Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน
ทดลองอ่าน Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน บทที่ 3
ต้องรีบมีแฟนเร็วๆ ซะแล้ว
ทั้งวันฮารีทำงานด้วยใบหน้าบูดบึ้ง นั่นเป็นเพราะมินอูอวยพรเธออย่างจริงใจและอวดแฟนสาวของตัวเองอย่างเต็มที่ เธอจึงรู้สึกหดหู่จนเมื่อคืนถึงกับนอนไม่หลับ
ถึงจะเป็นเพื่อนกัน แต่ฮารีก็คิดไปว่าถ้าเธอบอกว่ามีแฟนแล้ว มินอูอาจรู้สึกหึงหวงขึ้นมาก็ได้ แต่มินอูกลับแสดงความยินดีแถมยังอวดแฟนตัวเองให้ฟังอีกด้วย ต่อให้ความรู้สึกช้าขนาดไหนก็เถอะ ทั้งที่เธอตั้งใจหาวและแสร้งทำเป็นรู้สึกเพลียให้เห็นขนาดนั้น แต่เขาก็ยังจะเลี้ยงเบียร์ต่ออีกตั้งหลายแก้วและรั้งให้เธออยู่ต่อจนดึก
ยิ่งไปกว่านั้นยังชวนทั้งแฟนของเธอและแฟนของตัวเองมาเจอกันสี่คนพร้อมนัดวันอย่างชัดเจน เรื่องวันนัด เธออาจจะยกเรื่องงานที่บริษัทมาอ้างและพอจะเลื่อนออกไปได้ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่น่าเศร้าใจนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรีบมีแฟนให้เร็วที่สุด
จะมีผู้ชายที่ไหนที่ทั้งหล่อ เท่ สมาร์ต และรวย ที่จะทำให้มินอูกลายเป็นปลาหมึกไปทันทีเลยไหมนะ
ไม่มีหรอก ผู้ชายแบบนั้นน่ะ ไม่สิ อาจจะมีก็ได้ แต่ผู้ชายแบบนั้นคงไม่มีทางมาคบกับเธอหรอก
“เศร้าจะแย่อยู่แล้ว”
ขณะที่กำลังบ่นพึมพำ ‘คาทอล์ก’* ก็ถูกส่งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือของเธอ
จินยองซอ : ฉันมีอะไรจะบอก
ยองซอนั่นเอง
ชินฮารี : มีอะไรของเธอ ฉันไม่มี
จินยองซอ : แต่ฉันมี!
ชินฮารี : อะไร
จินยองซอ : ฉันว่าฉันน่าจะต้องบอกเธอ…
ชินฮารี : เรื่องอะไร ทำให้ตื่นเต้นอยู่ได้ อะไรเหรอ อะไร
จินยองซอ : คือว่า…
ชินฮารี : ถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็อย่ามาพูดให้อยากฟังแล้วจากไปแบบนี้
จินยองซอ : เมื่อวานผู้ชายคนนั้นมาหาฉัน
ชินฮารี : ผู้ชายคนนั้นคือคนไหน
จินยองซอ : ผู้ชายที่นัดบอด
ชินฮารี : เธอไปนัดบอดมาอีกแล้วเหรอ
จินยองซอ : เปล่า…ผู้ชายที่นัดบอดกับเธอน่ะ
ผู้ชายที่นัดบอดกับฉันเหรอ ใครนะ
“คังแทมูเหรอ”
ดวงตาของฮารีพลันเบิกกว้าง ความเร็วในการพิมพ์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ชินฮารี : เธอไม่ได้พูดเรื่องฉันใช่ไหม
จินยองซอ : เรื่องเธอเหรอ ไม่มีจังหวะให้พูดสักหน่อย
“เฮ้อ”
ชินฮารี : ถึงมีจังหวะก็ห้ามพูดนะ
จินยองซอ : ฉันไปกินข้าวกับผู้ชายคนนั้นมา
“ว่าไงนะ”
เรื่องอันน่าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นอยู่นี้คืออะไร
ชินฮารี : ได้ยังไง???
