บทที่ 9 บุกรุกกลางดึกหากไม่ใช่โจรก็ต้องเป็นโจรเด็ดบุปผา
ไม่นึกเลยว่าคนสุภาพสง่างามเช่นกู้เจาตงจะมีน้องชายไร้มารยาทได้ถึงเพียงนี้ อ้าปากเอ่ยวาจาแต่ละคำทำเอาผู้อื่นพูดต่อไม่ออก เสิ่นกุยเยี่ยนโมโหจนหน้าแดงแล้ว หากแต่อีกฝ่ายยังคงทำตัวยียวนไม่สำรวมเหมือนเดิม
นายผู้เฒ่าเสิ่นอ่อนใจเหลือเกิน ถ้าเป็นผู้อื่นเขาไล่ตะเพิดไปนานแล้ว แต่นี่เป็นคุณชายสี่แห่งจวนอัครเสนาบดี
“เหตุใดคุณชายสี่สกุลกู้ถึงยืนกรานจะแต่งงานกับคุณหนูสามให้ได้เล่าเจ้าคะ” ติงอี๋เหนียงที่ยืนอยู่อีกทางถามขึ้นเบาๆ “ไม่เคยเจอกันมาก่อนมิใช่หรือ”
กู้เจาเป่ยเลิกคิ้ว “ข้าชอบนางตั้งแต่แรกเห็นไม่ได้หรือไร”
เสิ่นกุยเยี่ยนผินหน้ามองคนพูดแล้วอดไม่ได้ที่จะแค่นยิ้ม นางไม่เชื่อหรอกว่าเห็นกันเพียงแวบเดียวแล้วจะผูกใจหมายเป็นคู่ครองได้ คุณชายสี่สกุลกู้ผู้นี้จะต้องวางแผนอะไรในใจสักอย่าง แต่แสร้งทำหน้าหนายืนกรานจะแต่งนางให้ได้
หากแต่งด้วยก็เท่ากับว่านางกลายเป็นน้องสะใภ้กู้เจาตงน่ะสิ อย่ามาล้อกันเล่นนะ!
“เรื่องนี้ไว้รอให้คุณชายกู้สร่างเมาก่อนค่อยหารือกันพร้อมท่านอัครเสนาบดีอีกทีดีกว่า” เสิ่นฮูหยินแย้มยิ้ม “คุณชายพูดเองคนเดียวย่อมไม่มีผลอยู่แล้ว”
กู้เจาเป่ยเลิกคิ้วพลางชำเลืองมองเสิ่นกุยเยี่ยนแวบหนึ่ง ก่อนจะปล่อยมือนางโดยไม่เซ้าซี้ต่อ แล้วตอบยิ้มๆ “ก็ได้ วันพรุ่งนี้ข้าจะให้ท่านพ่อมาเจรจาสู่ขอ”
หากอัครเสนาบดีกู้ออกโรง ต่อให้สกุลเสิ่นไม่เต็มใจสักเพียงใดก็ต้องยอมยกคนให้แต่งด้วย
เฟิ่งเซี่ยวที่ยืนฟังอยู่ด้านนอกหน้าถอดสี เขารีบดึงชายแขนเสื้อเป่าซั่นพลางเอ่ย “พี่เป่าซั่นคนดี เจ้าต้องทัดทานคุณหนูสามให้ได้นะ ข้าจะรีบกลับไปรายงานคุณชายใหญ่เดี๋ยวนี้ จะให้การแต่งงานนี้ลุล่วงไม่ได้เด็ดขาด!”
เป่าซั่นค้อนควัก “คุณชายใหญ่แต่งงานกับคุณหนูห้าแล้วไม่ใช่หรือ ยังจะถวิลหาคุณหนูของข้าไปเพื่ออันใด”
“พี่สาวคนดี ถือว่าข้าขอร้องล่ะ!” เฟิ่งเซี่ยวปาดเหงื่อ กู้เจาเป่ยที่อยู่ด้านในกำลังจะออกมาแล้ว เขาต้องรีบชิงกลับไปให้ถึงก่อน “พี่สาวต้องช่วยห้ามคุณหนูสามให้ได้นะ รับรองว่าคราวหน้าข้าจะตอบแทนให้อย่างงาม!”
