บทที่ 1 มีคนขัดขวางการแต่งงาน
“ข้าไม่ยอม!”
ภายในห้องโถงใหญ่จวนสกุลเสิ่น เสิ่นกุยหย่ากระทืบเท้าเร่าๆ ยกมือชี้หน้าสตรีนางหนึ่งพลางแผดเสียงตะโกน “นางเป็นเพียงบุตรของอนุ มีสิทธิ์อะไรได้คู่แต่งงานดีกว่าพี่กุยหรงเสียอีก! ว่ากันตามศักดิ์ภรรยาเอกอนุภรรยา คุณหนูที่สูงส่งที่สุดในจวนนี้คือข้าต่างหาก เรื่องดีๆ อย่างแต่งเข้าจวนอัครเสนาบดี นางมีสิทธิ์อะไรมาได้ไปครอง ข้าไม่ยอม!”
นายผู้เฒ่าและฮูหยินสกุลเสิ่นนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ทั้งคู่ พร้อมด้วยเหล่าอี๋เหนียง* บุตรชายสองสามคนที่ยังไม่ได้ออกเรือน และคุณชายอีกคนหนึ่ง เด็กสาวที่ถูกเสิ่นกุยหย่ายกมือชี้เอาแต่ก้มหน้างุดไม่ส่งเสียง
วันนี้ทางจวนอัครเสนาบดีมาขอชื่อและเวลาตกฟากฝ่ายหญิงไปผูกดวงตามธรรมเนียม โดยคนที่พวกเขาต้องการสู่ขอคือคุณหนูสามสกุลเสิ่น หรือก็คือเสิ่นกุยเยี่ยนผู้กำลังถูกเสิ่นกุยหย่าชี้หน้าอยู่ในตอนนี้
จริงอยู่ที่สกุลเสิ่นเป็นตระกูลขุนนาง ทว่านายผู้เฒ่าเสิ่นเป็นเพียงรองเสนาบดีขั้นสี่เท่านั้น สามารถเกี่ยวดองกับตระกูลของอัครเสนาบดีได้เช่นนี้ถือว่าอาจเอื้อมของสูง การแต่งงานครานี้จึงทำให้เสิ่นกุยหย่าริษยาจนดวงตาร้อนผ่าว
“เจ้าไม่ยอมแล้วจะมีประโยชน์อันใด” นายผู้เฒ่าเสิ่นเอ็ด “เอะอะโวยวายเช่นนี้ใช้ได้หรือ นึกว่าใครอยากเข้าไปอยู่ในจวนอัครเสนาบดีก็ก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปได้หมดหรือไร คู่ครองคนนี้เยี่ยนเอ๋อร์ได้มาด้วยตัวนางเอง ไม่มีผู้ใดไขว่คว้ามาให้นางทั้งนั้น”
เสิ่นกุยหย่าอารมณ์เสียสุดขีด “ที่ไปเยี่ยมคารวะจวนอัครเสนาบดีครานั้น หากไม่เป็นเพราะท่านพ่อลำเอียงพาแต่กุยเยี่ยนไปคนเดียว มีหรือวาสนาเช่นนี้จะหล่นใส่ศีรษะนาง เช่นนี้ยังไม่เรียกว่า ‘ไขว่คว้ามาให้นาง’ อีกหรือเจ้าคะ”
“โอหัง!” นายผู้เฒ่าเสิ่นตบลงบนเท้าแขนเก้าอี้อย่างมีโทสะ “พ่อจะทำอะไรต้องให้เจ้าคอยกำกับด้วยหรือ”
เสิ่นฮูหยินที่นั่งอยู่ข้างๆ สะดุ้งเฮือก รีบเอ่ยขึ้น “หย่าเอ๋อร์เลิกโวยวายทีเถิด การแต่งงานของกุยเยี่ยนถูกกำหนดมานานแล้ว ตอนนี้ก็เพียงถามชื่อกับเวลาตกฟาก** ไปผูกดวงตามขั้นตอนเท่านั้น เจ้าจะมาเต้นเร่าๆ ไปด้วยเหตุใดกัน”
การแต่งงานระหว่างเสิ่นกุยเยี่ยนกับกู้เจาตงบุตรชายของอัครเสนาบดีถูกกำหนดไว้ตั้งแต่นางอายุแปดขวบ เสิ่นกุยหย่าเองก็รู้ แต่ก่อนหน้านี้นางไม่เคยเห็นกู้เจาตงมาก่อนนี่! เพิ่งได้พบเมื่อไม่กี่วันก่อน ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาสะกดใจ บุคลิกโดดเด่นสง่างาม แล้วเรื่องอะไรจะปล่อยให้เสิ่นกุยเยี่ยนได้บุรุษดีๆ เช่นนี้ไปครอง
