Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน
ทดลองอ่าน Business Proposal นัดบอดวุ่น ลุ้นรักท่านประธาน บทที่ 3
ยองซอหันหน้าไปมองที่มุมหนึ่งของร้านกาแฟ ขณะที่กำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างในแท็บเล็ตอยู่นั้น ซองฮุนก็เงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนมองมา พอได้สบตากับยองซอ เขาก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ยองซอเองก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยเช่นกัน ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากนั้น แต่ใบหน้าของเธอกลับค่อยๆ แดงขึ้นและหัวใจก็เหมือนกำลังจะระเบิดออกมา
หมายความว่าผู้ชายที่ฉันต้องไปนัดบอดด้วยไม่ใช่คนโน้นแต่เป็นคนนี้งั้นเหรอ
พอหันกลับมาที่แทมูที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะก็พบว่าเขากำลังเพ่งมองเธออยู่ หน้าตาของเขาทำให้คนอื่นรู้สึกหนักใจเหลือเกิน เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมฮารีถึงกล้ารับประกันเรื่องหน้าตา ถ้าไม่ได้เจอซองฮุนก่อน บางทีเธออาจจะหลงเสน่ห์แทมูไปแล้วก็ได้ เขาเป็นคนคิ้วเข้ม แววตาดูเย็นชาเล็กน้อย สายตาคมเข้มของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์สุดเซ็กซี่
ฮารีคงลำบากน่าดูสินะ
เธอรู้สึกผิดที่ขอร้องให้ฮารีไปพบเขาอีกครั้ง เพราะแค่ได้นั่งเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้โดยไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยก็รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกแล้ว เสน่ห์ที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้แพร่กระจายออกมาจากทุกส่วนในร่างกายของเขา แม้จะกำลังนิ่งเงียบอยู่ แต่หัวใจของเธอช่างหนักอึ้งเหลือเกิน
ฉันสั่งให้ฮารีพูดโกหกต่อหน้าผู้ชายแบบนี้เหรอเนี่ย
แน่นอนว่าฮารีเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันที่ทำอย่างเต็มที่จนเรียกได้ว่าทำได้ดีมากเกินไป
เขาหล่อจริงๆ ด้วย
ยองซอพอจะเข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมตอนที่พ่อพูดเรื่องแต่งงาน ท่านถึงได้พูดว่าการนัดบอดครั้งนี้ต้องแตกต่างจากครั้งอื่น อย่างไรก็ตามความสนใจของยองซอไม่ได้อยู่ที่ผู้ชายที่กำลังนั่งรอให้เธอพูดอะไรสักอย่างและส่งสายตาเหมือนยิงเลเซอร์มาที่เธอ แต่ความสนใจของเธออยู่ที่ผู้ชายอีกคนหนึ่งที่นั่งหลบมุมอยู่ทางโน้นต่างหาก
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่อยากนัดบอดก็เลยส่งตัวแทนไปค่ะ ถ้าคุณอยากบอกคุณพ่อก็เชิญได้เลย แต่คุณก็คงทราบดีว่าในวงการนี้การเปิดเผยเรื่องแบบนั้นออกไปทั้งหมดมีแต่จะทำให้ต่างฝ่ายต่างกระอักกระอ่วนใจเปล่าๆ ไหนๆ ก็เป็นอย่างนี้แล้ว ฉันขอเสนอให้ไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดกับผู้ใหญ่ในครอบครัวค่ะ”
แทมูนั่งพิงเก้าอี้ เท้าคาง และมองยองซออย่างไม่วางตาโดยที่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ หรือพูดอะไรออกมาสักคำ เขาดูเหมือนรูปปั้นที่ถูกรังสรรค์มาเป็นอย่างดี
อะไรเนี่ย จะพูดว่ารู้สึกแย่มากก็พูดออกมาเลย หรือไม่ก็พูดว่าไม่ใช่อย่างนั้น ตัวเองก็ไม่ชอบการนัดบอดเหมือนกัน แล้วก็ยิ้มให้พอเป็นมารยาทก็ยังดี
ยองซอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยคำขอโทษออกไปอย่างนอบน้อม
“ขอโทษค่ะ นี่คือเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลของเหตุการณ์นี้ค่ะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วค่ะ”
เขาเปลี่ยนแขนที่เท้าคางเป็นอีกข้างหนึ่ง แต่สายตายังคงจ้องมองยองซอจนเกือบทะลุ
“ฉะ…ฉันบอกแล้วไงคะว่าขอโทษน่ะค่ะ ที่ทำแบบนั้นก็เพราะไม่อยากไปนัดบอด อย่างที่คุณทราบว่าฉันเคยนัดบอดมาเยอะมาก ฉันยังไม่อยากแต่งงาน แต่ครอบครัวก็คอยแต่จะให้ฉันไปนัดบอดอยู่เรื่อยจนฉันรู้สึกเบื่อมาก แค่นั้นจริงๆ ค่ะ ฉันทราบดีว่าคุณอาจจะรู้สึกแย่ ฉันผิดเองที่ไม่คิดให้รอบคอบ แต่ฉันไม่มีอะไรจะพูดไปมากกว่านี้แล้วค่ะ”
เขายังคงเงียบต่อไป ขณะที่เธอกำลังลังเลว่าจะลุกหรือไม่ลุกอยู่นั้น เขาก็นั่งตัวตรงขึ้นมา
“คุณจินยองซอครับ”
เขาเป็นคนที่ทำให้บรรยากาศตึงเครียดได้อย่างน่าแปลกใจจนเธอรู้สึกว่าไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาอีก
“ค่ะ เชิญพูดได้เลยค่ะ”
เขาค่อยๆ อ้าปากช้าๆ
เอาล่ะ ท่านประธานของฮารี รีบพูดมาสิว่าเข้าใจแล้ว และรีบลุกได้แล้ว! ฉันทนนั่งตรงนี้ต่อไปไม่ไหวแล้วนะ เร็วเข้า รีบพูดมาสิว่าไม่เป็นไร…
“อยู่ที่ไหนครับ”
“คะ?”