ฮารีส่งเครื่องหมายคำถามไปรัวๆ จนกระทั่งได้รับคำตอบ
จินยองซอ : จู่ๆ เขาก็มาหาฉันที่บริษัท
เดี๋ยวนะ ขนาดฉันปฏิเสธไปแรงขนาดนั้นแล้ว ยังจะไปหาที่บริษัทอีกเหรอ
ฮารีกะพริบตาปริบๆ และส่งเครื่องหมายคำถามไปอย่างต่อเนื่อง เครื่องหมายคำถามนั้นมุ่งเป้าไปที่ผู้ชายลึกลับคนนั้นมากกว่าที่จะบอกว่าเป็นความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับรายละเอียดของเหตุการณ์นี้
ตาบ้านั่นยังไงกันนะ ยังไงกันแน่ เขาเป็นผู้ชายแบบไหนกัน
จินยองซอ : เขาเป็นผู้ชายที่พอใช้ได้เลยนะ
“อะไรนะ”
ผู้ชายที่พอใช้ได้อะไรกันล่ะ ให้ตายสิ ทำไมถึงได้เห็นว่านายจิตวิปริตคนนั้น…
ฮารีนึกถึงคำพูดของเขาที่เคยบอกว่าต่อให้ภรรยาไปเจอผู้ชายคนอื่น เขาก็ไม่สนใจ ขอให้แต่งงานกับเขาก็พอ ถ้ามองในแง่ดีก็อาจมองว่าเขาเป็นคนเปิดกว้าง แต่เขาไม่ใช่คนที่ควรถูกมองในแง่ดีแบบนั้นได้สักเท่าไร ฮารีจึงได้แต่มองว่าเขามีปัญหาทางจิต
ชินฮารี : แล้วไง
จินยองซอ : ลองคบเขาดูดีไหม
ยายซื่อบื้อ! คบกับเขาเมื่อไร เป็นได้แต่งงานแน่!
ฮารีขยุ้มศีรษะพลางคิดหนัก
ก็แน่ล่ะ เพื่อนฉันเองก็ไม่ได้สติดีสักเท่าไร หรือพวกที่สติไม่ดีเหมือนกันจะอยู่ด้วยกันได้นะ
ภาพของทั้งสองคนเหมือนจะออกมาดีงามกว่าที่คิด ระหว่างที่กำลังใจลอยนึกภาพนั้นอยู่ในหัว จู่ๆ ฮารีก็รู้สึกได้ถึงพลังงานอันเย็นยะเยือกจากด้านหลัง
“งานไม่ราบรื่นเหรอครับ”
ฮารีเบิกตากว้างพร้อมหันหลังไปมองทั้งที่ยังขยุ้มศีรษะอยู่ แผงอกของใครบางคนอยู่ตรงหน้า ความแข็งแกร่งดั่งกำแพงและความมั่นคงที่ไม่มีวันล้มลงง่ายๆ นั้นทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว
อะไรเนี่ย ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกัน
พอฮารีค่อยๆ เงยหน้าขึ้นก็พบว่าแทมูกำลังก้มมองเธออยู่
เฮือก! ผู้ชายตัวปัญหาคนนั้น!
ขณะที่เธอกำลังคิดแบบนั้น ใบหน้าอันหล่อเหลาก็ทำให้เธอต้องเพ่งตามองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็รีบคิดเรื่องที่ควรคิดต่อทันที
ทำไมถึงได้เจอกันอีกล่ะ!
เธอมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วเหมือนเมียร์แคต* ที่นี่คือโถงทางเดินของห้องทำงานเธอที่อยู่ชั้นแปด ไม่ใช่ชั้นสิบสองสักหน่อย เมื่อเห็นเธอทำท่าทางแปลกๆ เขาก็เลิกคิ้วขึ้น
“ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ”
“คะ? ไม่ค่ะ”
แต่ขณะที่กำลังบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร เธอก็รู้สึกว่าน่าจะมีความเป็นไปได้สูงที่ตัวเองดูเหมือนคนบ้า เธอจึงค่อยๆ ลดมือที่กำลังจับศีรษะลงอย่างสุภาพเรียบร้อยและรีบก้มหน้าลงทันที
“มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อยน่ะค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
เธอพูดเสียงเบาราวกับเสียงยุงบินและพยายามดัดเสียงตัวเองเท่าที่พอจะทำได้ เมื่อเธอพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา เขาจึงยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“สบตากันหน่อยได้ไหมครับ”
เธอเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อได้สบตากัน เขาก็หรี่ตามอง
“อยู่แผนกอะไรครับ”
“แผนกวางแผนและการเงินทีมสองค่ะ”
“เราเคยเจอกันหรือเปล่าครับ”
“ไม่ค่ะ ไม่เคยเลย!…ค่ะ”
“ไม่เคยเลย?”
เมื่อเธอพยักหน้า เขาก็เอียงศีรษะด้วยความสงสัย
“น่าจะเคยเจอกันสองครั้งแล้วนะ”
เฮือก! สองครั้ง? อะไรกัน ฉันโดนจับได้แล้วเหรอ
ฮารีเคยเจอเขาที่ร้านกาแฟถึงสองครั้ง ทั้งที่เธอแต่งหน้าเหมือนคน ‘ตาช้ำ’ ขนาดนั้น แต่เขากลับมองทะลุเครื่องสำอางนั่นแล้วจำหน้าเธอได้งั้นเหรอ แถมยังจำจำนวนครั้งได้อีกต่างหาก
แทมูมองเธออย่างไม่วางตา ความวุ่นวายใจทำให้เธอเริ่มหายใจลำบาก ขณะที่กำลังคิดว่าคราวหน้าจะไม่เขียนคิ้วมาทำงานอยู่นั้น จู่ๆ เธอก็ได้สติขึ้นมา
แต่ไม่สิ ผู้ชายคนนี้ไปกินข้าวกับยองซอมาแล้วนี่นา นั่นหมายความว่าเขาจำหน้าตาแบบที่ลบเครื่องสำอางไม่ได้ หรือพูดง่ายๆ ก็คือซื่อบื้อนั่นเอง
เธอจ้องเขาเขม็ง หน้าตาของเขายังคงดีงามเกินกว่าที่เธอจะรับมือไหว แต่เมื่อได้เห็นบ่อยๆ เข้าก็เหมือนจะเริ่มมีภูมิต้านทานขึ้นมาบ้างแล้ว
ใช่ ไม่รู้ เขาไม่รู้หรอก
ดูเหมือนเขาจะไม่มีเซ้นส์ทางนั้นเอาเสียเลย แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะไม่มีเซ้นส์ถึงขนาดนี้
เธอคิดว่าคงจะไม่เคยมีคนรอบตัวจ้องหน้าเขาแบบนี้มาก่อน จึงขยับหน้าออกมาจากเขาด้วยท่าทีสับสน
“ฉันจำไม่ได้เลยค่ะว่าเราเคยเจอกัน”
เมื่อเธอพูดออกมาอย่างมั่นใจ เขาก็ยิ่งขมวดคิ้ว
“คุณความจำไม่ดีเลยนะครับ”
“…คะ?”
“คุณจำไม่ได้เหรอครับว่าเคยเจอผมในลิฟต์”
อ้อ จริงด้วย ในลิฟต์!
