ฤกษ์แต่งงานใกล้เข้ามาทุกที แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเสิ่นกุยเยี่ยนจึงไม่ใคร่เบิกบานนัก ก่อนหน้านี้นางเฝ้ารอที่จะได้ออกเรือนมาโดยตลอด ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างกู้เจาตงกับเสิ่นกุยหย่าทำให้นางไม่ใคร่ตั้งตารออย่างเดิม แม้ชายหนุ่มมาแก้ตัวกับนาง นางก็ไม่รู้สึกว่ามีความหมายอันใด จากที่เคยชื่นชมในความรู้อันแตกฉานและบุคลิกนุ่มนวลสง่างามของเขา เวลานี้ความชอบก็ลดน้อยลงเช่นกัน
แต่ถึงอย่างไรนางก็ยังจะออกเรือนไปกับเขาอยู่ดี
ชุดเจ้าสาวเย็บเสร็จแล้ว ตอนเอาไปให้เสิ่นฮูหยินดู ฝ่ายนั้นยังหน้าตึงๆ อยู่บ้าง แต่ก็ผงกศีรษะชื่นชม “ไม่เลวนี่”
“หายากนะเนี่ย งานปักมือล้วนๆ” เสิ่นกุยหย่าหยิบเสื้อท่อนบนของชุดกระโปรงหรูฉวิน* ไปดู ก่อนจะทาบเข้ากับร่างพลางหัวเราะเบาๆ แล้วถามอวี้ซู “งามหรือไม่”
สาวใช้พยักหน้า “คุณหนูของบ่าวใส่อะไรก็งามอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
เสิ่นกุยหย่าหัวเราะหึๆ แล้วหยิบกระโปรงกับแถบคลุมไหล่มาด้วยเสียเลย “แหม ในเมื่องามถึงเพียงนี้ ข้าก็ขอลองสักหน่อยก็แล้วกัน”
เสิ่นกุยเยี่ยนขมวดคิ้ว “นี่เป็นชุดเจ้าสาว น้องห้ายังไม่มีคู่หมั้นคู่หมาย เกรงว่าเอาไปลองใส่จะไม่เหมาะสมกระมัง”
“ไม่เหมาะตรงที่ใดกัน” น้องสาวต่างมารดาหัวเราะ “เมื่อวานเจาตงยังมาบอกข้าอยู่เลยว่ารอให้พี่สาวแต่งเข้าจวนเมื่อไร จะทำหนังสือสัญญากับจวนของเรา ช้าเร็วอย่างไรพวกเราก็ต้องเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่ดี”
เมื่อวาน? เสิ่นกุยเยี่ยนหน้าเผือดสีเล็กน้อย เมื่อวานกู้เจาตงมาหาเสิ่นกุยหย่าอีกแล้วหรือ
ข้าไม่รู้เรื่องเลยสักนิด
เสิ่นฮูหยินนั่งดื่มชาอย่างผ่อนคลายอารมณ์อยู่อีกทาง มิได้ติเตียนพฤติกรรมเสียมารยาทของบุตรสาวแต่อย่างใด เสิ่นกุยหย่าเอาชุดเจ้าสาวไปลองสวมใส่ ทั้งยังยิ้มร่าพลางเอ่ย “สวยดีนี่ ถ้าอย่างนั้นชุดแต่งงานในอนาคตของน้องต้องยกให้เป็นธุระพี่สาวแล้วนะเจ้าคะ”
“ได้สิ” เสิ่นกุยเยี่ยนหลุบตาลง
นางยังคงต้องข่มใจทน ไม่รู้ตั้งกี่ปียังทนมาได้ เวลานี้ก็แค่ทนต่อไปอีกสองวันเท่านั้น
วันแต่งงานตรงกับวันเกิดอายุครบสิบห้าปีของนางพอดี ภายในจวนคึกคักวุ่นวายอย่างยิ่ง ฉินอี๋เหนียงสีหน้าย่ำแย่มาตั้งแต่เช้าตรู่ เสิ่นกุยเยี่ยนมองอีกฝ่ายผ่านคันฉ่องพลางถามด้วยความเป็นห่วง “ฉินอี๋เหนียงไม่สบายตรงที่ใดหรือไม่เจ้าคะ”