ใคร…
“ผู้หญิง…ที่ผม…จะแต่งงานด้วย”
เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง ยองซอรู้สึกได้ถึงความหนักแน่นระหว่างที่เขาพูดแต่ละคำนั้นออกมา
ผมเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว ทีนี้ก็ช่วยพาผู้หญิงที่ผมจะแต่งงานด้วยมาหาผมหน่อย
ขณะกำลังนอนหลับฝันหวานอย่างที่ไม่เคยเป็นมานานอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ทำไมถึงไม่ปิดเสียงเอาไว้นะ ฮารีค่อยๆ ใช้มือคลำหาและคว้าโทรศัพท์มือถือมาแนบหู ยองซอนี่เอง เมื่อเธอถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียว่าโทรมาทำไมดึกดื่นป่านนี้ คำพูดที่ได้ยินกลับเป็นเรื่องที่เธอไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร ไม่สิ มันเป็นคำพูดที่ค่อนข้างแปลก
ฮารีลุกพรวดขึ้นจากที่นอน
“คังแทมูไม่ใช่คังแทมูงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่ๆ เป็นคังแทมูน่ะถูกแล้ว แต่ไม่ใช่คังแทมูที่ฉันรู้จัก คนนั้นเป็นหัวหน้าเลขาฯ ของคังแทมู”
“หัวหน้าเลขาฯ ของคังแทมูเป็นคนมานัดบอดแทนคังแทมู ท่านประธานของฉันบอกว่าฉันไปนัดบอดกับหัวหน้าเลขาฯ เหรอ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้น สรุปว่าเป็นคังแทมูถูกแล้ว แต่คังแทมูที่ฉันพูดถึงไม่ใช่คังแทมูคนนั้น…”
ฮารีขมวดคิ้ว ยายนี่โทรมาปลุกคนที่กำลังนอนเพื่อพูดเรื่องไร้สาระทำไมกัน
“นี่ พอแล้ว พอ สรุปว่าเธอได้เจอท่านประธานของฉันหรือเปล่า”
“เจอ ก็บอกแล้วไงว่าได้เจอ แต่คนที่ฉันเจอคราวนั้น…”
“ก็แค่นั้น แล้วเธอพูดเรื่องฉันให้ท่านประธานของฉันฟังหรือเปล่า”
“ไม่ได้พูด”
“งั้นก็แล้วไป”
ฮารีล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม โทรมาดึกดื่นขนาดนี้เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องเนี่ยนะ
“ขอฉันนอนเถอะนะ พรุ่งนี้ฉันต้องออกแต่เช้า”
“ตอนนี้มันใช่เวลานอนเหรอยะ!”
“จินยองซอ ตอนนี้มันเที่ยงคืนครึ่งแล้วนะ ถ้าตอนนี้ไม่ใช่เวลานอน แล้วตอนไหนถึงจะเป็นเวลานอนล่ะ”
“ฮารี ฉันขอแนะนำในฐานะเพื่อนนะ ฉันว่าเราสองคนไปสารภาพกับท่านประธานของเธอกันดีไหม”
ฮารีลุกพรวดขึ้นมานั่งเหมือนเดิม
“ทำไมถึงแนะนำอะไรที่เป็นลางแบบนั้นล่ะ”
“คือว่าคังแทมูที่ฉันเล่าให้ฟังทางคาทอล์กว่าเขาพอใช้ได้น่ะ ไม่ใช่คังแทมู แต่เขาเป็นหัวหน้าเลขาฯ”
หัวหน้าเลขาฯ?
จู่ๆ ฮารีก็นึกถึงผู้ชายที่คอยเดินตามแทมูเป็นเงาขึ้นมา
“จู่ๆ พูดถึงหัวหน้าเลขาฯ ขึ้นมาทำไม”
“ก็ท่านประธานของเธอสั่งให้หัวหน้าเลขาฯ ไปหาเธอ แต่ประวัติของเธอมันเป็นข้อมูลของฉันหมดเลยนี่นา หัวหน้าเลขาฯ คนนั้นก็เลยมาหาฉันน่ะสิ แล้วฉันก็โดนเขาตกตั้งแต่แรกเจอ ไม่ทันได้ฟังที่เขาพูดให้ดีก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าเขาคือคังแทมู”
“โห เธอโง่หรือเปล่าเนี่ย”
“ฉันไม่รู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนั้นก็เลยขอเบอร์โทรจากเธอ แล้วฉันก็ไปเจอท่านประธานของเธอมาแล้วด้วย สรุปก็คือฉันเป็นคนโทรไปหาท่านประธานของเธอ แล้วบอกให้เขารู้เองว่าผู้หญิงที่ไปนัดบอด…ไม่ใช่ฉัน”
“อ่อ เธอโง่ใช่ไหม”
“นี่ ชินฮารี!”
