ถึงอย่างไรก็เป็นการซื้อของราคาถึงสองพันตำลึง หลูซื่อนัดหมายกับบุตรชายสองคนในวันที่สิบห้าเดือนหน้าซึ่งเป็นวันพักของหลูจื้อว่าจะมาเมืองฉางอันอีกทีเพื่อไปเดินชมร้านเครื่องประดับในย่านตงตูฮุ่ยโดยเฉพาะ หลูจื้อยังต้องเรียนวิชายิงธนูขี่ม้าตอนบ่าย พอกินอาหารมื้อนี้เสร็จ หลูซื่อใช้รถม้าพาพวกเขาไปส่งที่ประตูหลังของสำนักศึกษาหลวง
ก่อนจากกัน หลูซื่อยัดเยียดถุงเงินใบหนึ่งให้หลูจื้อ ในนั้นนอกจากเศษก้อนเงินสิบกว่าตำลึง ยังมีตั๋วเงินห้าสิบตำลึงสองใบ หลูจื้อลังเลเล็กน้อยก่อนจะรับไว้ เขายังกำชับให้มารดากับน้องสาวระวังเนื้อระวังตัวระหว่างทางกลับ ถึงพาหลูจวิ้นเข้าไป
กระนั้นสองแม่ลูกไม่ได้กลับไปที่ตำบลหลงเฉวียนทันที นานทีปีหนพวกนางจะออกมาข้างนอกสักครา ย่อมอยากจะเดินเที่ยวเป็นธรรมดา จึงสั่งสารถีพาพวกนางไปที่ย่านตงตูฮุ่ย ตั้งใจว่าจะไปหมายตาร้านเอาไว้ก่อนเพื่อจะมาเลือกซื้อเครื่องประดับในเดือนหน้าได้สะดวก
ย่านการค้าของฟากตะวันออกของเมืองฉางอันกว้างใหญ่มาก อาณาเขตทั้งหมดของย่านนี้ถูกแบ่งคั่นด้วยถนนใหญ่สี่สายที่ตัดผ่านกันเป็นตลาดที่ค้าขายกันอย่างอิสระเก้าแห่ง เมื่อเทียบกับย่านซีลี่เหรินฝั่งตะวันตกแล้ว ที่นี่ขายสินค้าชั้นเลิศเป็นส่วนใหญ่ ตั้งแต่วัตถุโบราณตกแต่งเรือน เครื่องประดับอัญมณี ภูษาแพรพรรณ ไปจนถึงหมึก พู่กัน แท่นฝนหมึก และกระดาษ พร้อมพรั่งครบครัน งดงามประณีตทุกสิ่งสรรพ
หลูซื่อกับอี๋อวี้ไม่ได้มาที่แห่งนี้เป็นครั้งแรก เมื่อเกือบครึ่งปีก่อนตอนยังตระเวนเร่ขายถังหูลู่อยู่ในเมืองฉางอัน ทำให้พอแจ่มแจ้งว่าตลาดแต่ละแห่งของย่านตงตูฮุ่ยขายของชนิดใดบ้าง
พวกนางตรงไปลงรถม้าที่ด้านหน้าของอันเจียงฟางโดยมิได้อ้อมไปทางอื่น จากนั้นอี๋อวี้เดินคล้องแขนกับหลูซื่อผ่านซุ้มประตูศิลาเขียวเข้าไป
ข้อดีของเมืองใหญ่คือไม่ว่าเป็นวันที่หนึ่งหรือวันที่สิบห้า ล้วนไม่มีที่ใดเงียบเหงา ถึงผู้คนไม่คึกคักเนืองแน่นเท่ายามเทศกาล แต่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาบนถนนไม่เคยบางตา
เขตตลาดฝั่งตะวันออกนั้นมีการรักษาความสงบเรียบร้อยดีกว่าเขตตลาดฝั่งตะวันตกอยู่บ้าง มาตรว่ามีคนตะโกนขายของเช่นกัน แต่ไม่เห็นหาบเร่แผงลอยริมทาง บางครั้งบางคราจะมีเจ้าหน้าที่สวมชุดสีน้ำตาลคนสองคนเดินผ่านข้างกายพวกนางไป พอเห็นพ่อค้าแม่ค้าเร่หยุดนิ่งกับที่เกะกะขวางหน้าร้านค้า พวกเขาจะเข้าไปขับไล่
