หลุมศพของฉินอี๋เหนียง
ตำแหน่งนี้ถือว่าที่ตั้งค่อนข้างดี เสิ่นกุยเยี่ยนเหลือบตามองไปรอบๆ ไม่มีหลุมศพอื่นตั้งเบียดกับฉินอี๋เหนียง ทิวทัศน์ก็งดงาม
นางค่อยๆ คุกเข่าลงหน้าหลุมศพแล้วโขกศีรษะหลายครั้ง กู้เจาเป่ยหยิบธูปกับผลไม้ออกมาจากกระเป๋าอานม้า ดูท่าคงเตรียมมาแต่แรก
เสิ่นกุยเยี่ยนมองเขานิ่ง คนตรงหน้ามีรอยยิ้มเช่นคนเสเพลไม่เอาไหน แต่เมื่อมาอยู่หน้าป้ายหลุมศพ เขาเก็บรอยยิ้มนั้นแล้วคุกเข่าตามนาง โขกศีรษะอย่างนอบน้อม
“ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสได้ออกจากจวน และยิ่งไม่อาจตั้งหลุมศพให้มารดาแท้ๆ ของเจ้าได้” กู้เจาเป่ยพูดขึ้นเบาๆ “ในเมื่อข้าจะแต่งงานกับเจ้าอยู่แล้วก็ควรทำเรื่องดีๆ บ้าง ข้าเลยทำสิ่งที่คิดว่าเจ้าน่าจะอยากทำที่สุด”
พูดจบก็ผินหน้ามองนาง “เป็นอย่างไร ตื้นตันมากเลยใช่หรือไม่ ไม่รู้สึกเสียดายแล้วกระมังที่ต้องแต่งงานกับข้า”
ตอนเห็นป้ายหน้าหลุมศพเสิ่นกุยเยี่ยนตื้นตันใจมากจริงๆ แต่พอได้ฟังวาจาของคนผู้นี้ มุมปากของนางก็กระตุกริกๆ อยากห้ามไม่อยู่ อยากจะเสยกำปั้นใส่สักหมัด
ใช้คำพูดซาบซึ้งตรึงใจเช่นคุณชายคนอื่นบ้างไม่ได้หรือไรนะ จำเป็นต้องเปิดเผยจุดประสงค์อย่างตรงไปตรงมาด้วยหรือ นางมองป้ายหลุมศพอย่างไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ท่านแม่ ท่านดูสิ ลูกกำลังจะแต่งงานกับคนเสเพลผู้นี้ แม้จะเป็นคนเสเพล แต่ก็ดูเหมือนจะพึ่งพาได้มากกว่าพวกคุณชายทำตัวสูงส่งเสียอีก
ลมรำเพยผ่านหลุมศพ นำพาไออุ่นมาให้อย่างน่าประหลาด เสิ่นกุยเยี่ยนวางผลไม้หน้าป้ายหิน จากนั้นก็จุดธูปแล้วคุกเข่ารอจนธูปไหม้หมดดอกด้วยกันกับกู้เจาเป่ย
ขาลงจากเขานางรู้สึกว่าหัวใจโปร่งสบายขึ้นไม่น้อย ยามมองกู้เจาเป่ยก็เห็นเขารื่นหูรื่นตาขึ้นเช่นกัน
“จวนจะตกหลุมรักข้าแล้วใช่หรือไม่” ฝ่ายนั้นยกมือลูบคางแล้วส่งยิ้มโปรยเสน่ห์มาให้ “ข้าก็คิดเช่นกันว่าบุรุษเช่นนี้ล่ะสมควรได้รับความรัก!”
เสิ่นกุยเยี่ยน “…”
นางขอถอนคำพูดเมื่อครู่ เป็นไปได้ยากยิ่งที่คนผู้นี้จะรื่นหูรื่นตาขึ้นมาได้!
ทั้งคู่พากันนั่งม้ากลับ ยิ่งใกล้ถึงจวนสกุลเสิ่นเท่าไร สีหน้าของเสิ่นกุยเยี่ยนก็เคร่งขรึมขึ้นเท่านั้น
“ไม่ต้องเครียดนักหรอกน่า” กู้เจาเป่ยบอกยิ้มๆ “ทุกคนรู้กันหมดว่าข้าจับตัวเจ้าออกมา จะลงโทษก็ต้องลงโทษข้า ไม่เดือดร้อนไปถึงเจ้าหรอก”
แต่สกุลเสิ่นจะลงโทษกู้เจาเป่ยได้อย่างไรเล่า คนกะล่อนปลิ้นปล้อนผู้นี้คิดเตรียมไว้แต่แรกแล้วล่ะสิ
เสิ่นกุยเยี่ยนยกมือลูบหน้า ก่อนรำพึงในใจ มิน่าเล่า คนผู้นี้ถึงอยู่รอดปลอดภัยจนเติบใหญ่ในจวนอัครเสนาบดีได้ถึงปัจจุบัน ทั้งที่ประพฤติตนนอกคอกถึงเพียงนี้ พวกอันธพาลนี่ช่างอายุยืนจริงๆ
เสิ่นฮูหยินนำอี๋เหนียงสองคนมารออยู่ในห้องโถงใหญ่แล้ว เป่าซั่นคุกเข่าอยู่บนพื้น ถูกตบหน้าไปไม่รู้กี่ครั้ง แต่กลับไม่ได้ร้องไห้ เอาแต่กัดฟันก้มหน้านิ่ง
ครั้นกู้เจาเป่ยพาเสิ่นกุยเยี่ยนเดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงแหลมบาดหูของนายหญิงของสกุลเสิ่นดังขึ้น “เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเจอ จะแต่งงานกันอยู่รอมร่อแล้ว เจ้าบ่าวยังพาเจ้าสาวหนีไปอีก!”
* คทาหยก ภาษาจีนเรียกว่าอวี้หรูอี้หรือหรูอี้ เป็นเครื่องหยกชนิดหนึ่ง รูปทรงเป็นแท่งแบนโค้งงอ ส่วนหัวมีลักษณะเป็นแป้นกลม สลักลายงดงามตลอดอัน โดยคำว่าหรูอี้มีความหมายว่าสมปรารถนา ชาวจีนจึงใช้เป็นของเสริมสิริมงคลและเป็นเครื่องแสดงฐานะของชนชั้นสูง
** หยกมันแพะ เป็นหยกสีขาวขุ่นเหมือนไขมันของแพะ เนื้อละเอียดไร้รอยตำหนิ เกลี้ยงเกลา และวาวแสง
* หงส์ หรือเฟิ่งหวง เป็นพญานกในตำนาน ขนมีห้าสี เสียงร้องดั่งดนตรี มักใช้เป็นสัญลักษณ์ของฮองเฮาเคียงคู่กับมังกรของฮ่องเต้
** มามา โดยทั่วไปหมายถึงแม่ แต่สามารถใช้เป็นคำเรียกภรรยาหรือหญิงสูงวัย และยังใช้เรียกแม่เล้าในหอนางโลมได้ด้วย
* บุตรสาวอกตัญญู ธรรมเนียมการไว้ทุกข์สมัยโบราณของจีนจะต้องไว้ทุกข์ให้บิดามารดาเป็นเวลาสามปี การแต่งงานในระยะเวลาไว้ทุกข์ถือเป็นเรื่องที่ขัดกับธรรมเนียม ในที่นี้จึงสลักคำว่า ‘บุตรสาวอกตัญญู’ ไว้กับชื่อของเสิ่นกุยเยี่ยน
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนมิถุนายน 66)