Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน
ทดลองอ่าน Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน บทที่ 2
ฮารีนั่งสัปหงกเหมือนศีรษะกำลังจะโขกลงที่โต๊ะ เขานึกว่าเธอจะนั่งรออยู่สักพักและกลับไป หรือไม่ก็อาจจะนั่งรออยู่ พอเจอหน้ากันปุ๊บก็รีบตะโกนออกมาปั๊บว่าขอยกเลิกการแต่งงาน แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะนั่งหลับอยู่แบบนี้ เขาไม่เคยคิดถึงรสนิยมเรื่องผู้หญิงของตัวเองอย่างจริงจังสักที แต่เมื่อได้เห็นฮารีก็เหมือนจะทำให้เขาเริ่มนึกภาพออกแล้ว
อย่างน้อยก็โชคดีที่เธอเป็นผู้หญิงที่ดูไม่เหมือนใคร
ถ้าฮารีรู้ เธอคงลุกขึ้นมาตะโกนบอกว่าใครกันแน่ที่ไม่เหมือนใคร
แทมูรู้สึกเบาใจ เขานั่งลงฝั่งตรงข้ามและจ้องมองเธอ
ผมยาวตรงของเธอติดอยู่ที่ริมฝีปากสีแดงและพันกันอย่างกับสาหร่าย อายแชโดว์สีดำก็เปื้อนลงมาถึงบริเวณใต้ตาเหมือนเป็นรอยฟกช้ำ ท่าทางที่เธอนั่งสัปหงกโดยการห่อไหล่เล็กๆ และประสานมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกันแบบนั้น ถ้ามีใครมาเห็นเข้าคงนึกว่าเธอไปนอนค้างนอกบ้านและมานั่งรอรถไฟใต้ดินขบวนแรก แต่ในสายตาของเขา เธอดูเหมือนลูกสุนัขที่น่าสงสารที่สุดในโลกที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างถนน
เขานั่งกอดอกพลางคิดว่าจะนั่งมองเธอต่ออีกสักหน่อย เธอคงจะกำลังฝันอยู่ เพราะตัวของเธอกระตุกจนศีรษะโขกลงบนโต๊ะ ไม่สิ ถ้าจะให้พูดชัดๆ ก็คือศีรษะของเธอเกือบจะโขกลงไปที่แก้วกาแฟเข้าอย่างจังเสียแล้ว
เมื่อเขารีบหยิบแก้วออก ศีรษะของเธอก็โขกลงไปที่โต๊ะและเงยหน้าขึ้น เขาคิดว่าเธอคงจะตื่นแล้ว จึงจัดท่านั่งให้ดี แต่เธอก็ยังคงสัปหงกและก้มศีรษะลงไปอีก
มีเอกลักษณ์และมีชีวิตชีวาดีเหลือเกิน
ขณะนั่งมองเธอสัปหงกไปทางนั้นทีทางนี้ที เขาก็เผยรอยยิ้มแบบที่ไม่มีใครเคยเห็นมานาน
“ม่ายยยยย!”
ฮารีลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง สายตาของผู้คนที่อยู่รายล้อมจับจ้องมาที่เธอทันที เธอเห็นแทมูกำลังยกแก้วไอซ์อเมริกาโนที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็ละลายหมดแล้ว
อะไร อะไรกันเนี่ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าชัดเจน เธอก็ได้รู้ว่านี่ไม่น่าจะใช่ความฝัน
ไม่ใช่ความฝันงั้นเหรอ อย่าบอกนะว่านี่คือความจริง
เฮือก เธอรีบนั่งลงให้ดีและจัดผมเผ้าให้เรียบร้อย
“กลับมาแล้ว…เหรอคะ”
“หลับสบายไหมครับ”
เมื่อเธอมองเขาด้วยความแปลกใจ เขาก็วางแก้วที่ถืออยู่ในมือลง
“คุณฝันร้ายเหรอครับ”
“อ๋อ ค่ะ ฉันฝันร้ายมาก…”
ก็ฝันว่าโดนคังแทมูอุ้มไปแต่งงานน่ะสิ
“เปล่าค่ะ ไม่ใช่เลยค่ะ ฉันไม่ได้ฝันอะไรเลยค่ะ”
เขาหรี่ตามอง
“แต่คุณดิ้นแรงมากเลยนะ”
“คะ? ไม่ทราบว่าฉันพูดจาไร้สาระอะไรออกไปหรือเปล่า…”
“ไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษนะครับ นอกจากคำด่าที่มีคำสรรพนามกับสัตว์ไม่กี่ชนิดเท่านั้นเอง”
นั่นมันคำพูดพิเศษสุดๆ เลยนี่คะ!
