ไม่รู้เหตุใดเสิ่นกุยเยี่ยนถึงใจคอไม่สู้ดีอย่างไรชอบกล นางลุกขึ้นมานั่งปักชุดแต่งงานได้สักพักก็เดินออกไปดูดาวบนฟ้า
“คุณหนูเข้านอนแต่หัววันดีกว่าเจ้าค่ะ ทุกอย่างราบรื่นดี” สาวใช้ประจำตัวกระเซ้ายิ้มๆ “เหลือเวลาอีกเดือนกว่า อย่าใจร้อนสิเจ้าคะ”
เสิ่นกุยเยี่ยนพยักหน้าแล้วหมุนตัวเดินกลับไปนอน กระนั้นก็ยังฝันสะเปะสะปะไปหมด เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นใต้ตาก็เขียวคล้ำเป็นปื้น ต้องส่องคันฉ่องนวดคลึงอยู่พักใหญ่รอยคล้ำถึงค่อยพอทุเลา
“วันนี้ข้าอยากเอาเวลาตกฟากของตนเองไปดูที่สกุลกู้” นางกล่าว “เวลาตกฟากที่แม่สื่อเอาไปคราวก่อนอาจมีปัญหาอะไรก็ได้”
“เจ้าค่ะ” เป่าซั่นเลือกกระโปรงยาวสีเหลืองขนห่านกับเสื้อกั๊กสีรากบัวมาใส่ให้ ดูสดใสแต่สง่างาม
ทว่าเพิ่งจะเดินออกจากห้องก็ถูกเสิ่นฮูหยินขวางไว้
“อีกประเดี๋ยวคนสกุลกู้จะมาที่นี่” หญิงสูงวัยพูดหน้าตึง “เจ้าไปรอในห้องโถงใหญ่ก็ได้ ไม่ต้องไปเองหรอก”
เสิ่นกุยเยี่ยนมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่ง ได้แต่ค้อมศีรษะรับคำ แล้วเดินไปนั่งในห้องโถงใหญ่
ปรากฏว่ากู้เจาตงมาเยือนด้วยใบหน้าซีดเผือด บุคลิกสุขุมมั่นใจที่เคยมีหายไปหมดสิ้น เสิ่นกุยเยี่ยนอยากถามเหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าป้าซิ่วหรงขวางเอาไว้ ไม่เปิดโอกาสให้นางพูดอะไรทั้งนั้น
กู้เจาตงยืนอยู่ในห้องโถงพักใหญ่ หลังมองนางด้วยสายตาซับซ้อนฉายแววละอายแก่ใจ สุดท้ายก็กัดฟันเอ่ยขึ้น “เวลาตกฟากของคุณหนูสามไม่มีปัญหาอะไร งานแต่งงานจะจัดขึ้นตามที่ตกลงกันไว้”
“ว่าอย่างไรนะ!” เสิ่นฮูหยินถามอย่างมีโทสะ “ครั้งที่สองจับได้คาหนังคาเขา คุณชายยังจะบอกว่าถูกหย่าเอ๋อร์บีบบังคับ? มาถึงขั้นนี้ยังไม่ยอมรับผิดชอบหย่าเอ๋อร์อีกหรือ”
เสิ่นกุยเยี่ยนฟังแล้วงุนงง “อะไร…ครั้งที่สองนะเจ้าคะ”
เสิ่นกุยหย่าที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆ ยิ้มอย่างฝืดฝืน “ท่านแม่อย่าได้โมโห…กับคุณชายกู้ในห้องเก็บฟืนก็เป็นเพราะลูกทำตัวไร้ค่าเอง ถึงได้ยอมมอบกายให้คุณชายกู้อีกครั้ง หากคุณชายกู้ไม่เต็มใจรับผิดชอบ ลูกก็ขออวยพรให้คุณชายกู้กับพี่สาว…ครองรักกันจนแก่เฒ่า”
“หย่าเอ๋อร์!” ฮูหยินเอ็ดเสียงดัง “เขาทำลายความบริสุทธิ์ของเจ้า ซ้ำยังทำให้เจ้ามีมลทินมัวหมอง แล้วเจ้ายังจะปกป้องบุรุษพรรค์นี้อีกหรือ!”
เสิ่นกุยเยี่ยนรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ถ้อยคำเหล่านี้ทำให้เนื้อตัวนางชาดิกจนไม่อาจขยับเขยื้อน ทำได้เพียงฟังและมองอย่างตะลึงงัน
สตรีโง่ๆ สมัยโบราณไม่เคยอ่านกระทู้บอร์ดเทียนหยา* ไม่เคยดูละครน้ำเน่าท็อปฮิตติดชาร์ตในโต้วปั้น** ไหนเลยจะรู้ว่าสตรียุคปัจจุบันแย่งบุรุษเก่งฉกาจเพียงใด เจอเรื่องเช่นนี้เข้าสมองก็ว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง
เสิ่นกุยหย่าร่ำไห้อย่างรันทด กู้เจาตงถลกชายเสื้อคลุมทิ้งตัวลงคุกเข่า แววตาเต็มไปด้วยความสับสน “เรื่องนี้ผู้น้อยทำผิดต่อคุณหนูห้า ขอคุณหนูห้าโปรดอย่าได้ด้อยค่าตนเองเลย”
เสิ่นกุยเยี่ยนยังคงทำได้แค่มอง
“จะเอาอย่างไรเล่าเรื่องนี้” เสิ่นฮูหยินหันมามองเสิ่นกุยเยี่ยน “หรือว่าเจ้ายังจะแต่งงานกับคนที่สร้างราคีให้น้องสาวตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
กู้เจาตงรีบเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างคาดหวัง เสิ่นกุยหย่าก็ปรายตามองมาแวบหนึ่งเช่นกัน
คำถามเช่นนี้ไม่ว่าตอบอย่างไรก็ไม่ถูกต้องทั้งนั้น เสิ่นกุยเยี่ยนจึงกัดฟันบอกไป “ให้ท่านพ่อตัดสินใจเถิดเจ้าค่ะ”
* ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก มาจากสำนวนเต็มว่า ‘ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก ท่อนไม้กลายเป็นเรือ’ หมายถึงเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีก
* เทียนหยา คือเว็บไซต์รวบรวมกระทู้และนิยาย
** โต้วปั้น คือเว็บไซต์ที่มีพื้นที่ให้ผู้ใช้งานเข้าไปให้คะแนน รวมถึงวิจารณ์หนังสือ ภาพยนตร์ ซีรี่ส์ และสื่อบันเทิงต่างๆ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 11 มิ.ย. 66 เวลา 12.00 น.