ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นวลหยกงาม เล่ม 10 บทที่ 2
“เอ่อ…วันนี้ฝนตกหนัก อาภรณ์ของท่านเปียกหมดแล้ว หรือไม่ข้าเรียกสาวใช้มาพาท่านไปห้องด้านในผลัดเปลี่ยนเสื้อคลุมตัวนอกก่อน จะได้ไม่โดนความเย็นนะขอรับ” ยังนับว่าหลงจู๊หลิวกล่าวอย่างหัวไว
“อีกประเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีเถอะ” อี๋อวี้หยิบผ้าเช็ดรอยเปียกตรงบ่าอีก ตัวนางสั่นสะท้านน้อยๆ จึงกระชับสาบเสื้อสองที ก่อนจะก้าวขาขึ้นไปทางชั้นบน ด้านหลงจู๊หลิวเดินหน้าม่อยตามอยู่ด้านหลัง
ชั้นสามมีห้องส่วนตัวหกห้องและห้องประจำตัวหลี่ไท่ ปกติอี๋อวี้มาที่นี่ จะนั่งกับเขาในห้องรับรองแขกห้องที่มองเห็นทิวทัศน์ทะเลสาบ นางไม่จำเป็นต้องให้หลงจู๊นำทาง เดินตรงไปยังหน้าห้องที่แขวนป้าย ‘ต้นไม้หยก’ เคาะประตูสองทีพอเป็นพิธี เมื่อได้ยินเสียงขานตอบต่ำๆ ถึงผลักประตูเปิด
ปราดเดียวก็แลเห็นหลี่ไท่นั่งหันหลังให้ เดิมทีหญิงสาวมีคำพูดอัดแน่นในใจ แต่พอมองเห็นร่างเขาสวมแค่เสื้อตัวในบางๆ ตัวเดียว ส่วนเสื้อคลุมยาวสีฟ้าอ่อนเมื่อเช้าหายไปไม่เห็นร่องรอย นางก็มุ่นหัวคิ้วสาวเท้าไปด้านในพลางเอ็ดเบาๆ อย่างอดใจไม่อยู่
“อากาศแบบนี้ไม่กลัวจับไข้หรือเจ้าคะ ไฉนแม้แต่เสื้อคลุมตัวนอกก็ไม่…”
เสียงพูดจากปากขาดหายไปกลางคัน เมื่ออี๋อวี้เดินเข้าไปใกล้แล้วเห็นร่างร่างหนึ่งที่ถูกแผ่นหลังหลี่ไท่บังไว้ นางนิ่งงันไปทันที
ตรงโต๊ะเตี้ยตัวหนึ่ง ฝั่งนี้เป็นหลี่ไท่ที่ปลายผมชื้นเล็กน้อยกำลังเหลียวหน้ามามองนาง ฝั่งโน้นเป็นจ่างซุนซีที่ปล่อยผมเปียกสยายลงในสภาพไม่เรียบร้อยอยู่บ้าง ทว่ายังคงงดงามชวนให้ละสายตาไม่ได้ดังเก่า นางกุมถ้วยชาร้อนส่งควันฉุยใบหนึ่งไว้รับไออุ่น พลางเงยหน้าขึ้นมองอี๋อวี้เช่นกัน นางยกมือเล็กๆ นุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูกขึ้นดึงๆ เสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนที่คลุมหัวไหล่ และห่อไหล่เข้าหากันด้วยท่าทางคล้ายไม่ตั้งใจ นัยน์ตาเรียวยาวเปล่งประกายวาวระยับละม้ายตาแมว
“มาได้อย่างไรกัน”
อี๋อวี้รู้ว่าถ้อยคำนี้ของหลี่ไท่มิได้มีความหมายอื่นใด แต่ประโยคต่อมาของจ่างซุนซีทำให้มันแฝงนัยอื่น
“พี่สี่ แค่กๆ อากาศหนาวอย่างนี้ ให้คุณหนูหลูนั่งลงดื่มชาร้อนสักถ้วยให้อุ่นกายก่อนค่อยว่ากันเถอะเจ้าค่ะ” สุ้มเสียงของจ่างซุนซีอ่อนระโหย ดูท่าว่าจะโดนความเย็นแล้ว
หลี่ไท่ย่อมสังเกตเห็นอี๋อวี้หนาวจนริมฝีปากเป็นสีม่วงอยู่บ้าง สีหน้าที่ไม่ดีแต่แรกยิ่งบูดบึ้งลง เขาทอดสายตาข้ามตัวอี๋อวี้มองไปยังร่างบุรุษข้างหลังที่พยายามไม่ให้ตนเด่นสะดุดตาอย่างเต็มที่ พร้อมเอ่ยเสียงเย็น
“มัวยืนทื่ออยู่ทำไม”
ยามอารมณ์ไม่ดี เสียงพูดก็ต้องดังเป็นธรรมดา หลงจู๊หลิวตกใจจนยกตัวขึ้นเหยียดหลังตรงแน่ว ปากก็ขานรับ “พ่ะย่ะค่ะ” จากนั้นหันหลังวิ่งลงไปตระเตรียมเครื่องใช้ขับไล่ความหนาว ด้วยศักดิ์ฐานะของหลี่ไท่ จ่างซุนซีจึงไม่แปลกใจกับอากัปกิริยานี้ของหลงจู๊หลิว เพียงเอามือปิดปากไออยู่ด้านหลังแล้วกล่าวเสียงเบา
