บทที่ 131 ใครเป็นคนปล่อย
ตำหนักเย็นเป็นที่กักขังสตรีตำหนักในผู้เสียตำแหน่งคนโปรดหรือมีความผิด ไม่สามารถพานางกำนัลเข้าไปรับใช้ได้เหมือนอย่างในละครโทรทัศน์ยุคปัจจุบันเลยสักนิด ในละครนั่นแค่ภาพฝันล่ะไม่ว่า ตอนอยู่ในนั้น เสิ่นหานลู่ยังต้องแย่งของกินเองด้วยซ้ำ
“หม่อมฉันทุกข์ทรมานมาเกินพอ ในที่สุดวันที่ได้หลุดพ้นจากที่นั่นก็มาถึง ทำให้รู้ซึ้งว่าชีวิตข้างนอกมีค่าเพียงใด” นางมองเสิ่นกุยเยี่ยนพลางน้ำตาคลอเบ้า “หม่อมฉันไม่หวังจะเป็นที่โปรดปราน ขอเพียงได้อยู่อย่างผาสุกมั่นคงก็พอแล้ว”
หากไม่เคยลำบากย่อมไม่เห็นค่าความสบาย ข้อนี้เป็นความจริง แต่เสิ่นกุยเยี่ยนไม่มีความสงสารให้คนที่เคยทำร้ายตนเองมาก่อน ได้แต่พยักหน้า “เจ้าคิดได้ก็ดีแล้ว วันนี้กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”
“พระชายา…ทรงยอมให้หม่อมฉันอยู่ในวังหลวงต่อหรือเพคะ” เสิ่นหานลู่ถามอย่างระมัดระวัง
เสิ่นกุยเยี่ยนหัวเราะเบาๆ “แม้ข้าจะเป็นกุ้ยเฟย แต่ก็ไม่มีอำนาจกะเกณฑ์ว่าสนมชายาคนใดจะอยู่หรือไป ต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับดวงของเจ้ามากกว่า”
อีกฝ่ายลุกขึ้นอย่างลิงโลด “ขอบพระทัยกุ้ยเฟยที่ทรงเมตตาหานลู่ถึงเพียงนี้ หานลู่ไม่มีสิ่งใดจะตอบแทน วันหน้าหากหานลู่พอจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง ทรงออกพระโอษฐ์มาได้เลยนะเพคะ”
เสิ่นกุยเยี่ยนลุกเดินไปยังห้องด้านในของตำหนัก ดูความเรียบร้อยหลังพวกเป่าซั่นจัดห้องเสร็จพลางตอบ “อืม” โดยไม่หันไปมอง แล้วผินหน้าเพ่งพิศของประดับที่อยู่ใกล้ๆ เพราะคิดว่าเสิ่นหานลู่คงกลับไปแล้ว
ยังจำได้ว่าตอนทำงานอยู่ในตำหนักอุดร เหนียนไทเฮาชี้ของตกแต่งตรงนั้นตรงนี้พร้อมบอกนางว่า ‘ชิ้นนี้เป็นของพระราชทานจากอดีตฮ่องเต้ ชิ้นนั้นก็ใช่’
วังหลวงมีหญิงงามหลายหลาก แต่ขอฝากใจไว้ที่คนเดียวคงเป็นเช่นนี้กระมัง เสิ่นกุยเยี่ยนเม้มปาก บัดนี้ชั้นวางของตกแต่งในห้องนางก็มีแต่ของพระราชทานทั้งสิ้น ภายภาคหน้าจะมีวันที่นางพูดกับนางกำนัลเล็กๆ ว่า ‘อ่างปลาไนสามขาฉลุลายเคลือบสีนี้เป็นของพระราชทาน’ เช่นกันหรือไม่
อ่างปลาไนดังกล่าวตั้งอยู่ตรงมือนางนี่เอง ระหว่างกำลังมองเหม่อ เสิ่นกุยเยี่ยนพลันเจ็บแปลบที่มือ
สัตว์ร่างเย็นเฉียบตัวหนึ่งฝังเขี้ยวลงบนมือนาง
“โอ๊ย!” เสิ่นกุยเยี่ยนสะดุ้งด้วยความตกใจ
“กุ้ยเฟย!” เสิ่นหานลู่ที่ยังอยู่ในห้องด้านนอกสาวเท้าก้าวพรวดๆ เข้ามา พอเห็นงูชูหัวออกจากอ่างปลาไนใบนั้นก็หน้าถอดสี รีบตะโกนลั่น “ไปตามหมอหลวงมาเร็ว กุ้ยเฟยถูกงูฉก!”
เป่าซั่นตะโกนเรียกคนอย่างตกอกตกใจ ขันทีจำนวนหนึ่งมาจับงูตัวนั้นออกไป เสิ่นเฟยบีบข้อมือเสิ่นกุยเยี่ยนแน่นขณะพยุงนางไปนั่ง จากนั้นอ้าปากดูดแผลอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
“เสิ่นเฟย?” เป่าซั่นขมวดคิ้ว ประคองเจ้านายพลางมองเสิ่นเฟยอย่างกังขา
ซิ่วผิงที่อยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ “ไม่รู้ว่างูตัวนั้นมีพิษหรือไม่ เจ้านายข้ากำลังช่วยดูดพิษงูถวายพระชายาอยู่ พี่เป่าซั่นอย่าได้ร้องเอะอะ หากเสิ่นเฟยทรงกลืนพิษเข้าไปจะแย่เอา”
เป่าซั่นรีบหุบปากทันควัน เสิ่นกุยเยี่ยนขืนตัวนิ่งๆ ไม่ขยับ เพราะเคยได้ยินมาว่าหากถูกงูฉกแล้วขยับ พิษจะแล่นไปทั่วร่างภายในเวลาอันสั้น
นางยังมีบุตรอยู่ในครรภ์ จะเป็นอันตรายใดๆ แม้แต่น้อยไม่ได้เด็ดขาด