วันที่สิบสามเดือนสามเป็นการแข่งขันแขนงที่สามของการประชันศาสตร์ห้าสำนัก…ศาสตร์การเขียนอักษร เมื่อวานอากาศร้อนอบอ้าว วันนี้ก็ฟ้าครึ้มอีก อี๋อวี้คิดว่าต้องนั่งอยู่ในสนามเป็นเวลานาน เลยสวมเสื้อผ้าบางชั้นเดียวไว้ด้านในชุดประจำสำนักเพิ่มอีกตัว ยามออกจากเรือน หลูซื่อยังไม่ลืมให้ผิงถงนำร่มกันฝนติดตัวเผื่อไว้
ตอนถึงสำนักศึกษา กลุ่มเมฆดำปกคลุมผืนนภาไว้ครึ่งซีกดูสลัวราง ดวงอาทิตย์ถูกบดบังไว้อย่างน่าสงสาร อี๋อวี้ลงจากรถม้า แหงนคอมองด้านบนพลางลอบตรึกตรองว่าถ้าเกิดแข่งไปกลางคันแล้วฝนตกคงไม่เป็นเช่นที่หวัง ด้วยนางหมายใจจะพิชิตศึกอย่างรวดเร็ว คว้าป้ายสลักป้ายนี้มาครอบครองเพื่อให้ความปรารถนาลุล่วงโดยไว
อี๋อวี้รอคอยอยู่ชั่วครู่เดียวก็เห็นเฉิงเสี่ยวเฟิ่งควบอาชาสีแดงตัวนั้นวิ่งกุบกับๆ มาทางหัวถนน นางพลิกกายลงพื้น จูงม้าไปผูกกับต้นไม้หน้าประตูเรือนพักศิษย์ และบอกกำชับยามหน้าประตูให้เฝ้าดูไว้อย่างรอบคอบ จากนั้นกระชับคอเสื้อให้เข้าที่ พร้อมหันมาพูดกับอี๋อวี้
“อากาศแปรปรวนเสียจริง ราวกับฝนกำลังจะตก นี่ข้าเพิ่งอาบน้ำให้ม้าเมื่อวานนี้เองนะ”
อันว่าพูดดีไม่สมพรปาก พูดร้ายกลับเป็นจริง ทั้งสองยังเดินไปไม่ถึงด้านหน้าหอจวินจื่อ พระพิรุณก็โปรยปรายลงมา อี๋อวี้กางร่มยื่นส่งให้เฉิงเสี่ยวเฟิ่งที่ตัวสูงกว่าถือบังศีรษะไว้ ไม่นานนักฝนก็หนาเม็ดขึ้น
เฉิงเสี่ยวเฟิ่งคิดถึงม้าที่ยังโยงไว้ข้างนอกแล้วสบถเบาๆ คำหนึ่ง พอได้ยินเสียงอึงคะนึงจากที่ใกล้ๆ นางหันไปเห็นพวกลูกศิษย์ตรงอีกฟากหนึ่งของสนามหญ้ายกถุงสะพายไหล่ขึ้นเหนือหัว ก้มหน้าก้มตาวิ่งหลบฝนกันจ้าละหวั่นแล้วหลุดหัวเราะออกมาดังพรืด คิดคำนึงว่าเทียบกับคนอื่นแล้ว ดีชั่วพวกนางยังมีร่มคันหนึ่ง
เมื่อวานเฉิงเสี่ยวเฟิ่งเอาสุราดีงูที่อี๋อวี้กำนัลให้กลับไปและพูดตามคำบอกของอี๋อวี้ มารดาถึงมิได้ตำหนิติเตียนนาง ข้างฝ่ายเฉิงเหย่าจินยังเปิดไหสุราอย่างถูกอกถูกใจ กระนั้นสุรานี้รสไม่แรงเท่าไร เขาดื่มสองจอกแล้วก็พอ ส่วนเฉิงฮูหยินเก็บสุราที่เหลืออยู่เป็นอย่างดี
“ดูท่าว่าฝนคงไม่หยุดตกในชั่วครู่ชั่วยาม เช้านี้ยังจะแข่งขันกันหรือเปล่า” พวกนางก้าวเข้าเรือนไผ่ เฉิงเสี่ยวเฟิ่งรินน้ำชาร้อนส่งให้อี๋อวี้ถือไว้และเอ่ยถามขึ้น “หรือไม่ไปถามที่เรือนเหมยไหม”
อี๋อวี้จิบน้ำชาส่งควันกรุ่นๆ นางใคร่ครวญว่าอาจต้องเจอกับหลี่ไท่ก็สองจิตสองใจนิดหนึ่งพลางกล่าวว่า “ไม่แน่อีกประเดี๋ยวก็จะแจ้งให้รู้แล้ว รอดูต่อไปอีกสักครู่เถอะเจ้าค่ะ”
ผ่านไปอีกหนึ่งถ้วยชา มีคนเข้าไปในเรือนเหมย ทว่าไม่มีทั้งเสียงตีระฆังและไม่มีคนออกมาบอกอะไร ลูกศิษย์ชั้นล่างเริ่มพูดคุยซุบซิบกันเสียงดังอื้ออึง หลังถูกเฉิงเสี่ยวเฟิ่งกล่าวเร่งหลายครั้งหลายครา อี๋อวี้ไม่อาจไม่วางถ้วยชาลงแล้วกางร่มเดินไปทางเรือนเหมย นางรู้นิสัยอีกฝ่ายดีว่ากลัวพบกับพวกอาจารย์ จึงไม่ฝืนใจให้ตามมาด้วย