“แค่กๆ ท่านทำเช่นนี้ คุณหนูหลูตกอกตกใจหมด แค่ก…มีอะไรก็พูดกันดีๆ สิเจ้าคะ”
อี๋อวี้ยังกำผ้าเช็ดหน้าผืนที่หลี่ไท่ยัดเยียดให้นางตอนเช้าไว้ในมือ นางขยำมันไว้กลางอุ้งมือ ตรงกลางอกเริ่มปั่นป่วน นางมองสีฟ้าอ่อนบาดตาบนหัวไหล่จ่างซุนซีซ้ำอีกครา ก่อนหันไปทางหลี่ไท่ ท่าทางของนางกลับสงบนิ่งขณะอ้าปากพูด
“หม่อมฉันมีธุระมาพบท่านอ๋อง จะขอพูดคุยเป็นการส่วนพระองค์ได้หรือไม่เพคะ”
“แค่กๆ ดูข้าสิ อยู่ในนี้เป็นก้างขวางคอเสียแล้ว” จ่างซุนซีวางถ้วยน้ำชาลงแล้วลุกขึ้นยืน ผมเปียกทั้งศีรษะทำให้นางดูเปราะบางน่าสงสาร “พวกท่านสนทนากันเถอะ แค่กๆ ข้า…ข้าไปอยู่ข้างนอกก่อนแล้วกันเจ้าค่ะ”
อี๋อวี้มองดูนางเดินโผเผไปทางหน้าประตูอย่างเฉยเมย ครุ่นคิดอยู่ว่าจะแสร้งเอ่ยปากห้ามเป็นการผสมโรงไปด้วยหรือไม่ ไหนเลยจะคาดถึงว่าเบื้องหน้าสายตาพลันพร่าลายวูบหนึ่ง จ่างซุนซีซึ่งเดินมาใกล้ๆ ยกมือกุมหน้าผาก เข่าอ่อนตัวเซมาหาตนเอง
ตึง!
อี๋อวี้เหยียดมือไปรับจ่างซุนซีไว้ตามสัญชาตญาณ แต่นางผอมแห้งแรงน้อย รับน้ำหนักอีกฝ่ายไม่ไหวจนต้องถอยหลังสองก้าว ไหล่กระแทกเข้ากับกรอบประตูเต็มแรง นางส่งเสียงครางในลำคอพร้อมกับคลายมือออก จ่างซุนซีก็ลื่นไถลล้มลงบนขานาง ขณะที่ตัวนางพิงขอบประตูอยู่เลยแค่ทรุดลงนั่งกับพื้น
แทบจะในเวลาเดียวกับที่จ่างซุนซีล้มลง หลี่ไท่ก็พลิ้วกายเข้ามาฉุดแขนนาง ดึงตัวขึ้นจากขาของอี๋อวี้ อีกมือหนึ่งจะยื่นไปพยุงอี๋อวี้ แต่คนที่พิงร่างเขาอยู่กลับตัวอ่อนระทดระทวยจะรูดลงไปกองกับพื้นเหมือนไร้กระดูก เขาจำต้องประคองหลังนางไว้ มิให้ล้มลงไปทับอี๋อวี้ข้างหลัง
“ลุกขึ้น” หลี่ไท่เปลี่ยนเป็นใช้มือเดียวจับบั้นเอวของจ่างซุนซี เขาก้มตัวลงไม่ได้ ทำได้แค่ยื่นมืออีกข้างหนึ่งไปหาอี๋อวี้ เห็นนางมองเขาแวบหนึ่งแล้วก้มหน้าลง หัวคิ้วของชายหนุ่มก็ย่นเข้าหากัน เขาหนีบตัวจ่างซุนซีในวงแขน หมุนตัวสาวเท้าก้าวใหญ่ไปวางลงบนพื้นข้างพรม ทว่าหันศีรษะกลับไปอีกที ตรงหน้าประตูยังเหลือวี่แววใครสักคนที่ไหนกัน
“แค่กๆ เจ็บเหลือเกิน”
มือข้างหนึ่งยกขึ้นคว้าชายเสื้อของหลี่ไท่ไว้อย่างถูกจังหวะ เป็นเหตุให้เขาไล่ตามอี๋อวี้ไปไม่ได้ เขาก้มหน้าลงมองตามแรงดึง เห็นจ่างซุนซีบนพื้นกุมท้องขดตัวเป็นก้อนกลม ร่างสั่นเทาไม่หยุด
“พี่…พี่สี่ ซีเอ๋อร์ ซีเอ๋อร์เจ็บเหลือเกิน…”
หลี่ไท่กวาดสายตาไป เห็นรอยเลือดรำไรบนกระโปรงส่วนข้างเอวของนาง เขาเม้มริมฝีปาก แววหงุดหงิดจุดวาบขึ้นในดวงตา เขามองหน้าประตูที่ว่างเปล่าอีกครั้ง เก็บเสื้อคลุมที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นคลุมเอวของนางด้วยสายตาขรึมลง สุดท้ายก็มิได้ตามออกไป
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 10 เม.ย. 63