ลุกขึ้นไปจูงหลูซื่อมาที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ให้เสี่ยวหม่านสางผมให้มารดา ส่วนตัวนางอยู่ด้านข้างเลือกเครื่องประดับผมที่อยู่ในกล่อง “ท่านแม่จะสนใจพวกคนปากมากนั่นทำไม ประเดี๋ยวไปเรียกเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนมาจับพวกนางออกไปก็หมดเรื่อง กับคนพรรค์นั้นไม่คุ้มค่าหรอกเจ้าค่ะ” ว่าแล้วก็ยื่นปิ่นเงินสลักลายนกกระจอกในมือส่งให้เสี่ยวหม่าน

“นั่นสิเจ้าคะ ฮูหยินจะแยแสพวกนางไปไย ข้าได้ยินน้าสะใภ้บอกว่าตอนนั้นเป็นพวกนางที่ตามรบเร้าจะขายถังหูลู่กับพวกเราให้ได้ ครอบครัวของซานกูผู้นั้นยังร่ำรวยกว่าบ้านข้าเสียอีก หากมิใช่ฮูหยินใจดี ไหนเลยพวกนางจะมีโอกาสหาเงินพวกนั้นได้”

บิดามารดาของเสี่ยวหม่านด่วนจากไปทั้งคู่ นางต้องใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของน้าชายนามว่าฉีอู่ตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเมื่อครึ่งปีก่อนฉีอู่ประสบเคราะห์ร้ายขา ครอบครัวขาดคนหาเงินเลี้ยงดูทันที ในเวลานั้นเองที่หลูซื่อจ้างน้าสะใภ้ของนางมาขายถังหูลู่ และเป็นหนึ่งในหญิงชาวนาที่ติดตามหลูซื่อไปเร่ขายของที่เมืองฉางอันตั้งแต่เริ่มต้น ต่อมาฉีอู่กลายเป็นคนขาพิการ หลูซื่อก็จ้างเขาไปเฝ้าไร่ซานจา ครอบครัวนี้ถึงนับว่ามีความเป็นอยู่ที่มั่นคง

เสี่ยวหม่านนั้นมาที่เรือนสกุลหลูเองเมื่อสองเดือนก่อน บอกว่าต้องการขายตัวเป็นสาวใช้ของหลูซื่อกับบุตรสาว หลูซื่อจะยอมตกลงได้อย่างไรกัน แต่เด็กสาวนางนี้ร้องไห้กอดขานางพูดว่าต้องการทดแทนบุญคุณครอบครัวน้าชายที่อบรมเลี้ยงดูมา ร่ำร้องขอให้หลูซื่อส่งเสริมตนเองให้ได้ทำตามที่ตั้งใจ ท้ายที่สุดเป็นอี๋อวี้ที่เอ่ยปากรับนางไว้ กระนั้นมิได้ให้นางประทับนิ้วมือในสัญญาขายตัวอะไร ทุกเดือนยังให้เงินนางหนึ่งตำลึงเป็นค่าตอบแทน มีรายได้มากกว่าชายฉกรรจ์ทำไร่ไถนาด้วยซ้ำไป

หลูซื่อฟังเสี่ยวหม่านพูดแล้วหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นยังไม่คลายออก อี๋อวี้เห็นมารดาเป็นเช่นนี้ ได้แต่พูดกล่อม “ท่านแม่อย่ามีน้ำโหเลย ข้าออกไปบอกให้พวกนางกลับไปเอง ท่านแต่งเนื้อแต่งตัวก่อน อีกประเดี๋ยวพวกเรายังต้องไปเยี่ยมพี่เซียงเซียงนะเจ้าคะ” สองเดือนที่แล้วหลิวเซียงเซียงออกเรือนใหม่ในฐานะหญิงม่ายไปแล้ว นางแต่งงานกับอาจารย์สอนหนังสือในเมืองที่สูญเสียภรรยามานานสี่ปีผู้หนึ่ง เขามีอายุมากกว่านางสี่ปี แม้นเป็นคนคร่ำครึไปบ้าง แต่ดีต่อนางอย่างยิ่งยวด

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com