พูดจบเขาก็รีบวิ่งออกไป ขึ้นขี่ม้าควบกลับจวนอัครเสนาบดีเร็วรี่เหมือนติดปีกบิน
พอกู้เจาเป่ยหมุนตัวจะเดินออกมา ร่างก็โงนเงน บ่งบอกว่าเมามายเป็นอย่างมาก สุดท้ายเดินได้ไม่ถึงสองก้าวก็ทำท่าจะล้มลงกับพื้น นายผู้เฒ่าเสิ่นเห็นดังนั้นจึงสั่งบ่าวไพร่อย่างอ่อนใจ “พวกเจ้าประคองคุณชายกู้ไปพักที่เรือนรับรองก่อน ไว้พรุ่งนี้ค่อยพาไปส่งที่จวน”
“ขอรับ” บ่าวรับคำก่อนจะหิ้วปีกพากู้เจาเป่ยออกไป เสิ่นกุยเยี่ยนหลบออกมายืนข้างๆ หัวคิ้วยังไม่ทันได้คลายออกจากกันก็ได้ยินติงอี๋เหนียงพูดขึ้นยิ้มๆ “คุณหนูสามวาสนาดีจริงๆ แต่งกับพี่ชายไม่ได้ก็ไปเข้าตาน้องชายแทน ถึงอย่างไรก็ได้แต่งเข้าจวนอัครเสนาบดีเหมือนกัน ลาภยศสรรเสริญไม่หนีไปที่ใดหรอก”
เสิ่นกุยเยี่ยนหลุบตาลง “ติงอี๋เหนียงคิดมากไปแล้วเจ้าค่ะ”
“ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร” เสิ่นฮูหยินหัวเราะเบาๆ “หากแต่งออกไปจริงก็เท่ากับเป็นคู่สะใภ้กับหย่าเอ๋อร์ จะได้คอยช่วยค้ำจุนกัน”
คอยช่วยค้ำจุนกัน? เสิ่นกุยเยี่ยนยิ้มบาง คนที่แย่งคู่แต่งงานของนางไปยังหวังจะให้นางไปช่วยค้ำจุนอีกหรือ ตอนนี้นางเพียงแค่ทุกข์โศกเพราะเพิ่งสูญเสียมารดา ยังไม่มีสติไตร่ตรองอะไรให้ถี่ถ้วนเท่านั้น เมื่อใดพายุฝนในคืนนี้ผ่านพ้นไปแล้ว พวกนางคิดว่ายังสามารถจับนางทำอะไรต่อมิอะไรตามใจชอบได้อยู่หรือ
แต่ก่อนนางยอมข่มอกข่มใจอดทนเพื่อฉินอี๋เหนียง ตอนนี้เมื่อมารดาลาลับไปแล้ว นางยังจะทนต่อไปด้วยเหตุใดเล่า
กระนั้นเสิ่นกุยเยี่ยนยังคงเอาแต่ปิดปากนิ่ง เพราะถึงนางพูดไป ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา
พอเห็นนางเงียบ นายผู้เฒ่าเสิ่นก็ถอนหายใจเฮือก “เอาเถิด ทุกคนกลับไปนอนให้หมด ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที”
“เจ้าค่ะ” ภรรยาเอกอนุภรรยาต่างแยกย้ายกันกลับเรือน เสิ่นกุยเยี่ยนก็เดินออกจากห้องโถงใหญ่เช่นกัน เป่าซั่นกางร่มเข้ามาช่วยพยุงนางกลับหอนางแอ่น
“คุณหนู ทางคุณชายกู้นั่น…” เป่าซั่นโกรธแค้นเสิ่นกุยหย่าไม่ต่างกัน ทว่าคุณชายกู้ก็ถูกสับเปลี่ยนเจ้าสาว นับเป็นผู้บริสุทธิ์ ซ้ำยังผูกสมัครรักใคร่กับคุณหนูของนางมานานปี จะให้จบกันไปเช่นนี้หรือ
เสิ่นกุยเยี่ยนหลุบตาลง “เจ้าให้ข้าพักผ่อนสักหน่อยเถิด อย่าเพิ่งถามอันใดเลย”
ต่อให้เจอเรื่องคอขาดบาดตายเพียงใด คนเราก็ต้องพักบ้าง คุณหนูของนางถูกแย่งชุดเจ้าสาว จากนั้นก็สูญเสียมารดา ซ้ำยังจะถูกชายเสเพลบังคับแต่งงานอีก เป็นใครก็รับไม่ไหวทั้งนั้น
เป่าซั่นสงบปากสงบคำ พยุงเจ้านายกลับเรือนไปอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า กระนั้นคุณหนูก็ยังหน้านิ่วคิ้วขมวด ดังนั้นนางจึงเดินออกไปแล้วปิดประตูให้ ไม่กล้าอยู่รบกวน