ฮารีรู้สึกอายมากก็ได้แต่ดูเวลาเพื่อแก้เขิน เธอจึงได้รู้ว่าเลยเวลาที่เขาให้สัญญาเอาไว้ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
เฮือก ฉันหลับไปนานแค่ไหนกันเนี่ย แล้วทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่ปลุกฉันล่ะ
“คุณรอนานหรือเปล่าคะ”
ฮารีไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าตัวเองจะพลาดโอกาสการขอยกเลิกแต่งงานด้วยการเผลอหลับไป เมื่อเธอถามเขาพร้อมทำหน้ารู้สึกผิด เขาก็หรี่ตาลงครู่หนึ่งแล้วค่อยๆ พยักหน้าให้
“ครับ ก็รอนานนิดหน่อยครับ”
ฮารีไม่มีทางรู้เลยว่าสีหน้าของเขานั้นแสดงให้เห็นว่ามีแผนร้ายแอบแฝงอยู่ เธอได้แต่แสดงสีหน้าเขินอายออกมาเท่านั้น
“คุณจัดการธุระด่วนเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอคะ”
“เป็นเพราะคุณใจกว้าง ผมถึงไปจัดการธุระด่วนได้”
“คุณคงจะงานยุ่งมากเลยนะคะ”
เขาพยักหน้าเล็กน้อย
“ถ้าคุณงานยุ่งขนาดนั้น มาถึงแล้วก็น่าจะรีบปลุกฉันสิคะ”
ทุกครั้งที่ฮารีทำหน้ารู้สึกผิด มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย
“ผมคิดว่าคุณคงจะเพลียมากน่ะครับ”
“ขอบคุณที่คุณเห็นใจนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“แต่ว่า…”
“ครับ”
“ฉันจะไม่แต่งงานค่ะ”
เย้ ชิงพูดก่อนได้แล้ว
นั่นเป็นสิ่งที่ฮารีไม่ลืมแม้กระทั่งในฝัน เธอชิงพูดออกไปก่อนได้สำเร็จ เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ
“ไม่ว่าจะคิดยังไงฉันก็รู้สึกว่าการแต่งงานไม่ใช่เรื่องที่เราควรจะทำกันแบบนี้ค่ะ ต่อให้มีเรื่องของทั้งสองครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เราสองคนยังไม่รู้จักกันเลยนะคะ จะให้ฉันแต่งงานแบบนี้ได้ยังไง ฉันไม่มีทางแต่งงานแบบนี้แน่นอนค่ะ”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวกับจะทำให้เขาเข้าตาจน แล้วลองคิดถึงคำตอบที่เขาจะตอบกลับมา นั่นไม่ใช่เรื่องที่เราสองคนจะตัดสินใจได้นะครับ อย่างไรเราก็จะต้องแต่งงานกัน ถ้าคุณไม่ยอมแต่งงาน ผมจะทำลายครอบครัวคุณให้ป่นปี้ เป็นต้น เธอกำลังใช้หัวคิดอยู่ว่าถ้าเขาพูดแบบนี้ เธอควรจะตอบไปว่าอย่างไรดี แล้วตัวเธอก็เริ่มสั่นด้วยความประหม่า ในตอนนั้นเอง…
“เข้าใจแล้วครับ”
หืม? ทำไมง่ายแบบนี้ล่ะ
เขาพูดออกมาอย่างง่ายดายมาก เธอรู้สึกอ่อนแรงและพูดอะไรไม่ออก
“…”
“…”
“…”
“งั้นเรามาเจอกันให้สนิทสนมกันอีกสักหน่อย แล้วหลังจากนั้นค่อยแต่งงานกันก็ได้ครับ”
เขาพูดพลางโน้มตัวเข้าหาเธอ
ว่าแล้วเชียว! เขาเป็นผู้ชายที่ไม่ควรปล่อยช่องโหว่ให้เลย
“โทษนะคะ พอดีฉันไม่อยากทำอะไรแบบนั้นเลยค่ะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็มันยังไงอยู่นี่คะ เราจะแต่งงานกันแบบนี้ได้ยังไง ต่อให้มานัดบอดกันก็เถอะ แต่แค่เจอกันครั้งแรกก็ขอแต่งงานแล้ว”
“ถ้าผมทำให้คุณตกใจ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“มันไม่ใช่เรื่องที่แค่ขอโทษแล้วจะจบได้นี่คะ”
“ถ้างั้น”
“ช่วยถอนคำพูดด้วยค่ะ”
เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เธอจึงไม่อยากพลาดโอกาสนี้ไป
“ที่จริงแล้วฉันไม่อยากแต่งงานด้วยการนัดบอดหรืออะไรแบบนี้เลยค่ะ ทำแบบนั้นมันไม่โรแมนติกเอาเสียเลย”
เธอนำเรื่องที่ได้ยินจากยองซอมาแต่งเพิ่มอีกหน่อย และพยายามทำให้เขาเข้าตาจน
“ฉันต้องการผู้ชายที่เป็นพรหมลิขิตค่ะ ฉันจะไม่แต่งงานกับคนที่ครอบครัวหามาให้และไม่รู้จักกันเลยแม้แต่นิดเดียว”
“ถ้างั้นก็รู้จักกันก่อนแล้วค่อยแต่งงานก็ได้นี่ครับ”
ถ้าทำแบบนั้นก็หมายความว่า?