ฮารีมัวแต่คิดถึงนัดบอดจนไม่ทันได้นับตอนที่เจอกันในบริษัทด้วยความบังเอิญ
“เวลาที่คิดงานไม่ออกจนถึงกับเอามือกุมศีรษะแบบนั้นก็ลองจดบันทึกดูสิครับ”
ยายพนักงานซื่อบื้อความจำบ้ง เธอรู้สึกเหมือนเขากำลังพูดอย่างนั้นแบบอ้อมๆ แต่ถึงอย่างไรพนักงานที่ห้ามโดนไล่ออกก็ไม่ควรไปจ้องหน้าท่านประธานแบบนั้นสิ เธอพยายามฝืนยิ้มและคำนับอย่างสุภาพ
“ค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”
“ถ้างั้น…”
พอแทมูส่งสายตา ฮารีก็หันไปมองรอบๆ ตามสายตาของเขา คราวนี้เขาจึงยื่นคางออกมา เมื่อเห็นเธอมองมาที่คางของตัวเอง เขาก็ขมวดคิ้ว
“ช่วยหลีกทางหน่อยได้ไหมครับ”
“คะ? อ๋อ ค่ะ”
ทันทีที่เธอหลบไปข้างๆ เขาก็เดินผ่านโถงทางเดินไปอย่างรวดเร็ว เธอจึงเพิ่งเห็นว่าซองฮุนเดินตามหลังเขาอยู่ ซองฮุนมองเธอ เอียงศีรษะเล็กน้อย และเดินจากไป
จินยองซอ : ขนาดเธอบอกไปว่าไม่ชอบขนาดนั้น เขายังมาหาฉันแบบนี้ มันคงเป็นพรหมลิขิตแล้วล่ะ พรหมลิขิตที่ต้องได้เจอกันในที่สุดไง
พอได้อ่านคาทอล์กที่ยองซอส่งมาพอดี ฮารีก็กระเดาะลิ้น
ชินฮารี : ท่านประธานของฉันเป็นคนที่งานยุ่งมากเลยนะ
จินยองซอ : จริงด้วย เขาเป็นประธานบริษัทเธอนี่
ชินฮารี : ว่าไงนะ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเขาเป็นประธานบริษัทฉัน ต่อให้เธอเจอกับเขายังไงก็ห้ามเผลอพูดเด็ดขาดนะ!
จินยองซอ : ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก แต่ช่วยสอดแนมท่านประธานของเธอให้หน่อยสิ
สอดแนม?
จินยองซอ : ถ้าเธอช่วยสอดแนม ฉันก็จะทำตามที่เธอขอร้อง
ชินฮารี : พรหมลิขิตภาษาอะไรถึงได้ใช้วิธีสกปรกแบบนั้น
อย่างไรก็ตามถ้าการติดต่อกันแบบนี้เป็นพรหมลิขิตตามที่ยองซอบอก ก็อาจจะเป็นพรหมลิขิตจริงๆ ก็ได้
“ว่ากันว่าถ้าเป็นพรหมลิขิต ไม่ว่ายังไงก็จะได้เจอกัน”
แม้ฮารีจะเป็นคนไปนัดบอด แต่ดูเหมือนว่าดวงคนจะได้เจอกัน สุดท้ายแล้วไม่ว่ายังไงก็ต้องได้เจอกันสินะ หากดูจากการที่เขาได้เจอยองซอแบบนั้นแล้ว
ใช่ มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ
ในเมื่อพวกเขาได้เจอคู่ที่เหมาะสมในแวดวงของพวกเขาแล้ว เดี๋ยวก็คงจะไปนั่งเรือยอชต์เที่ยวเล่นกันอย่างราบรื่นปราศจากอุปสรรคใดๆ ผีเสื้อที่สร้างพายุทอร์นาโด* อย่างฮารีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ถ้าฉันมีแฟน มันก็จะเพอร์เฟ็กต์มากจริงๆ”
ผู้ชายที่ทั้งหล่อ เท่ สมาร์ต รวย และสามารถทำให้อีมินอูกลายเป็นปลาหมึกไปได้ ผู้ชายแบบนั้นอยู่ที่ไหนกันนะ
“แต่ผู้ชายคนนั้นตลกจริงๆ จำหน้าของผู้หญิงที่ตัวเองขอแต่งงานไม่ได้ได้ยังไงกัน”
ฮารีเบ้ปากพลางมองไปยังทิศทางที่แทมูเดินจากไป