บทที่ 13 มนุษย์ประเสริฐที่รู้จักละอาย
ด้วยความที่ฉลาดจำนรรจา รู้จักสำรวมตน เวลานายผู้เฒ่าเสิ่นแวะเวียนไปจวนขุนนางอื่นจึงมักจะพาเสิ่นกุยเยี่ยนไปด้วยเสมอ นางจึงคุ้นเคยกับฮูหยินตระกูลต่างๆ อยู่ไม่น้อย หนึ่งในนั้นคืออูซื่อ นายหญิงของจวนรองเสนาบดีกรมพิธีการที่เอ็นดูนางเป็นพิเศษ จนถึงกับเคยมาเยี่ยมเยือนฉินอี๋เหนียงสองครั้ง นับว่ามีความสัมพันธ์ต่อกันค่อนข้างแน่นแฟ้น
บัดนี้เมื่อฉินอี๋เหนียงจากไป เสิ่นกุยเยี่ยนจะส่งเทียบขาวไปแจ้งทางจวนรองเสนาบดีเกาก็เป็นการกระทำที่สมเหตุสมผล ไม่มีอะไรให้ตำหนิได้แม้แต่นิดเดียว
ทว่าเกาฮูหยินอูซื่อผู้นี้ออกจะต่างจากนายหญิงจวนอื่นอยู่สักหน่อยตรงที่อุปนิสัยโผงผางตรงไปตรงมาและทนเห็นความอยุติธรรมไม่ได้ การเชิญอีกฝ่ายมาในสถานการณ์เช่นนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องอย่างยิ่ง
“ยายหนูเอ๊ย มีแต่คนบอกว่าเจ้าดวงดี เหตุใดครานี้ถึงได้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดนักเล่า”
อูซื่อสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวสะอาดตา ทับด้วยเสื้อคลุมผ่าหน้าตรงสีดำขลิบริมขาว ไม่ประดับเครื่องทองเครื่องเงินใดๆ บนศีรษะ เพียงปักปิ่นทรงคทาหยก* ทำจากหยกมันแพะ** อันเดียวเท่านั้น พอเข้ามาถึงก็ดึงมือเสิ่นกุยเยี่ยนมาจับไว้ “ข้ายังเตรียมของขวัญส่งไปให้เจ้าที่จวนอัครเสนาบดีด้วย นึกไม่ถึงว่าเจ้าสาวจะเปลี่ยนเป็นผู้อื่น ซ้ำรั่วสุ่ยก็มีอันเป็นไปเสียอีก”
สัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามืออูซื่อทำให้เสิ่นกุยเยี่ยนดวงตาแดงเรื่อ ก้อนสะอื้นเจืออยู่ในน้ำเสียง “ฉินอี๋เหนียงจากไปอย่างกะทันหัน กุยเยี่ยนก็ไม่รู้เจ้าค่ะว่าควรต้องทำอย่างไรดี อีกไม่กี่วันก็ต้องออกเรือนไปกับคุณชายสี่ของจวนอัครเสนาบดีแล้ว จัดงานแต่งทับงานศพ ไม่รู้ว่าฉินอี๋เหนียงที่อยู่ในยมโลกจะติเตียนกุยเยี่ยนหรือไม่”
“นางจะติเตียนเจ้าได้อย่างไร” อูซื่อถอนหายใจ “ปกตินางรักเจ้าอย่างกับอะไรดี ปีนี้ข้าได้พบนางสองครั้งก็เห็นนางตั้งตารอให้เจ้าออกเรือนทุกครั้ง น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่ตอนนี้เจ้าไม่อาจแต่งไปกับคุณชายใหญ่สกุลกู้ แต่ข้าสอดมือเข้าไปกะเกณฑ์เรื่องคู่ครองของเจ้าไม่ได้”
“กุยเยี่ยนเข้าใจเจ้าค่ะ ฮูหยินมาวันนี้ถือว่ามีน้ำใจมากแล้ว” เสิ่นกุยเยี่ยนคลี่ยิ้มแล้วนำทางอีกฝ่ายไปห้องโถงด้านหน้า “ในเมื่อฮูหยินมาแล้วก็ไปพบท่านแม่สักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ช่วงนี้ท่านแม่กำลังตระเตรียมสินเจ้าสาวให้กุยเยี่ยนอยู่พอดี”
อูซื่อพยักหน้าแต่ในใจไม่สู้จะยินดีนัก เพราะตนกับเสิ่นฮูหยินวาทศิลป์ไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร เห็นทีแค่ไปคำนับทักทายแล้วกลับเลยดีกว่า
ในห้องโถงด้านหน้า เสิ่นฮูหยินกำลังสั่งให้คนตรวจนับรายการสินเจ้าสาวของเสิ่นกุยเยี่ยน ใบบัญชีมีรายการข้าวของเขียนไว้แน่นขนัด แต่ที่บรรจุจริงในหีบกลับมีแต่ของไม่สลักสำคัญ มีทั้งหมดสิบห้าหีบ แต่ละหีบโหรงเหรงชนิดที่ถ้าเขย่าก็ได้ยินเสียงของกระทบกัน
อูซื่อเห็นหีบเปิดอ้าใบหนึ่งทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องโถง ก้นหีบบุแพรแดง ใส่จานกระเบื้องเคลือบใบเขื่องเพียงสามใบ เป็นแค่ของระดับกลางๆ ไม่ได้สูงค่ามากมาย แต่กลับใช้หีบทั้งใบบรรจุไว้โดยเฉพาะ
“แหม ข้ามาไม่ได้จังหวะหรือไม่” อูซื่อรีบชักเท้ากลับมาพลางมองสภาพในห้อง แล้วหันไปยิ้มพูดกับคนที่นั่งตรงตำแหน่งประธาน “ข้าแค่จะมาทักทายเท่านั้น ไม่นึกว่าเสิ่นฮูหยินกำลังยุ่งอยู่”
เสิ่นฮูหยินขมวดคิ้วมองคนข้างนอก กระนั้นก็ยังประดับรอยยิ้มตามมารยาทไว้บนใบหน้าขณะลุกขึ้นยืน “ที่แท้ก็เกาฮูหยินนี่เอง จะมาทั้งทีไยไม่ให้คนมาแจ้งเล่า”
ว่าพลางโบกมือสั่งให้บ่าวรับใช้ขนข้าวของไปตั้งไว้อีกทาง ก่อนจะเหลือบมองเสิ่นกุยเยี่ยน แล้วแสร้งปั้นยิ้ม “เกาฮูหยินเข้ามานั่งก่อนเถิด”
อูซื่อเดินเข้าไปนั่งจริงๆ อย่างไม่เกรงใจ แล้วตวัดสายตามองสินเจ้าสาวที่ถูกขนไปกองตรงมุมห้อง จากนั้นก็เลิกคิ้ว “นี่ข้าวของของคุณหนูสามหรือ”
“ใช่ นางกำลังจะออกเรือน” เสิ่นฮูหยินนั่งลงบ้าง วันนี้นางสวมกระโปรงยาวสีขาวทับด้วยเสื้อคลุมผ่าหน้าลายดอกไห่ถังสีแดง ข่มอาภรณ์สีขาวเรียบหรูของแขกให้จืดลงทันที ยามพูดจาก็เชิดคางขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่