ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นางแอ่นขับขาน สกุณาแซ่ซ้อง บทที่ 11-12
“ถือเสียว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้คุณหนูสามกับไอ้ลูกไม่รักดีของข้าแต่งงานกันโดยเร็วก็แล้วกัน” อัครเสนาบดีกู้สรุปผลสุดท้าย
กู้เจาตงท้วงอย่างร้อนรน “ท่านพ่อ!”
“เรื่องนี้ไม่มีทางให้ต่อรองเป็นอื่นได้อีกแล้ว” อัครเสนาบดีกู้มองพวกเขา “ในเมื่อเจ้าลูกชั่วกับคุณหนูสามได้เสียเป็นสามีภรรยากันแล้วก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก รีบกลับไปเตรียมงานมงคลจะดีกว่า”
พูดจบก็หันไปมองนายผู้เฒ่าเสิ่นอย่างให้เกียรติ “ใต้เท้าคิดเห็นเช่นไร”
“ท่านอัครเสนาบดีกล่าวถูกแล้วขอรับ” อีกฝ่ายพยักหน้าแล้วมองไปทางบุตรสาวคนที่สาม “เยี่ยนเอ๋อร์เองก็ไม่ขัดข้องใช่หรือไม่”
เสิ่นกุยเยี่ยนส่ายหน้า
เสิ่นฮูหยินที่ยืนอยู่ข้างสามีได้ยินดังนั้นก็ยิ้มแต่ปากอย่างไม่จริงใจ “ฤกษ์มงคลถัดจากนี้ไปมีแต่ครึ่งเดือนให้หลังเท่านั้น เวลากระชั้นชิด ต้องเตรียมการออกเรือนอย่างฉุกละหุกสักหน่อย แต่เชื่อว่าเยี่ยนเอ๋อร์คงไม่ขัดข้องเช่นกัน”
การแต่งงานถูกต้องตามพิธีรีตองต้องเตรียมตัวสามถึงสี่เดือนทั้งนั้น เวลาเพียงครึ่งเดือนจะเตรียมอะไรทันเล่า น่ากลัวว่าแม้แต่ชุดเจ้าสาวก็ยังต้องเร่งตัดเย็บ เสิ่นกุยเยี่ยนมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย แม้แต่อัครเสนาบดีกู้ก็ไม่ใคร่พอใจนัก “เวลาเพียงครึ่งเดือนออกจะกระชั้นชิดเกินไป”
“ไม่เช่นนั้นก็ต้องรออีกสี่เดือนถึงจะมีฤกษ์มงคลเจ้าค่ะ” เสิ่นฮูหยินเผยสีหน้าใสซื่อ “หากเป็นการออกเรือนปกติยังพอว่า แต่นี่เยี่ยนเอ๋อร์กับคุณชายสี่ได้…ถ้าเกิดท้องโตขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวคงจะ…”
ทุกคนในที่นั้นเงียบงันกันหมด เหล่าอี๋เหนียงที่อยู่ข้างหลังหันไปซุบซิบกันด้วยสีหน้าเยาะหยัน
เสิ่นกุยเยี่ยนหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย แต่แล้วกลับได้ยินกู้เจาเป่ยพูดขึ้น “ใช่ว่าจวนเราจะไม่เคยมีคนท้องโตขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวมาก่อนนี่นะ แต่ข้ากลัวว่ารอนานแล้วสถานการณ์จะเปลี่ยน ครึ่งเดือนนี่กำลังดีเลย พอให้ตระเตรียมอะไรต่อมิอะไรได้ทัน ข้าเองก็อยากแต่งสตรีเพียบพร้อมอย่างเยี่ยนเอ๋อร์เข้าตระกูลไวๆ เช่นกัน”
อัครเสนาบดีกู้เอ็ดบุตรชาย “เรื่องนี้เจ้ามีสิทธิ์พูดด้วยหรือ ยังไม่คุกเข่าให้ดีๆ อีก!”
กู้เจาเป่ยเบ้ปาก
พวกอี๋เหนียงเงียบเสียง เสิ่นฮูหยินเองก็ยิ้มไม่ออก คนแรกที่อุ้มท้องขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวคือบุตรสาวของตนเอง แล้วนางยังจะหัวเราะเยาะผู้อื่นได้หรือ
เสิ่นกุยหย่ากัดริมฝีปาก มองกู้เจาเป่ยด้วยแววตาทะมึน บุรุษผู้นี้ช่างน่ารังเกียจสิ้นดี ไม่รู้จักวิธีเข้าหาสตรีเอาเสียเลย คอยจ้องจะเล่นงานนางอยู่ร่ำไป ต่อให้สนใจนางจริงก็ไม่จำเป็นต้องแสดงออกเช่นนี้
นายผู้เฒ่าเสิ่นกระแอมเบาๆ แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เช่นนั้นก็ถือว่าการแต่งงานระหว่างเยี่ยนเอ๋อร์กับคุณชายสี่เป็นอันแน่นอนแล้ว ได้จัดงานมงคลซ้อนกันสองคราพอดี ความขุ่นข้องหมองใจต่างๆ ก็ขอให้ลืมไปให้หมดก็แล้วกัน ไม่แน่ว่าความผิดพลาดอาจกลายเป็นผลดีก็ได้”
อัครเสนาบดีกู้พยักหน้า ทั้งสองฝ่ายต่างหัวเราะกันอย่างชื่นมื่น หรืออย่างน้อยการแสดงออกภายนอกก็ดูชื่นมื่น
