นางพูดจบยังวางมือทาบหลังฝ่ามืออี๋อวี้ “เจ้าอย่าคิดมากเลยนะ ร่างกายของคุณหนูหมิงจูไม่ใคร่แข็งแรงมาแต่ไหนแต่ไร โดยเฉพาะสองปีมานี้ที่พวกเจ้าไปจากเมืองหลวง ยิ่งมิได้พบเห็นนางออกจากเรือน ได้ยินว่าต้องต้มยากินต่อลมหายใจเรื่อยมา นางเพิ่งจากไปพักก่อนก็ไม่นับว่ากะทันหัน”
เฉิงเสี่ยวเฟิ่งคบหาสหายกว้างขวาง อันที่จริงสองวันนี้นางได้ยินข่าวแต่แรกแล้วว่าตงฟางหมิงจูสิ้นชีพก่อนงานเสกสมรสของเว่ยอ๋อง มันมิใช่ลางดีอันใดจริงๆ ซ้ำร้ายมีคนขุดคุ้ยเรื่องอดีตของอี๋อวี้ขึ้นมาพูดทั้งในที่ลับที่แจ้ง กระทั่งสกุลหลูตกอับก็ล้วนโยนความผิดไปที่ตัวนางผู้เดียว มีทีท่าว่าจะมองนางเป็นตัวกาลกิณี
เมื่อคิดถึงว่าใกล้ถึงงานมงคลของอี๋อวี้รอมร่อ ไม่เหมาะที่นางจะรับฟังเรื่องเหล่านี้จริงๆ อีกทั้งเฉิงฮูหยินสำทับไว้ เฉิงเสี่ยวเฟิ่งจึงไม่พูดอะไรกับนางมาก ด้วยหวั่นเกรงว่านางจะคิดฟุ้งซ่าน
หลังพร่ำกล่าววาจาปลุกปลอบอยู่คนเดียว เฉิงเสี่ยวเฟิ่งเห็นใบหน้าอี๋อวี้ฉายอารมณ์ปรวนแปรเลยเงียบเสียงลง นางตบมืออีกฝ่ายเบาๆ พร้อมเอ่ยอย่างเป็นห่วง “เสี่ยวอวี้ เจ้าไม่เป็นไรกระมัง”
“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” อี๋อวี้สั่นศีรษะ สีหน้ากลับเป็นปกติดังเดิม “พี่เสี่ยวเฟิ่ง ท่านกลับเรือนก่อนเถอะ หากตอนบ่ายฝนตกอีกก็ไม่ต้องมาแล้ว พรุ่งนี้พวกเราค่อยพบกันที่เรือนพักศิษย์ตามเดิมนะเจ้าคะ”
“แล้วเจ้าจะไปที่ใด ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า”
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ ท่านวางใจได้ เวลานี้ฝนตกอยู่ ข้าจะเถลไถลไปไหนได้เล่า ยามบ่ายยังต้องแข่งขันอีก”
“…เช่นนั้นก็ได้” เฉิงเสี่ยวเฟิ่งเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ผิดปกติ ทั้งนึกขึ้นได้ว่ายังทิ้งม้าตัวโปรดไว้ที่เรือนพักศิษย์ จึงล้วงก้อนเงินเล็กๆ ก้อนหนึ่งวางบนโต๊ะ จากนั้นยืมร่มจากผู้ดูแลร้านแล้วกลับไป
อี๋อวี้นั่งอยู่ในร้านน้ำชาต่ออีกเกือบครึ่งชั่วยาม นางดื่มน้ำชาที่เหลืออยู่ครึ่งกาจนหมดถึงลุกขึ้นออกจากร้านไป
กลับถึงเรือนพักศิษย์ นางพบรถม้าอยู่ตรงหัวถนน อวี๋ทงสวมเสื้อฟางกันฝนรออยู่ที่นั่น พอเขาเห็นนางเดินเข้ามาก็รีบเลิกม่านขึ้น “คุณหนูรีบขึ้นมาขอรับ อย่าตากฝน ฮัดเช้ย!”
อี๋อวี้เห็นชุดใต้เสื้อฟางของเขาเปียกแฉะจึงพูดเอ็ดเสียงเบา “ข้ายังไม่มา ไยเจ้าไม่เข้าไปหลบฝนในรถม้า”
“ทำแบบนั้นไม่ได้ขอรับ” อวี๋ทงเกาท้ายทอยอย่างกระดากใจ เขามองนางก้าวขึ้นรถม้าแล้ว ปิดม่านให้มิดชิดไปถามไป “คุณหนูจะไปไหนขอรับ”
“ไปสำนักอักษรก่อน”
เพลานี้ยังจะไปที่ใดได้อีก เจอหลี่ไท่ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
ทีแรกอี๋อวี้คิดว่าตอนเช้าไม่ต้องแข่งขัน หลี่ไท่อาจจะกลับสำนักอักษรสะสางงาน แต่คาดไม่ถึงว่าไปถึงที่นั่นจะไม่พบเขา นางกับเฉิงเสี่ยวเฟิ่งสนทนากันในร้านน้ำชาเป็นเวลาไม่สั้น นี่จวนจะเที่ยงตรงแล้ว นางวกกลับไปที่วังเว่ยอ๋องก็ไม่เจอตัวคนดุจเดิม ท้ายที่สุดนางตามไปหาถึงหอเทียนอ่าย
ชั้นล่างมีลูกค้าไม่มาก อี๋อวี้ก้าวเข้าประตูแล้วหุบร่ม ปัดหยดน้ำบนไหล่ออก นางเงยหน้ามองเห็นหลงจู๊หลิวทำหน้าประหลาดใจอยู่หลังโต๊ะยาวก็เดาได้ว่าหลี่ไท่ต้องอยู่ที่นี่
นางมิได้พูดอะไรกับเขามากที่โถงด้านหน้า เดินไปถึงเชิงบันไดชั้นสองรอคอยครู่เดียว หลงจู๊หลิวก็วิ่งเหยาะๆ ขึ้นมา
“คุณหนู ท่านมาแล้วหรือขอรับ”
“ท่านอ๋องประทับอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่”
“ทะ…ท่านอ๋อง…” นานทีปีหนหลงจู๊หลิวจะพูดจาตะกุกตะกักกับนางสักหน “ท่านอ๋องประทับอยู่ที่นี่ขอรับ”
ในหัวอี๋อวี้คิดแต่เรื่องของตงฟางหมิงจู ไม่ได้สังเกตท่าทางแปลกพิกลของเขา “ข้างบน?”