เส้นสายอำนาจสำคัญของสกุลเหวินในราชสำนักถูกฮ่องเต้กำจัดทิ้งแล้ว ราชบัณฑิตฟู่คือหัวหอกคนสุดท้าย ดังนั้นเมื่อประกาศพระราชโองการจึงมีคนออกมาช่วยพูดไม่มากนัก สกุลฟู่ถูกค้นจวนยึดทรัพย์สิน ฟู่กุ้ยผินตายด้วยแพรขาวในตำหนักเย็น
แต่ไป่เหอมิได้ตายตามในทันที นางนั่งนิ่งอยู่ในตำหนักเย็น กู้เจาเป่ยมาหานางเป็นครั้งสุดท้าย
ฮ่องเต้กล่าว “เรามาส่งเจ้า”
ร่างของไป่เหอสะท้านน้อยๆ รอยยิ้มขมขื่นผุดขึ้นบนเรียวปาก “ขอบพระทัยฝ่าบาท”
กู้เจาเป่ยนั่งลงข้างนางแล้วบอกผ่านรอยยิ้มเสเพลไม่ต่างจากตอนเจอนางเวลาไปเยือนหอเงาบุปผาเมามัวเมื่อหลายปีก่อน “ดีดพิณให้ข้าฟังสักหน่อยสิ”
ไป่เหอเชี่ยวชาญเครื่องสายมากกว่าเครื่องดนตรีชนิดอื่น เทียบกับกู่เจิงแล้วนางชอบพิณผีผา* มากกว่า
เขาถือพิณผีผามาด้วย นางรับมาปรับสายอย่างยินดีแล้วบรรเลงเพลง ‘ลาส่ง’ ให้เขาฟัง
ฮ่องเต้เอามือเท้าคางนั่งฟังเพลงพิณผีผาอย่างดื่มด่ำ แววตาคู่นั้นอ่อนโยนเสียจนแทบทำให้ไป่เหอคิดไปว่าเขาให้อภัยตนแล้ว
แต่เมื่อบทเพลงสิ้นสุดลงเขากลับเอ่ยขึ้น “ไม่ได้ฟังเจ้าเล่นดนตรีมานานจนเกือบลืมไปแล้วว่าแต่ก่อนเจ้าเป็นอย่างไร”
นางมองเขาอย่างฉงนแล้วถามเบาๆ “แต่ก่อนหม่อมฉันก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือเพคะ”
กระดาษแผ่นหนึ่งถูกล้วงออกจากแขนเสื้อ กู้เจาเป่ยวางลงตรงหน้านางยิ้มๆ “เจ้าคนเก่าทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้หรอก”
ข้อความบนกระดาษเขียนไว้แน่นขนัด ไป่เหอก้มลงอ่าน พลันสีหน้าแข็งค้างไปทันที
“สิ่งที่เขียนไว้ในนี้ไม่ใช่ความเท็จกระมัง” ฮ่องเต้ยิ้ม
ช่วงที่เข้าวังหลวงใหม่ๆ ฟู่โหย่วอี๋แตกคอกับเหอหรง ไป่เหอได้เข้าหาเหอหรง แล้วสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะมอบอนาคตอันสุขสบายให้ จากนั้นก็ให้เหอหรงเสี้ยมสอนชิงจู๋ให้นำงูหงอนระกาไปปล่อยในตำหนักเสิ่นกุยเยี่ยน ภายหลังไป่เหอให้คนไปฆ่าปิดปากชิงจู๋เพื่อปกป้องเหอหรง
ต่อมาเมื่อหมางใจกับสีเฟย ไป่เหออยากกำจัดหลักฐานความผิดตนในมืออีกฝ่าย จึงให้คนลอบยิงเข็มพิษใส่สีเฟย แล้วติดสินบนหมอหลวงที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง สร้างเรื่องว่าสีเฟยตายตกเพราะอาคมมืด
พร้อมกันนั้นนางทำตุ๊กตาสาปแช่งขึ้นมามากมาย แล้วให้คนลอบเอาไปไว้ในตำหนักหย่งเหอกลางดึก แม้ใส่ไคล้เสิ่นกุยเยี่ยนไม่สำเร็จ แต่ทำให้เสิ่นหานลู่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้
เจียงปี้เยวี่ยล่วงรู้ความลับนี้เข้าโดยบังเอิญ จึงถูกไป่เหอสั่งให้คนฆ่าปิดปาก เคราะห์ดีที่ฮ่องเต้มาช่วยไว้ทัน
เพื่อยั่วยุให้ฟู่กุ้ยผินกับเยี่ยนกุ้ยเฟยเป็นอริกัน นางสั่งให้เหอหรงไปผลักเสิ่นหานลู่ตกทะเลสาบ หลังจากกำจัดเสิ่นหานลู่ทิ้งได้แล้วก็จะโยนความผิดให้ฟู่กุ้ยผิน ให้เสิ่นกุยเยี่ยนกับฟู่โหย่วอี๋ปะทะกัน
ปรากฏว่าแผนการนี้ถูกเสิ่นกุยเยี่ยนทำลายลงเสียก่อน
บาปกรรมที่ก่อไว้ถูกตีแผ่อยู่เบื้องหน้า หากฮ่องเต้ไม่บอกให้นางหยุด ไป่เหอก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะก้าวเดินบนเส้นทางชุ่มเลือดสายนี้ไปอีกนานเพียงใด
กระดาษแผ่นนั้นเขียนไว้อย่างละเอียด ระหว่างอยู่ในตำหนักในนางเคยก่อบาปกรรมใดไว้ล้วนถูกบันทึกอยู่ในนี้จนหมดสิ้น ไป่เหอขยับปาก อยากถามเหลือเกินว่าฮ่องเต้รู้ได้อย่างไร ทว่าเมื่อเปล่งเสียงออกมาประโยคนั้นกลับกลายเป็น
“หม่อมฉันน่ากลัวถึงเพียงนี้ เหตุใดฝ่าบาทถึงยังทอดพระเนตรหม่อมฉันด้วยสายพระเนตรสงสารอีกเล่าเพคะ”
ควรจะชิงชังและรังเกียจข้ามากกว่าไม่ใช่หรือ
กู้เจาเป่ยตอบ “เจ้าควรไปจากที่นี่เสียแต่แรกแล้ว เราไม่ดีเองที่ไม่ได้ทำให้เจ้าตัดใจ ส่วนความสงสารในแววตาเราเจ้าไม่ต้องสนใจ เราไม่ได้มองเจ้า แต่มองดวงวิญญาณของผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ข้างหลังเจ้าต่างหาก”
ประโยคนั้นทำให้ไป่เหอสะท้านวาบด้วยความตกใจ
คนผู้นี้…เหตุใดถึงได้ใจร้ายนัก นางอุตส่าห์คิดจะจากไปด้วยดีอยู่แล้ว ให้นางปิดบังความสกปรกโสมมไม่ให้เขารู้ เหลือไว้เพียงความทรงจำอันสวยงามไม่ดีกว่าหรือ เหตุใดเขาถึงต้องขุดคุ้ยเรื่องเหล่านี้ออกมาจนหมดด้วย