บทที่ 19
บ่อน้ำร้อนในเรือนหลังเพิ่งเปลี่ยนน้ำใหม่ ไอร้อนกรุ่นๆ สีขาวลอยอบอวล มีน้ำผุดขึ้นจากตาน้ำเป็นพรายฟองปุดๆ ตอนอี๋อวี้ลงไปนั่งแรกๆ รู้สึกว่าน้ำร้อนลวกผิวจนสูดลมหายใจไม่หยุด แต่ผ่านไปครู่ใหญ่ปรับตัวได้แล้วก็เบาสบายไปทั้งเนื้อตัวตัว นางพิงหินเนื้ออ่อนตรงขอบบ่อ ดื่มน้ำชาเย็นๆ และให้ผิงฮุ่ยขัดหลังให้
ไม่ถึงครู่หนึ่ง ผิงถงหอบอาภรณ์สะอาดชุดใหม่ผลักประตูไม้ไผ่เข้ามา นางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขณะวางของบนเก้าอี้หวาย ก่อนจะหยิบชุดฤดูใบไม้ผลิที่ช่างเย็บอาภรณ์ทำเสร็จหมาดๆ มาคลี่กางให้อี๋อวี้ดู เป็นกระโปรงรัดเอวสีแดงทับทิม จับจีบซ้ายขวาข้างละสี่จีบ ฝีเข็มเรียบร้อย ผิงถงสะบัดออกเบาๆ ก็แผ่พลิ้วเป็นระลอกคลื่นสีแดง แม้อี๋อวี้เห็นว่าสีนี้สดใสฉูดฉาดเกินไป แต่ลายปักสะอาดตาบนพื้นกระโปรงเป็นที่ถูกอกถูกใจนางมากกว่า นางจึงหันตัวมาเกาะขอบบ่อ สนทนาถึงศาสตร์ความรู้ในการปักผ้ากับสาวใช้ทั้งสอง
จนกระทั่งหลูซื่อส่งคนมาตาม นางถึงขึ้นจากบ่ออย่างอาลัยอาวรณ์ ชะรอยจะไร้วาสนาในเรื่องนี้ บ่อน้ำร้อนสร้างมาสองปีแล้ว นางกลับเคยแช่น้ำร้อนนับรวมกันได้ไม่กี่หนเท่านั้น
พอเช็ดผมจนแห้งและแต่งกายเรียบร้อยก้าวออกนอกประตู ผิงถงก็เอาเสื้อคลุมผ้าต่วนห่อตัวให้อีกชั้น จะได้ไม่โดนลมจนจับไข้อีกหลังจากเพิ่งหายป่วย ร่างกายของอี๋อวี้ยังอ่อนแรงเล็กน้อย นั่งแช่น้ำร้อนนานๆ ทำให้เวียนหัวและฝีเท้าไม่มั่นคง นางเลยเกาะมือสองสาวใช้เดินไปกันมิให้ล้มลงเพราะทรงตัวไม่อยู่
ใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวัน ในลานโถงกว้างขวางสว่างไสว อี๋อวี้ย่างเท้าเข้าประตูก็เห็นสตรีก้มหน้ายืนเรียงกันสองแถวซ้ายขวา นางหรี่ตาลงนับอย่างละเอียด มีถึงสิบห้าคน ดูท่าทางส่วนใหญ่รุ่นราวคราวเดียวกับนาง คนที่เยาว์วัยก็แค่อายุสิบเอ็ดสิบสอง
“ท่านแม่”
ได้ยินเสียงเรียกเบาๆ เหล่าสตรีที่ยืนตรงกลางโถงครึ่งหนึ่งลอบหันหน้ามามอง เห็นหญิงสาววัยกำดัดผอมบางห่มเสื้อคลุมผ้าต่วนสีเหลืองอ่อนถูกคนพยุงเดินเข้ามาจากนอกประตู ใบหน้าลำคอที่โผล่พ้นอาภรณ์ขาวนวลเนียนเสียยิ่งกว่าเต้าหู้แบบโม่น้ำ รูปหน้าหมดจดพริ้มเพรา เรียวคิ้วนัยน์ตางามงอนเป็นพิเศษ เรือนผมมุ่นมวยหลวมๆ ตรึงด้วยปิ่นดอกไม้ไหวรูปผีเสื้อปีกคู่อันเดียว ปีกขยับไหวไปพร้อมกับกระโปรงสีแดงทับทิมใต้เสื้อคลุมตามจังหวะเยื้องย่างก้าวสั้นๆ นับเป็นคนงามบอบบางอ่อนแอน่าทะนุถนอมเหลือหลาย มีสตรีหลายคนต่างลอบคิดคำนึงในใจ
ว่ามิได้ที่คุณหนูเรือนนี้จะได้เป็นชายาอ๋อง…
อี๋อวี้นั้นไม่รู้ว่าตนแช่น้ำร้อนนานเกินไปแล้ววิงเวียนศีรษะ จะประทับภาพความอ่อนแอบอบบางเป็นภาพแรกไว้ในใจสาวใช้กลุ่มนี้ นางถูกพยุงเดินไปนั่งข้างหลูซื่อ ผิงถงยังเอาเบาะนุ่มหลายใบวางรองเอวให้ พอเห็นมารดามองมาอย่างเป็นห่วง นางก็สั่นศีรษะ กระซิบบอกว่าแค่แช่น้ำร้อนนานเกินไปถึงเป็นอย่างนี้ หลูซื่อจึงเรียกเฉินชวีที่อยู่ใกล้ๆ ไปเร่งทางเรือนครัวให้ยกสาลี่เชื่อมออกมา
“ก้าวออกมาบอกอายุ พื้นเพ แล้วก็ทักทายคุณหนูของพวกเจ้า” หลูซื่อนั่งตัวตรงเป็นสง่า สุ้มเสียงจริงจังไร้รอยยิ้มสักนิด
อี๋อวี้เบือนหน้ามองใบหน้าเคร่งขรึมของมารดา พลางลอบคิดว่ามีก็แต่ในเวลาแบบนี้จึงจะเห็นสง่าราศีของฮูหยินใหญ่สกุลฝางในอดีตจากตัวมารดาได้
“คารวะคุณหนูเจ้าค่ะ บ่าวนามว่าตงอวิ๋น ปีนี้อายุสิบสี่แล้ว เทือกเถาเหล่ากออยู่ที่ลู่โจว อ่านออกเขียนได้บ้าง…”
พวกนางสืบเท้าขึ้นหน้าประสานมือค้อมตัวคำนับทักทายทีละคนโดยไม่ยื้อแย่งกันและพูดจาอย่างระมัดระวัง อี๋อวี้ยกชามกระเบื้องเคลือบถือช้อนตักสาลี่เชื่อมกินคำเล็กๆ พลางนึกถึงบทสนทนาตามลำพังกับมารดาก่อนไปแช่บ่อน้ำร้อน…