บทที่ 129 ดาวเด่นของหอ
สตรีหนึ่งคือดวงใจ สตรีทั่วไปไว้ดูชม แม้จะมีสตรีนับไม่ถ้วนรายล้อม แต่ก็ไม่ยอมให้สตรีใดผูกมัด นี่คือความคิดที่คุณชายสี่สกุลกู้ยึดมั่นมาโดยตลอด
แม้ตอนแต่งงานกับเยี่ยนเอ๋อร์เขาจะยังเป็นไก่อ่อนสอนขันที่แสนน่าอาย แต่นั่นก็เพราะช่วงแรกๆ ยังไม่ประสีประสาเรื่องทางโลก ภายหลังก็เพราะแสร้งทำตัวเป็นผู้เจนจัดจึงไม่กล้าไปขอคำชี้แนะจากผู้อื่น แต่ตอนนี้เขากับเยี่ยนเอ๋อร์ได้ร่วมหอกัน รู้ละเอียดทุกขั้นตอนว่าต้องทำอย่างไรบ้าง หากจะรับสตรีเป็นพะเรอเกวียนเข้าตำหนักในย่อมไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
กู้เจาเป่ยคิดอย่างฮึกเหิม เขาเอาอย่างตาแก่เช่นเสด็จพ่อก็ได้ กับผู้อื่นก็เพียงเล่นไปตามท่วงทำนอง เก็บรักแท้ไว้ให้เยี่ยนเอ๋อร์เพียงผู้เดียว
ชีวิตของฮ่องเต้เต็มไปด้วยสตรีและอำนาจอยู่แล้ว ขอเพียงจัดสรรให้ดีก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีความสุข
“ในเมื่อเจ้าอยากอยู่ต่อ พรุ่งนี้เราจะออกพระราชโองการเลื่อนตำแหน่งสนมชายาในตำหนักในเสียหน่อย สถานะของเจ้ากับสีกุ้ยเหรินจะได้มั่นคงขึ้น”
ฮวาผินหมอบคำนับฮ่องเต้ด้วยความปรีดา “เป็นพระมหากรุณาธิคุณเพคะ!”
อวี่เหวินฉางชิงที่ยืนฟังด้านนอกอยู่นานใช้นิ้วแคะหู ก่อนหันไปมองจุยอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ “นายเจ้าหลายใจถึงเพียงนี้ เจ้าไม่ห้ามปรามสักนิดเลยหรือไร”
จุยอวิ๋นนึกถึงเป่าซั่นแล้วทอดถอนใจอย่างจนปัญญา “จุยอวิ๋นเป็นเพียงองครักษ์เท่านั้นขอรับ”
องครักษ์ทำได้แต่สิ่งที่ควรทำ อย่างเช่นการเกี้ยวพานนางกำนัลเป็นต้น
อวี่เหวินฉางชิงจุปากสองที พอเห็นว่าคนข้างในน่าจะสนทนากันจบแล้วถึงให้จุยอวิ๋นเข้าไปรายงาน
ฮวาผินเดินออกมาด้วยแววตายินดี กู้เจาเป่ยนั่งยิ้มอย่างสบายอกสบายใจอยู่หลังโต๊ะทรงพระอักษร “แม่ทัพอวี่เหวิน”
ประตูถูกปิดลง อวี่เหวินฉางชิงประเคนหมัดใส่คนตรงหน้าอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
ทั้งคู่ตีกันมาหลายปีจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว กู้เจาเป่ยตอบสนองอย่างฉับไวด้วยการเบี่ยงตัวหลบพร้อมคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของอวี่เหวินฉางชิง เท้าก็ยกขึ้นยันอีกฝ่ายจนกระเด็น
วันนี้เขากำลังอารมณ์ดีจึงถอดเสื้อคลุมทิ้ง จากนั้นกระโจนออกไปยังพื้นที่ว่างข้างหน้า แล้วตีกับแม่ทัพหนุ่มให้สะใจ
วรยุทธ์ของอวี่เหวินฉางชิงเป็นรองกู้เจาเป่ยมาได้สักพักแล้ว ทว่าฮ่องเต้ยุ่งอยู่กับการเค้นสมองวางแผนไม่เว้นแต่ละวัน นับจากขึ้นครองราชย์ก็ไม่ได้ฝึกปรือหมัดมวยอีกเลย ดังนั้นจึงเริ่มตกเป็นรองทีละน้อยหลังผ่านไปได้สิบกระบวนท่า
อวี่เหวินฉางชิงอารมณ์ติดพัน ไม่สนใจอีกแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นฮ่องเต้หรืออะไร เอาแต่รัวหมัดไม่ยั้ง พอเห็นว่าหมัดนี้หลบไม่พ้นแน่ กู้เจาเป่ยพลันฉุกคิดอะไรได้ รีบเงื้อเท้าถีบเก้าอี้ข้างตัวเสียปลิว
เสียงโครมดังลั่น องครักษ์ด้านนอกได้ยินก็พากันผลักประตูกรูเข้ามาในห้อง อวี่เหวินฉางชิงด่าคู่ต่อสู้ในใจว่าไร้ยางอายพลางดึงมือกลับมาแทบไม่ทัน
ตอนที่จุยอวิ๋นเข้ามาข้างใน ทั้งสองคนอยู่ในท่ายืนอย่างสุขุมเรียบร้อยแล้ว
“ฝ่าบาท?”
กู้เจาเป่ยโบกมือเรียบๆ พลางยิ้มอย่างหน้าหนา “ไม่มีอะไร ออกไปให้หมด…ไม่ต้องปิดประตูล่ะ”
อวี่เหวินฉางชิงพรูลมหายใจยาวเหยียด เมื่อเห็นว่าจุยอวิ๋นนำองครักษ์ทั้งหมดออกไปแล้วก็กัดฟันเค้นเสียงออกมาประโยคหนึ่ง “ฝ่าบาทเข้าพระทัยในการใช้อุบายเสียจริง”
บุรุษสถานะสูงส่งทำตัวหน้าหนาเรียกว่า ‘เข้าใจใช้อุบาย’ สตรีสถานะสูงส่งทำตัวหน้าหนาเรียกว่า ‘ช่างวางแผน’ มีแต่เวลาสามัญชนคนธรรมดาทำตัวหน้าเท่านั้นถึงจะถูกขว้างหัวผักเน่าๆ ใส่และขุดโคตรเหง้าบรรพชนขึ้นมาสรรเสริญ