ตอนที่ทุกคนแยกย้ายกันเสิ่นกุยเยี่ยนสาวเท้าเนิบๆ เดินรั้งท้าย รอจนเห็นเสิ่นกุยหย่าประคองกู้เจาตงออกไปแล้ว นางถึงค่อยเร่งฝีเท้าไปหากู้เจาเป่ย
“นี่”
คนถูกเรียกรั้งฝีเท้าพลางเอี้ยวหน้ามองมา ก่อนจะเลิกคิ้ว “เจ้าเป็นคุณหนูจากตระกูลสูงมารยาทงามมาตลอดไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงเรียกผู้อื่นเช่นนี้”
เสิ่นกุยเยี่ยนกลอกตาใส่อย่างขุ่นเคือง “หากเป็นคนอื่นข้าก็จะเรียกว่า ‘คุณชาย’ อย่างสุภาพอยู่หรอก แต่เพราะเป็นท่านข้าถึงไม่เรียก นี่ยารักษาแผลถูกของมีคม ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ที่แทงท่าน”
ขวดกระเบื้องใบจ้อยถูกยื่นมาให้ กู้เจาเป่ยรับไว้ยิ้มๆ แล้วสาวเท้าเข้าใกล้นางก้าวหนึ่ง “บาดแผลฉกรรจ์มากนะ ใช่ว่าพูดเพียงคำสองคำแล้วจะหายกัน น้องหญิง จากนี้ไปก็ช่วยชี้แนะข้าให้มากๆ ด้วยล่ะ”
เสิ่นกุยเยี่ยนมุมปากกระตุก ก่อนจะถอยหลังไปสองก้าว คำนับเขาอย่างนอบน้อม แล้วหมุนตัวเดินกลับหอนางแอ่นโดยไม่เหลียวหลัง
คนหน้าหนาจะแต่งกายงามหรูอย่างไรก็ยังหน้าหนาอยู่นั่นเอง
กู้เจาเป่ยยืนยิ้มมองตามแผ่นหลังนางอยู่พักใหญ่ จวบจนร่างอ้อนแอ้นลับสายตาไปแล้ว รอยยิ้มตรงมุมปากถึงค่อยๆ คลายออก เขาหันไปมองรถม้าสกุลกู้ที่จอดอยู่หน้าจวน ก่อนจะเดินไปสมทบอย่างเนิบนาบ
ตอนแรกจะแต่งกับบุตรชายภรรยาเอก ตอนนี้เปลี่ยนมาแต่งกับบุตรชายของอนุ แม้จะแต่งเข้าจวนอัครเสนาบดีเหมือนกัน แต่สินเจ้าสาวที่จะได้รับติดตัวไปย่อมน้อยลงตามธรรมเนียม ประกอบกับเสิ่นฮูหยินยังตระเตรียมให้อย่างขอไปที ตอนที่เสิ่นกุยเยี่ยนไปดูสินเจ้าสาวจึงเห็นข้าวของเพียงสิบห้าหีบเท่านั้น
สินเจ้าสาวที่เสิ่นกุยหย่าได้ไปตอนออกเรือนเป็นของที่เตรียมไว้สำหรับนาง ทว่าถูกเสิ่นกุยหย่าเอาไปทั้งหมดสามสิบหีบเต็มๆ การเลือกปฏิบัตินี้ชัดเจนเสียจนบ่าวไพร่ในจวนยังมองออกกันหมด
“เฮ้อ คุณหนูสามช่างอาภัพแท้ ดันมาเกิดเรื่องในเวลาสำคัญ คราวนี้เป็นอย่างไรเล่า จากที่ได้แต่งเป็นพี่สะใภ้คนโตก็ต้องกลายเป็นน้องสะใภ้ของอีกฝ่าย”
“นั่นสิ คุณหนูห้าก้าวร้าวเอาแต่ใจ ไม่คิดเลยว่าจะได้เป็นฝั่งเป็นฝาไปกับบุรุษดีๆ สวรรค์ไม่ยุติธรรมจริงๆ”
“หากจวนอัครเสนาบดีได้เห็นสินเจ้าสาวเหล่านี้ ต่อไปยังจะให้ความสำคัญกับคุณหนูสามอีกหรือ”
เป่าซั่นได้ยินคำพูดเหล่านั้นแล้วทุกข์ใจ เอ่ยแนะขึ้นขณะประคองเจ้านายตน “ถ้าอย่างไรคุณหนูไปพูดกับนายผู้เฒ่าสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ สินเจ้าสาวน้อยเกินไป ฮูหยินจงใจข่มเหงท่านชัดๆ”
เสิ่นกุยเยี่ยนอมยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปฟ้องท่านพ่อหรอก ข้ามีวิธีจัดการ”
* โคมม้าวิ่ง คือโคมไฟสวยงามชนิดหนึ่งซึ่งมักใช้ในงานเทศกาลรื่นเริง รอบๆ โคมมักวาดเป็นฉาก ภายในแกนกลางตกแต่งด้วยกระดาษตัดเป็นรูปม้าหรือรูปอื่นๆ เมื่อจุดไฟด้านในโคมจะหมุนเกิดเป็นภาพเคลื่อนไหว
* สามหนังสือหกพิธี เป็นขั้นตอนพิธีการตั้งแต่การหมั้นหมายไปจนสิ้นสุดงานแต่งงานของชาวจีนในสมัยโบราณ สามหนังสือ ได้แก่ หนังสือหมั้นหมาย หนังสือแจ้งพิธี และหนังสือรับเจ้าสาว หกพิธี ได้แก่ เชิญแม่สื่อแนะนำ ถามชื่อและเวลาตกฟาก ส่งของหมั้น ยกขบวนสินสอด กำหนดฤกษ์แต่ง และเข้าพิธีวิวาห์
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 18 มิ.ย. 66 เวลา 12.00 น.