อี๋อวี้ลอบสะทกสะท้อนใจ ครึ่งปีก่อนพวกนางเป็นหนึ่งในคนเร่ขายของอยู่ข้างถนนเหล่านี้ ทั้งเคยถูกเจ้าหน้าที่ขับไล่ ถูกคนรอบด้านมองด้วยสายตาเหยียดหยามไม่ว่า ที่เคราะห์ร้ายกว่านั้นคือช่วงแรกเริ่มยังไร้ประสบการณ์ เคยผ่านเข้าไปในตรอกซอกซอยซึ่งมีการลาดตระเวนไม่ทั่วถึงโดยไม่ตั้งใจแล้วพบกับอันธพาลเจ้าถิ่น เงินที่หาได้จากการวิ่งวุ่นขายของครึ่งวันล้วนต้องยกให้พวกนั้นไปหมด
หลังจากห่างหายไปหลายเดือน พวกนางกลับมาเดินบนถนนในย่านตงตูฮุ่ยอีกครา กลับเป็นลูกค้าที่พกเงินนับร้อยตำลึงอยู่ในอกเสื้อมาจับจ่ายซื้อของที่นี่
หลงจู๊หลิวของร้านชิ่นเป่ายืนคำนวณบัญชีอยู่หลังชั้นวางสินค้าชั้นล่าง เสียงดีดลูกคิดดังต๊อกแต๊กๆ เวลานี้ไม่มีลูกค้าเข้ามา ลูกจ้างในร้านกำลังเช็ดเก้าอี้สูงเขียนลายหลายตัวที่ตั้งชิดผนังอยู่อย่างขมีขมัน
เถ้าแก่ของร้านชิ่นเป่าเปิดร้านในเมืองฉางอันมาตั้งแต่ช่วงรัชศกอู่เต๋อ จากร้านหัวมุมถนนจนมาตั้งอยู่ในย่านตงตูฮุ่ย ถึงไม่อาจเทียบได้กับร้านเครื่องประดับที่มีผู้ทรงอำนาจบารมีหนุนหลังบางแห่ง แต่ก็เป็นร้านเก่าแก่มีชื่อพอดู บางครั้งผู้สูงศักดิ์ในเมืองฉางอันยังมามองหาของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่นี่
หลงจู๊หลิวทำเครื่องหมายบนสมุดบัญชี หางตามองเห็นลูกค้าสองคนเดินเข้ามาทางหน้าประตู รอยยิ้มก็ระบายเต็มหน้าทันใด เขาตะโกนบอกลูกจ้างให้รินน้ำชา แล้วเชื้อเชิญพวกนางมาชมดูชั้นวางสินค้า พลางมองสำรวจลูกค้าท่าทางคล้ายเป็นแม่ลูกกันโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ
อี๋อวี้กับหลูซื่อเดินมาถึงเบื้องหน้าชั้นวางสินค้า ไล่สายตาไปตามกล่องบุแพรไม่มีฝากว้างราวครึ่งฉื่อสิบกว่าใบที่วางเรียงกันสองแถวอย่างเป็นระเบียบบนนั้น เครื่องประดับทุกชิ้นถูกจัดแบ่งตามแบบและวัสดุต่างๆ กันออกไป บางกล่องวางปิ่นปักผมบุรุษทำจากไม้สลักลวดลายละเอียดประณีตเรียงกันสิบกว่าแท่ง บางกล่องเป็นจี้หยกนานาชนิด ยังมีปิ่นสองขาฝังพลอยกับปิ่นมุกขาเดียววางรวมไว้ในกล่องเดียวกัน เป็นต้น ทำให้อี๋อวี้ซึ่งมาที่แห่งนี้เป็นครั้งแรกเห็นแล้วตาลายไปชั่วขณะ
หลงจู๊หลิวแลมองสตรีออกเรือนแล้วที่แม้หน้าตาจะงดงามสุภาพ หากท่าทางกลับสำรวมระวังตนน้อยๆ ยังมีสาวน้อยรูปโฉมพริ้มเพรา ทว่าสีหน้าเต็มไปความอยากรู้อยากเห็นคนนั้น เขาก็ประจักษ์แจ้งแก่ใจ พาให้รอยยิ้มเลือนหายไปสองส่วนทันใด
ขณะอี๋อวี้ยังพิศดูพวกหยกพกอยู่ หลูซื่อส่งยิ้มบางๆ ให้เขา “หลงจู๊ ที่นี่มีเครื่องประดับทองฝีมือประณีตกว่านี้ แล้วก็พวกของประดับกายเด็กสาวชิ้นเล็กๆ กะทัดรัดหรือไม่”
“ล้วนอยู่ตรงนี้ทั้งหมดขอรับ ฮูหยินไม่ถูกใจของพวกนี้หรือ ท่านลองดูปิ่นดอกไม้ไหวฝังหยกลายผีเสื้ออันนี้…” หลงจู๊หลิวจงใจทำสายตางุนงงน้อยๆ ยกมือหนึ่งไปทางชั้นวางสินค้า ชี้ของชิ้นหนึ่งในนั้นพร้อมเริ่มพูดแนะนำ