บทที่ 134 อุบายปกป้องบุตร
กู้เจาเป่ยหันมามองนาง ดวงตาเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย “เหตุใดถึงไม่ส่งตัวให้กรมอาญาตัดสินโทษ”
นางยกยิ้มตรงมุมปาก “หากคำให้การของพยานสามารถเอาผิดฟู่กุ้ยเหรินได้ ฝ่าบาทจะทรงจัดการเช่นไรเพคะ”
หากเป็นสตรีตำหนักในธรรมดาๆ นางคงไม่ต้องทำอะไรอ้อมค้อมเช่นนี้ แต่นี่อีกฝ่ายเป็นหลานสาวสายตรงของราชบัณฑิตฟู่ และสาเหตุสำคัญที่สร้างความปวดหัวให้ฮ่องเต้อยู่ในตอนนี้ก็คือราชบัณฑิตฟู่นี่ล่ะ
ถ้าฉวยโอกาสนี้เล่นงานขุนนางสูงวัยไปพร้อมกัน ย่อมวิเศษกว่าลงโทษฟู่กุ้ยเหรินเพียงคนเดียวมากนัก
กู้เจาเป่ยตอบหลังจากลูบคางใช้ความคิดอยู่พักใหญ่ “หากสามารถเอาผิดฟู่กุ้ยเหรินได้จริง ข้าจะส่งนางไปขังไว้ในตำหนักเย็น แล้วรอให้ราชบัณฑิตฟู่มาอ้อนวอนขอร้อง”
วันนี้ราชบัณฑิตฟู่กล้าพล่ามยาวเหยียดถึงเพียงนั้นก็เพราะยังไม่มีการตัดสินความผิดของฟู่กุ้ยเหริน เมื่อใดที่ตัดสินขุนนางสูงวัยมีแต่ต้องยอมถอยก้าวแล้วก้าวเล่าได้อย่างเดียว
เสิ่นกุยเยี่ยนพยักหน้า แล้วลุกไปเรียกเป่าซั่น “ไปพาชิงจู๋มาได้”
คนสนิทรับคำสั่งยิ้มๆ
กู้เจาเป่ยพลิกตัวลุกขึ้นแล้วเดินมาจับมือนางไว้ “เยี่ยนเอ๋อร์ เจ้าช่วยข้าไว้ครั้งใหญ่อีกแล้ว”
เสิ่นกุยเยี่ยนยิ้ม “หม่อมฉันอยู่ในตำหนักในว่างๆ ไม่มีอะไรทำ หากช่วยฝ่าบาทได้ก็ดีใจยิ่งนัก”
เขาแนบจุมพิตบนแก้มเนียนเบาๆ เสียงที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “ถึงอย่างไรเจ้าก็ดีที่สุดจริงๆ”
ดวงหน้างามแดงซ่าน เสิ่นกุยเยี่ยนอ่อนละมุนอยู่ในใจ นางผินหน้ามองใบหน้าด้านข้างของสามี พอจะขยับปากพูดอะไรบางอย่างก็ได้ยินเป่าซั่นกรีดร้องสุดเสียงเสียก่อน
เสียงหวีดร้องก้องสะท้อนไปทั้งตำหนักหย่งเหอ เสิ่นกุยเยี่ยนฟังแล้วใจหายวาบ เมื่อใดที่ได้ยินเสียงกรีดร้องเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องคิดเลย จะต้องมีใครตายอย่างแน่นอน
ชิงจู๋…
เสิ่นกุยเยี่ยนหน้าเครียด ลากกู้เจาเป่ยวิ่งไปทางเรือนปีกด้านข้าง
เป่าซั่นนั่งจ้ำเบ้าอยู่ตรงประตูเรือนปีก จุยอวิ๋นที่ได้ยินเสียงรออยู่ตรงนั้นแล้ว กำลังจะช่วยประคองเป่าซั่นขึ้นมาก็ได้ยินเสียงกู้เจาเป่ยถามขึ้นข้างหลัง “เกิดอะไรขึ้น”
จุยอวิ๋นชะงัก ก่อนจะเงยหน้าชี้เข้าไปในเรือน
เสิ่นกุยเยี่ยนวิ่งมาดูที่ประตู
ร่างเล็กๆ ของชิงจู๋ถูกแขวนไว้กับคานเรือน ไม่อาจขยับเขยื้อนอีกต่อไป
กู้เจาเป่ยผงะ จากนั้นก็นัยน์ตาแดงก่ำ
ตายเช่นนี้อีกแล้ว เหมือนคราวจวงเฟยไม่ผิดเพี้ยน
จุยอวิ๋นเข้าไปแกะเชือก ร่างของชิงจู๋แข็งทื่อแล้ว เด็กหญิงนั่งรออยู่ในห้องสองชั่วยาม ระหว่างนั้นไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องใดๆ ทั้งสิ้น แสดงว่ามีคนลอบเข้ามาข้างในแล้วรัดคอนางจนตายอย่างเงียบเชียบ
เสิ่นกุยเยี่ยนเบิกตาโพลง นางไม่ได้เห็นศพกับตาตนเองมานานแล้ว ใบหน้าขาวซีดของชิงจู๋ที่จุยอวิ๋นอุ้มอยู่ทำเอานางตื้อในอก ก่อนจะหันไปโก่งคออาเจียน
“พระชายา” เป่าซั่นรีบลุกไปพยุงเจ้านายทั้งที่เนื้อตัวสั่นเทา “ถนอมพระวรกายด้วยเพคะ อย่าทอดพระเนตรอีกเลย”
กู้เจาเป่ยยืนตัวแข็งอยู่ตรงประตูพักใหญ่ก่อนจะหลุบตาลง “นำศพนางไปจัดการ ถือเสียว่าฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิด ไม่ต้องสืบคดีนี้ต่อแล้ว”
พูดจบก็หันไปมองเสิ่นกุยเยี่ยน “กลับตำหนักยงไหวกับข้า ตำหนักนี้ของเจ้าไว้ข้าตรวจสอบดีแล้วค่อยกลับมา”
เสิ่นกุยเยี่ยนเอาแต่อาเจียนปานโลกจะดับ ไม่มีจังหวะให้ขอบคุณเขาด้วยซ้ำ นางยังอาเจียนไม่ทันเสร็จ กู้เจาเป่ยก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าของตนเองออกมาเช็ดปากให้อย่างไม่รังเกียจ จากนั้นก็จูงมือนางออกจากตำหนักหย่งเหอ