“เราลองมาเจอกันก่อนสักสองสามครั้งนะครับ”
เจอกันสองสามครั้ง? กับคังแทมูเนี่ยนะ
ฮารีส่ายหน้าและรีบพูดออกมา
“คุณแม่ฉันเคยบอกว่าต่อให้คู่สามีภรรยาอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตก็ยังรู้ใจกันไม่ได้ทั้งหมด ต่อให้มาเจอกันสองสามครั้งแล้วรู้จักกันมากขึ้นก็จริง แต่จะรู้จักกันได้แค่ไหนเชียวคะ”
“งั้นสิบครั้งพอไหมครับ”
“แหม เจอกันสิบครั้งจะพอเหรอคะ”
“งั้นถ้ายี่สิบครั้งล่ะครับ”
เฮือก ถ้าพลาดไปล่ะก็ ต้องออกมาเจอเขาอีกหลายครั้งแน่ๆ
ฮารีส่ายหน้า
“เจอกันตั้งยี่สิบครั้งก็เสียเวลาเปล่าสิคะ เสียเวลาเปล่า”
เมื่อเธอพูดคำที่เขาชอบพูดเป็นประจำออกมา เขาก็ยิ้มเล็กน้อย
“งั้นสักสิบครั้งดีไหมครับ”
“เดี๋ยวนะ เจอกันทำไมตั้งสิบครั้ง…”
“งั้นก็ห้าครั้ง?”
“คะ? ไม่…”
“สี่ครั้ง?”
“สะ…สามครั้ง”
เมื่อเธอชูนิ้วขึ้นอย่างหวั่นๆ เขาก็หรี่ตามอง
“ถ้าคุณคิดว่าเจอกันสามครั้งแล้วจะรู้จักกันมากขึ้น ก็น่าจะตัดสินใจได้ตอนนี้เลยไม่ใช่เหรอครับ เพราะนี่ก็ครั้งที่สองแล้ว”
นั่นมันก็จริง ฮารีเกือบจะตอบกลับไปอย่างนั้นแล้ว แต่เธอตั้งสติได้เสียก่อน
ไม่ใช่แบบนี้สิ
เมื่อพูดออกไปแล้ว จึงกลายเป็นว่าตอนนี้เธอกำลังจะนัดเจอเขาอยู่ ทั้งที่ไม่ควรต้องเจอกันเลยแท้ๆ แต่เธอกำลังหลงกลเขา
“ปัญหาของเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่จำนวนครั้งนะคะ”
“งั้นคงอยู่ที่ระยะเวลาใช่ไหมครับ หนึ่งปีพอไหมครับ”
ตั้งหนึ่งปีเนี่ยนะ!
“หรือสักหกเดือน?”
เธอเกือบพูดออกไปว่าสามเดือน แต่ก็รู้สึกตัวขึ้นมาว่าตัวเองกำลังจะหลงกลเขาอีกแล้ว จะบ้าตายจริงๆ ดูเหมือนว่าในความคิดของผู้ชายคนนี้จะไม่มีเงื่อนไขของการไม่แต่งงานอยู่เลยสินะ
“เอ่อ…คุณคังแทมู”
“ครับ คุณจินยองซอ”
ชื่อยองซอที่ออกมาจากปากของเขาทิ่มแทงหัวใจของเธอ ถ้าเขาไม่ได้มองเธอด้วยสายตาจริงจังแบบนั้น เธอก็คงจะรู้สึกถูกทิ่มแทงใจน้อยกว่านี้
ถ้าวันข้างหน้าเขารู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นแค่เรื่องหลอกลวงของพนักงานบริษัทตัวเองกับเพื่อนล่ะก็ เธอไม่รู้ว่าเขาจะโมโหมากขนาดไหน และเมื่อนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นเรื่องที่ครอบครัวของเขาและครอบครัวของยองซอเข้ามาเกี่ยวข้อง มันก็ยิ่งเข้ามาบีบหัวใจเธอมากขึ้นไปอีก
ไม่ว่ายังไงก็ต้องหยุดการแต่งงานให้ได้
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