“แล้วทำไมฉันถึงต้องไปสารภาพเรื่องทั้งหมดด้วยล่ะ ในเมื่อเธอบอกว่าไม่ได้พูดถึงฉัน เธอโกหกใช่ไหม เธอพูดเรื่องฉันใช่ไหม”
“เปล่านะ ฉันไม่ได้พูด แต่ถ้าเธอไม่สารภาพ…”
ถ้าไม่สารภาพ?
“แต่งงาน”
เฮือก! ไอ้การแต่งงานบ้านั่น!
“ท่านประธานพูดเรื่องแต่งงานกับเธอด้วยเหรอ”
แบบนี้เรียกว่าเสพติดการแต่งงานสุดๆ แล้วนะ
“ขอร้องล่ะ สารภาพทั้งหมดเถอะนะ เขาบอกว่าถ้าไม่ยอมสารภาพว่าเธอเป็นใคร เขาจะเอาเรื่องที่ฉันทำตอนนัดบอดไปบอกที่บ้านให้หมด รวมทั้งเรื่องแปลกๆ ที่เธอไปพูดไว้ด้วย ฉันยอมไม่ได้หรอกนะ บัตรเครดิตของฉัน ชีวิตของฉัน”
“นี่ เรื่องบัตรเครดิตมันใช่ปัญหาไหม เธอต้องแต่งงานแล้วนะ”
“ฮะ? ฉันน่ะเหรอ หมายความว่ายังไง”
“ก็เธอบอกว่าผู้ชายคนนั้นขอแต่งงานไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเธอ”
“อ๋อ ฉันเหรอ”
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังตื๊อกับคนแค่คนเดียวสินะ ฮารียิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แล้วเธอก็ทำหน้าเครียด
“แต่งงานกับฉันเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ท่านประธานบอกว่าต้องพาผู้หญิงที่เขานัดบอดด้วยไปหาเขา ถ้าไม่พาไป เขาจะเอาเรื่องทั้งหมดไปเปิดเผยกับที่บ้านฉัน…”
“โอย! นี่มันโรคจิตเสพติดการแต่งงานชัดๆ! ทำไมฉันถึงต้องมาโดนผู้ชายแบบนั้นหมายตาด้วยนะ!”
“ฉันก็ว่างั้นแหละ หมายตาเธอได้ไงนะ เขาต้องไม่ปกติแน่เลย”
ฉันไม่อาจปฏิเสธออกไปได้ว่าไม่ใช่
“ได้โปรดเถอะนะ อย่างน้อยก็คิดถึงความรักของฉันที่เพิ่งจะเริ่มต้น ช่วยจัดระเบียบการจราจรให้ฉันหน่อยนะ!”
“สถานการณ์แบบนี้ยังจะมีหน้ามาพล่ามเรื่องความรักอีกเหรอ ตอนนี้เพื่อนเธอถูกคนจิตวิปริตหมายตาอยู่นะ”
“ไม่เห็นต้องกังวลเลย แค่แต่งงานก็สิ้นเรื่อง”
“กับคนโรคจิตเนี่ยนะ”
“อ้อ อันนั้นก็ไม่ดีแฮะ”
ยองซอหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตะโกนออกมาอีกครั้ง
“เพราะอย่างนี้ฉันถึงบอกให้สารภาพไปเลยไง! ผู้ชายคนนั้นดูโมโหเหมือนกันนะที่ทำเหมือนเขาเป็นของเล่น สารภาพก่อนที่เขาจะโมโหมากไปกว่านี้เถอะนะ! ถ้าเขาตามหาเธอจนเจอล่ะก็ ฉันว่ามีอยู่สองอย่าง คือไม่จับแต่งงานก็จับเธอลงโทษ! ดังนั้นเรามีแค่วิธีเดียวเท่านั้นก็คือต้องพูดความจริง!”
หลังจากที่วางสาย ฮารีก็รู้สึกว่าหน้าผากของตัวเองเต็มไปด้วยเหงื่อ
หรือต้องสารภาพจริงๆ นะ แต่อาจจะไม่ถูกจับได้ก็ได้นี่นา จำเป็นด้วยเหรอ ขนาดเจอที่บริษัทเขายังจำฉันไม่ได้เลย
“การแต่งงานไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ แล้วผู้ชายคนนั้นจะแต่งงานคนเดียวได้ยังไง ถ้าฉันไม่แต่งด้วย เรื่องจะจบไหมนะ”
ฮารีกัดริมฝีปากด้วยความกระวนกระวายใจจนได้ลิ้มรสเลือด