บทที่ 14 พอใจอย่างไรก็ทำอย่างนั้น
กู้เจาตงยืนอยู่ด้านนอกอยู่นานก็ยังไม่หายตกตะลึง เพราะไม่ได้เพียงเปียกน้ำชาไปทั้งตัว ยังมีใบชาติดเต็มใบหน้า เขายกมือขึ้นปาดอย่างงงงัน พร้อมกับที่เห็นบานหน้าต่างปิดลงอีกครั้ง
ไม่เข้าใจเอาเสียเลย สตรีที่แต่ก่อนอ่อนหวานนุ่มนวลกับเขามาโดยตลอด เหตุใดเพียงหมุนตัวทีเดียวก็ดุดันใส่เขาถึงเพียงนี้ได้ ความรักของเขากับนางไม่ได้ลึกล้ำยืนยงตราบจนฟ้าดินสลายสินะ
จวบจนน้ำชาไหลหยดลงไปในคอเสื้อกู้เจาตงถึงเพิ่งรู้สึกเย็น เขานึกฉุนเฉียวแล้วออกจากจวนสกุลเสิ่นอย่างขุ่นเคือง พกโทสะกลับไปตลอดทาง
เสิ่นกุยหย่ากำลังนั่งดูกล่องเครื่องประดับของตนอยู่ในจวนอัครเสนาบดี มาอยู่ยุคโบราณนี่ดีเสียจริง เพชรนิลจินดาเยอะแยะเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าเอากลับไปได้สักกี่มากน้อย
นางเอกทั่วไปจะมีรูปแบบตายตัว นั่นคือได้เจอพระเอกกับพระรอง นอกจากนั้นยังจะได้เจอตัวประกอบหญิงที่แสนน่ารังเกียจ เสิ่นกุยหย่าคิดว่าตนเองเป็นนางเอก ดังนั้นตัวประกอบที่ว่าก็ต้องเป็นเสิ่นกุยเยี่ยนอย่างแน่นอน นางตั้งปณิธานไว้ว่าจะสร้างฮาเร็มชายของตนขึ้นในยุคโบราณนี้ให้จงได้ ใครขวางทางนางจะไม่มีวันได้พบจุดจบที่ดี!
กล่องเครื่องประดับถูกวางลง เสิ่นกุยหย่าหันไปหยิบขวดใบใหญ่จากอีกด้านขึ้นมา ในนี้มีของที่นางให้คนไปเสาะหามาโดยเฉพาะ
นางเตรียมของขวัญแต่งงานชิ้นใหญ่ไว้รอเสิ่นกุยเยี่ยนแล้ว โดยขอส่งอีกฝ่ายไปลงนรกเสียแต่เนิ่นๆ ดีกว่า ภายหลังจะได้ไม่อยู่ทำอะไรที่เป็นภัยต่อนาง
ระหว่างที่คิดอย่างนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออก เสิ่นกุยหย่าสะดุ้งโหยง พอหันไปมองก็เห็นกู้เจาตงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
กับสามียุคโบราณคนนี้เสิ่นกุยหย่าไม่ประทับใจเท่าไรนัก ตอนแรกยังมองว่าเขาดูเข้าที ปรากฏว่าเมื่อเทียบกับกู้เจาเป่ยแล้ว แค่จืดชืดน่าเบื่อกว่ายังพอทำเนา นี่ยังไม่ซื่อสัตย์กับนาง วันๆ ดีแต่วิ่งไปหาเสิ่นกุยเยี่ยน เจอเช่นนี้หลายครั้งเข้าเสิ่นกุยหย่าก็ไม่พิศวาสเขาอีกต่อไป แต่ต่อให้ไม่ชอบเพียงใดก็จะทำแหนงหน่ายไม่ได้เพราะสามียุคโบราณใหญ่เทียมฟ้า
“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” นางยิ้มละไมพลางลุกเดินไปหาแล้วช่วยเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างอ่อนหวาน “เข้านอนได้แล้วล่ะเจ้าค่ะ”
กู้เจาตงคว้ามือเสิ่นกุยหย่ามาจับแล้วถามอย่างเจ็บปวด “เหตุใดตอนนี้เยี่ยนเอ๋อร์ถึงได้ต่อต้านข้าเหลือเกิน”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นกุยหย่าแข็งค้างไปเล็กน้อย จากนั้นนางก็เม้มปาก “สตรีต้องสงวนท่าทีเอาไว้เพื่อให้บุรุษอยากได้ ส่วนคนที่เสนอตัวเข้ามาเองอย่างข้าน่ะ ท่านย่อมไม่เห็นค่าอยู่แล้ว”
กู้เจาตงชะงัก เหลือบมองครรภ์อีกฝ่ายแวบหนึ่ง ก่อนจะยกแขนขึ้นมาสวมกอดนาง “ใครกันไม่เห็นค่าเจ้า เพียงแต่เยี่ยนเอ๋อร์…พวกเราผูกพันกันมาหลายปี ข้าเลยยังตัดใจไม่ได้”
“ข้ารู้เจ้าค่ะ แล้วก็เข้าใจท่านด้วย” เสิ่นกุยหย่าแอบกลอกตาหนึ่งรอบแล้วยิ้มแฉล้ม “ข้าจะรอจนถึงวันที่ท่านพี่รักข้าหมดใจ”
ศักดิ์ศรีของบุรุษต้องได้รับการเติมเต็มจากที่ถูกเสิ่นกุยเยี่ยนทำลายลงก่อนหน้านี้ บัดนี้กู้เจาตงได้มันคืนมาโดยสมบูรณ์จากเสิ่นกุยหย่า หัวคิ้วของเขาคลายออก รู้สึกว่าภรรยาดูรื่นหูรื่นตาขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย “อืม จะต้องมีวันนั้นแน่ พวกเราเข้านอนกันดีกว่า”
เสิ่นกุยหย่าคลี่ยิ้มอ่อนหวานแล้วประคองเขาไปที่เตียง