เมื่อวานหลี่ไท่ช่วยถอนชื่อจากการประชันศาสตร์ที่เหลือให้อี๋อวี้แล้ว คำพูดคำจาแฝงน้ำเสียงไม่ชอบใจนักทั้งทางตรงทางอ้อม ประหนึ่งว่าไม่อยากให้อี๋อวี้ “ปรากฏตัวต่อหน้าธารกำนัล” อีกก่อนงานเสกสมรส ทำให้อาจารย์หลายคนซึ่งไม่ค่อยพอใจกับพฤติกรรมของอี๋อวี้ที่ได้ป้ายไม้สลักแล้วหายหน้าหายตาไป ล้มเลิกความคิดที่จะไล่เลียงตำหนิ
จ่างซุนซีจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันอีกสองศาสตร์เช่นเดียวกัน วันนี้นางมาถึงแล้วตั้งใจขึ้นไปบนเรือนเหมยโดยเฉพาะ พวกอาจารย์เห็นสีหน้าอิดโรยของนาง กลับเป็นฝ่ายพูดปลอบหลายคำ หากแต่ในใจลอบยินดี เพราะศาสตร์ดนตรีนี้เป็นความถนัดของจ่างซุนซี หากนางแสดงฝีมือไม่ดีสำนักอื่นๆ ก็มีโอกาส ทว่าพวกเขาคิดไปในทางดีเกินไป ท้ายที่สุดผลปรากฏว่าป้ายไม้ของศาสตร์ดนตรีนี้ยังคงถูกจ่างซุนซีคว้าไปได้
เมื่อวานนางไม่ได้มา แต่ได้ยินเรื่องอี๋อวี้ถอนตัวจากคนอื่นแล้ว เมื่อการแข่งขันยุติ ผู้คนในสนามแยกย้ายกันกลับ นางพบกับหลี่ไท่ที่ด้านนอกหอจวินจื่อโดยบังเอิญแล้วตามเขาไปเช่นเคย นางไม่ขยับไปใกล้ๆ แต่รักษาระยะห่างสามก้าวอย่างพอเหมาะพองาม นางรู้นิสัยไม่ชมชอบให้ใครเข้าใกล้ของหลี่ไท่ดี ทั้งยังแจ่มแจ้งอีกว่าตราบเท่าที่ไม่เกินขอบเขตนี้ ส่วนใหญ่เขาจะค่อนข้าง ‘ผ่อนปรนให้’
“วันนี้คุณหนูหลูไม่มา เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าเจ้าคะ”
เขากับนางออกจากสนามก่อนใครๆ แล้วสาวเท้าอยู่เบื้องหน้าลูกศิษย์กลุ่มหนึ่ง ตามทางเดิมมีคนบางตา นางถามจบไปครู่ใหญ่ถึงเห็นหลี่ไท่สั่นศีรษะนับเป็นคำตอบ
“ไม่เป็นไรก็ดีเจ้าค่ะ” สุ้มเสียงของจ่างซุนซีฟังดูคล้ายโล่งอก ต่อจากนั้นนางอ้าปากพูดอย่างรู้สึกผิดน้อยๆ “ข้าได้ยินได้ฟังมาว่าเพราะวันก่อนข้าไม่มาร่วมประชันศาสตร์เขียนพู่กัน คุณหนูหลูจึงมีปากเสียงกับคนอื่นตอนแข่งขัน เรื่องเกิดขึ้นจากข้า ข้าไม่สบายใจเลย หรือไม่สองวันนี้พี่สี่หาเวลาช่วยเชิญนางออกมาแทนข้า ข้าจะจัดโต๊ะเลี้ยงสุราขอขมาต่อนางดีหรือไม่”
สิ้นเสียงนางผ่านไปครู่ใหญ่ หลี่ไท่ถึงสั่นศีรษะดังเก่า จ่างซุนซีกลับเปล่งเสียงพูดอย่างเศร้าสร้อยอยู่บ้าง
“ข้าอยากขอขมานางจริงๆ นะเจ้าคะ ข้ารู้ว่าเพราะ…เพราะเรื่องพี่ชายคนรองของข้าทำให้คุณหนูหลูขุ่นข้องหมองใจต่อครอบครัวข้า เดือนที่แล้วพี่ใหญ่ข้ายังพาคนไปก่อกวนในพิธีปักปิ่นของนางอีก ถ้าข้ารู้แต่แรกว่านางจะทำอย่างนั้น ต้องทัดทานไม่ให้นางไปแน่ พูดตามตรงคนก็จากไปแล้วยังจะถือสากันไปอีกทำไม ข้าชื่นชมในความสามารถและอุปนิสัยของคุณหนูหลูอย่างยิ่ง อยากผูกมิตรกับนางเสมอมา อันว่าความอาฆาตแค้นพึงสลายไม่พึงสานต่อ ยิ่งกว่านั้นนางจวนจะแต่งงานกับท่านแล้ว จะมึนตึงกับสกุลจ่างซุนไปเรื่อยๆ ก็มิใช่ทางออกที่ดี”
นางกัดริมฝีปากนุ่มดุจกลีบดอกไม้ พูดเสียงแกมวิงวอน “ก็ถือ…ถือเสียว่าข้าขอโทษนางแทนพี่ใหญ่แล้วกัน พี่สี่ช่วยเชิญคุณหนูหลูมาได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่จำเป็น” หลี่ไท่ปริปากในที่สุด เขาทอดสายตามองพวกลูกศิษย์ที่เดินห่างไปไกลถึงทางแยกข้างหน้าโน้นแล้ว “นางไม่ใช่คนใจคอคับแคบ”
จ่างซุนซีกัดริมฝีปากอีกคำรบหนึ่ง ก้มหน้าเก็บงำแววตาผิดแปลกไป ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ข้ารู้ว่านางไม่ใช่ ถึงคิดจะพูดคุยกับนาง”
หลี่ไท่เหมือนไม่ได้ยินเสียงนาง สืบเท้าเดินไปข้างหน้าต่อโดยไม่สนใจ และไม่ส่งเสียงพูดตลอดทางจนถึงหน้าประตู ส่วนจ่างซุนซีก็ติดตามไปอย่างเงียบๆ ไม่เอ่ยว่าอะไรอีก