คนที่นางชิงชังที่สุดก็คือเสิ่นกุยเยี่ยนนี่ล่ะ ทั้งที่ร่วมบิดาเดียวกัน เสิ่นกุยเยี่ยนกลับงามเฉิดฉันกว่าพี่สาวน้องสาวทุกคน รูปงามอย่างเดียวยังพอว่า นี่ยังเหมือนเทพบนสวรรค์เข้าข้างแต่เด็ก ท่องจำโคลงพันคำได้ตั้งแต่อายุห้าขวบ ดีดพิณเป็นเพลงได้ตั้งแต่อายุหกขวบ แต่งกลอนครบบทภายในเวลาหนึ่งก้านธูป*** ตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ ครั้นพออายุแปดขวบยังเข้าตาท่านอัครเสนาบดี ถูกเลือกเป็นว่าที่ลูกสะใภ้
ดวงดีปานนี้จะไม่ให้ผู้อื่นชังน้ำหน้าได้หรือ
“ถึงอย่างไรลูกก็ไม่ยอม!” เพียงคิดถึงรูปโฉมโดดเด่นของกู้เจาตง ใบหน้าของเสิ่นกุยหย่าก็กระตุกริกๆ แล้ว “ท่านพ่อก็ช่างไม่กลัวจะล่วงเกินท่านอัครเสนาบดี ถึงจะส่งสตรีเลือดไพร่ที่มีมารดาเป็นสาวใช้ไปให้เป็นลูกสะใภ้!”
‘เพียะ!’ ในที่สุดนายผู้เฒ่าเสิ่นก็ลุกขึ้นมาสะบัดมือตบบุตรสาว
เสิ่นกุยหย่าเงียบเสียงทันใด ได้แต่มองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา “ท่านพ่อ…”
“ไม่คิดเลยจริงๆ ชีวิตข้าเสิ่นซื่อชิงไม่เคยมีสิ่งใดด่างพร้อย แต่กลับให้กำเนิดเดรัจฉานเช่นเจ้าออกมาได้” นายผู้เฒ่าเสิ่นสั่นเทิ้มไปทั้งร่างด้วยแรงอารมณ์ “กุยเยี่ยนเป็นพี่สาวเจ้า ปกติเจ้าข่มเหงรังแกนาง พ่อก็ทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด เวลานี้พี่สาวอุตส่าห์จะได้มีคู่ครองที่ดี เจ้าก็ยังจะขัดขวางอีกหรือ”
น้ำอุ่นเอ่อขึ้นมากบนัยน์ตาเสิ่นกุยหย่าอย่างรวดเร็ว นางยกมือปิดหน้า “ลูกก็ชอบคุณชายกู้เหมือนกันนี่เจ้าคะ ท่านพ่อ! ที่ผ่านมาท่านกับท่านแม่รักใคร่เอ็นดูหย่าเอ๋อร์ที่สุดไม่ใช่หรือ เหตุใดครานี้ถึงไม่ได้เล่าเจ้าคะ ถ้าไม่ได้จริงๆ ลูกยอมให้นางแต่งงานก็ได้ แต่ลูกจะแต่งตามออกไปด้วย ลูกจะแต่งไปเป็นภรรยาเอกอีกคน…”
สีหน้าของเสิ่นฮูหยินเปลี่ยนไปทันควัน รีบลุกพรวดขึ้นดึงบุตรสาวสุดที่รักมาอยู่ข้างตัว “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ”
บุตรสาวคนโตได้คู่ครองไม่ดีเท่าบุตรสาวอนุยังพอว่า นี่บุตรสาวคนเล็กยังจะยินยอมพร้อมใจลดตัวแต่งออกไปร่วมสามีกับบุตรสาวของอนุในตำแหน่งภรรยาเอกเหมือนกัน? เสิ่นฮูหยินโมโหจนลมแทบจับ ทว่าเสิ่นกุยหย่าถูกตามใจจนเหลิงมาแต่เด็ก อยากได้อะไรต้องได้ ใครก็รบไม่ชนะนางทั้งนั้น
บุตรสาวอนุที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องเงยหน้าขึ้นในที่สุด เรียวคิ้วโก่งบาง นัยน์ตากลมโตดุจเมล็ดซิ่ง* และริมฝีปากแดงเรื่อประกอบกันเป็นดวงหน้าหมดจดงดงาม ทว่าน้ำเสียงกลับเย็นชายามเอ่ยเอื้อน “น้องห้าคงยังไม่รู้อะไร”
เสิ่นกุยหย่าหันขวับไปมองอีกฝ่ายอย่างชิงชัง