อีกฝ่ายหวีผมให้นางทั้งที่ริมฝีปากซีดขาว “ข้าไม่เป็นไร ส่งคุณหนูสามออกเรือนได้ ต่อให้ป่วยหนักกว่านี้ก็ไม่เป็นไรหรอก”
“หวีแรกหวีสุดปลาย หวีสองครองคู่ผมขาวโพลน…”
เสิ่นกุยเยี่ยนจ้องมองฉินอี๋เหนียงในคันฉ่องนิ่งๆ ฝ่ายนั้นกำลังมีความสุข แม้จะหน้าซีดลงทุกทีก็ยิ้มแย้มตลอดเวลา หยดเหงื่อผุดซึมออกมาบนหน้าผากมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวก็คู้งอลงทุกขณะ แต่กลับไม่ปริปากร้องสักคำ
“หวีสาม…ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง…”
“ฉินอี๋เหนียง?” เสิ่นกุยเยี่ยนเบิกตากว้าง คนในคันฉ่องรูดตัวผ่านแผ่นหลังของนางล้มลงไปกองกับพื้น เอามือกุมท้องงอตัวคุดคู้ เหงื่อเต็มหน้า “สระหวีเสร็จแล้ว…เกล้าผม…”
ยังจะเกล้าผมอะไรอีกเล่า! เสิ่นกุยเยี่ยนตาแดงก่ำ รีบตะโกนลั่นอย่างร้อนใจ “ไปตามหมอมา!”
“ตามหมอในวันแต่งงานไม่เป็นมงคล…” ฉินอี๋เหนียงฝืนยิ้มพลางยื้อแขนเสื้อนางไว้ “ข้าแค่ปวดท้อง…แค่ปวดท้องเท่านั้น…”
“แค่ปวดท้องมีหรือจะเป็นเช่นนี้!” เสิ่นกุยเยี่ยนเอ็ดเบาๆ แล้วดึงแขนเสื้อกลับ ทำท่าจะออกไปด้วยตนเอง
มือที่ยื้อแขนเสื้อพลอยถูกสลัดออก เสิ่นกุยเยี่ยนใจหายวาบ นางรีบเอื้อมมือไปจับ แต่ก็คว้าได้เพียงอากาศ ฉินอี๋เหนียงหลับตาลง มือวางนิ่งอยู่บนพื้น ไร้ซึ่งอาการตอบสนอง
สรรพเสียงรอบตัวเหมือนสงัดหายไปโดยสิ้นเชิง แม่นมมงคล* สาวใช้ และแขกเหรื่อด้านนอกพากันแห่เข้ามา แล้วแบกร่างฉินอี๋เหนียงออกไปลวกๆ โดยไม่สนใจว่าเจ้าตัวเป็นอะไรกันแน่
“มหามงคล มั่งคั่งร่ำรวย…มหามงคล มั่งคั่งร่ำรวย” แม่นมมงคลที่อยู่อีกด้านส่งเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุด เสิ่นกุยเยี่ยนถูกจับกดให้นั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งอีกครั้ง นางเย็นเฉียบไปทั้งร่าง
เคราะห์หนักเมื่อสิบห้า…
เสิ่นกุยเยี่ยนมองเงาสะท้อนของตนเองในคันฉ่องอยู่นาน เพียงแค่คิดถึงสภาพเมื่อครู่ของฉินอี๋เหนียง เครื่องประทินโฉมที่เพิ่งแต่งเสร็จหมาดๆ ก็ละลายเปรอะหน้าไปจนหมด
“คุณหนู แข็งใจไว้หน่อยนะเจ้าคะ เกี้ยวเจ้าสาวของจวนอัครเสนาบดีมาถึงแล้ว” เป่าซั่นร้องไห้หนักกว่านางด้วยซ้ำ แต่มาบอกให้นางแข็งใจ
เสิ่นกุยเยี่ยนไม่ตอบ แม่นมมงคลที่อยู่ข้างๆ หยิบผ้าคลุมศีรษะเจ้าสาวจะคลุมให้ แต่จู่ๆ ป้าซิ่วหรงก็ร้องบอกว่า “เร็ว รีบสลับชุดของคุณหนูสามกับคุณหนูห้าเดี๋ยวนี้เลย!”