“ซี้ด…เจ็บ…เจ็บนะ โอ๊ย!”
หลี่ไท่กระชากหน้ากากหนังบนหน้าเหยาอีตี๋ดังแควก ก่อนจะโยนมันทิ้งลงพื้นบนรถม้าแล้วกล่าว “พูด เจ้ามาเมืองหลวงทำอะไร”
“เจ็บจะตายอยู่แล้ว” เหยาอีตี๋ถูกจี้สกัดจุดสำคัญห้าจุด ได้แต่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม แต่ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์หลากหลายอย่างยิ่งยวด เขายักคิ้วหลิ่วตาพลางเอ่ยกับหลี่ไท่ “เจ้าจำข้าได้อย่างไร ตอนนั้นข้านั่งห่างจากเจ้าไกลเป็นโยชน์”
หลี่ไท่มองเขาปราดหนึ่ง ถึงกับยอมเอื้อนโอษฐ์ไขความกระจ่าง “เจ้าไม่ขัดสนเงินทอง ขโมยภาพจากเจี้ยนถังไปขายให้หอขุยซิงต้องมีจุดประสงค์อื่นแฝงอยู่ เจ้าชอบความครึกครื้น ดังนั้นคืนนี้ต้องไปร่วมงานแน่นอน แต่เจ้าต้องหลบข้า จึงเป็นไปได้แปดส่วนว่าจะแปลงโฉมเป็นสตรี” สายตาเขาหยุดอยู่ที่กระโปรงสตรีบนตัวเหยาอีตี๋ “การหาสตรีปากมากสักคนในกลุ่มคนหาใช่เรื่องยาก”
“ฮ่าๆ แย่จริงๆ ที่แท้เสี่ยวเจี้ยนเจ้าคนไม่เอาไหนโดนเจ้าจับไปแล้ว รู้แต่แรกข้าไม่ชวนเขาเล่นสนุกด้วยกันหรอก”
หลี่ไท่ไม่ใส่ใจคำพูดเยาะตนเองของเขา “ตอบข้า เจ้ามาเมืองหลวงทำอะไร”
“ย่อมมาทวงหนี้กับเจ้าแน่นอน” ดวงหน้าเปื้อนยิ้มของเหยาอีตี๋แปรเป็นปึ่งชาฉับพลัน เขาจ้องหลี่ไท่ตาเขม็ง แสยะปากด้วยท่าทางเหี้ยมเกรียมและกล่าวเสียงดุดัน “หรือเจ้าลืมไปแล้ว ปีที่แล้วข้าใจดีไปที่ผิงโจวช่วยสังหารคนให้เจ้า ผลปรากฏว่าเสร็จเรื่องเจ้าก็สะบัดก้นจากไป ทิ้งข้าไว้คนเดียว พอข้าหนีเอาชีวิตรอดมาได้ หรือไม่สมควรมาคิดบัญชีกับเจ้า…อ๊อก!”
ลมแรงสายหนึ่งปะทะใบหน้า เขากล่าวไม่ทันจบก็จุกแน่นในลำคอ ลมหายใจติดขัด แววดุร้ายบนหน้าเขาหายไปทันใด นัยน์ตาทั้งคู่ที่เบิกถลนเล็กน้อยเหลือบลงเห็นปลายท่อนแขนปรากฏขึ้นใต้คาง เขาพยายามหายใจจนหน้าแดงก่ำ ทว่ายังทำหน้าทะเล้น อ้าปากพูดอย่างยากลำบาก
“จะ…เจ้าสี่…มิใช่ว่าละ…ล้อเล่นกับเจ้านะ…นิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ได้กระมัง”
“สองปีก่อนข้าเคยเตือนเจ้าแล้ว”
ม่านตาของเหยาอีตี๋หดแคบลง เขาจดจำได้ในบัดดล หลังจากรอดตายในหุบเขาลึกลูกนั้นแล้วตนเอาแม่นางน้อยคนนั้นมาล้อเล่นแล้วคำตอบของหลี่ไท่คือ…
“เพราะป้อมปราสาทแดง ข้าจึงยังไม่อยากสังหารเจ้า” สิ้นเสียงไม่ทันไร นิ้วมือสองนิ้วของหลี่ไท่ก็บีบเข้าหากันทันที หน้าตาเฉยเมยยามมองดูดวงตาของเขาเริ่มไร้แววทีละน้อย เส้นเอ็นสีเขียวบนหน้าผากปูดโปนขึ้นช้าๆ เหงื่อเม็ดเป้งไหลหยาดลงมาตามใบหน้าเผือดขาว
“ขอเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”
คืนหนาวน้ำค้างแรง ตอนรถม้าคันหนึ่งไปถึงที่ปลอดเปลี่ยวนอกเขตฟางแล้วหยุดจอดครู่หนึ่ง โยนของชิ้นใหญ่ลงข้างทาง กงล้อรถม้าถึงเริ่มหมุนดังครืดคราดๆ อีกครั้งแล่นห่างไปไกล
เหยาอีตี๋นอนบนพื้นนานครึ่งถ้วยชา มือเท้าจึงกลับมามีความรู้สึก เขาไม่รีบลุกขึ้น ยังนอนต่อไปอีกหนึ่งถ้วยชาค่อยดีดตัวลุกขึ้นเฉกปลาไนกระโจนน้ำ นวดคลึงต้นคอแล้วเดินโซซัดโซเซเข้าไปในตรอกใกล้ๆ
“สังหารข้า? ฮ่าๆ น่าสนุกๆ นับวันยิ่งน่าสนุกขึ้นทุกทีแล้ว…”