บทที่สิบ
หลังวันเสี่ยวเหนียนผ่านไป วันส่งท้ายปีเก่าก็มาถึง
ไม่ว่าอย่างไรสกุลหลี่ก็เคยเป็นสกุลที่มีชื่อเสียง ภายในจวนก็มีศาลบรรพชนเป็นของตนเอง
ตั้งแต่เข้าเดือนสิบสองมาฮูหยินผู้เฒ่าก็สั่งให้คนเข้าไปทำความสะอาดศาลบรรพชนแล้ว ดูว่ามีของอะไรที่ต้องซื้อเพิ่มเติมบ้าง วันนี้เป็นวันพิธีการ หลังกินอาหารเช้าเสร็จฮูหยินผู้เฒ่าก็พาคนในครอบครัวไปกราบไหว้บรรพบุรุษที่ศาลบรรพชน
ช่วงเวลานี้จะไม่มีการแบ่งแยกลูกภรรยาเอกหรือลูกอนุอะไรทั้งนั้น ล้วนเป็นลูกหลานของสกุลหลี่เหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าหลี่หลิงหว่านหรือหลี่เหวยหยวนก็ต้องไปด้วยเช่นกัน มิหนำซ้ำในบรรดาลูกหลาน หลี่เหวยหยวนยังถือเป็นหลานชายคนโต ตำแหน่งที่ยืนก็จะอยู่ด้านหน้าสุดด้วย
อย่างไรก็เป็นวันปีใหม่ ต่อให้พ่อบ้านจวนสกุลหลี่มีขวัญกล้าเทียมฟ้าเพียงใดก็ไม่กล้าพอจะให้หลี่เหวยหยวนสวมอาภรณ์เก่าขาดไปร่วมไหว้บรรพบุรุษเป็นแน่ เมื่อสองวันก่อนจึงมีคนส่งชุดคลุมยาวผ้าฝ้ายชุดใหม่ไปให้เขาแล้ว
แม้ภายนอกชุดคลุมยาวผ้าฝ้ายสีน้ำเงินสว่างจะดูใหม่เอี่ยมก็จริง ทว่าปุยฝ้ายที่บุอยู่ข้างในกลับไม่ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นแต่อย่างใด กระนั้นหลี่เหวยหยวนก็ไม่ได้เอ่ยอะไร สุดท้ายเขาก็ยังคงสวมชุดคลุมยาวผ้าฝ้ายชุดนี้มาในวันนี้อยู่ดี
ในใจเขากระจ่างแจ้งดี แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะอายุมากแล้ว และได้มอบเรื่องราวทุกอย่างภายในจวนให้สะใภ้ใหญ่เป็นผู้ดูแลก็จริง แต่นางจะไม่รู้เรื่องภายในจวนสักนิดเลยหรือ คิดดูแล้วเรื่องที่พวกพ่อบ้านกับบ่าวรับใช้ของจวนลิดรอนของกินของใช้เขามาเป็นเวลาหลายปีนี้ ในใจฮูหยินผู้เฒ่าเองก็น่าจะกระจ่างดี ทว่านางไม่เคยสนใจที่จะจัดการมาก่อน
คิดดูแล้วบางทีฮูหยินผู้เฒ่าเองก็คงไม่คิดจะสน ในใจนางเกลียดเขายิ่งนัก นางเชื่อมั่นในคำพูดที่ท่านเจ้าอาวาสเอ่ยในปีนั้นว่าเขามีดวงชะตาพิฆาต ซึ่งจะคอยพิฆาตคนใกล้ชิดทุกคน กระทั่งยามที่เขาเพิ่งเกิดมานายท่านผู้เฒ่าก็เกิดเรื่องร้ายจนจากไป
ในใจฮูหยินผู้เฒ่าคงอยากจะให้เขารีบตายๆ ไปเสียที นางจึงไม่เคยสนใจว่าคนรอบข้างทำร้ายเขาอย่างไรบ้าง ที่ผ่านมาคงทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าผิดหวังไม่น้อย เพราะท้ายที่สุดเขาก็ยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ และเขาก็จะยังมีชีวิตอยู่ต่อไป ให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้เห็นเองกับตาว่าที่สุดแล้วเขา ‘พิฆาต’ ทุกคนในจวนสกุลหลี่อย่างไรบ้างกันแน่
มุมปากหลี่เหวยหยวนปรากฏรอยยิ้มเย็นชา ทว่าเขาเอาแต่ก้มหน้ามาโดยตลอดจึงไม่มีใครสังเกตเห็น
หลังลุกขึ้นยืนสลับกับคุกเข่าเพื่อคารวะอยู่หลายครั้ง พิธีการก็เป็นอันเสร็จสิ้น ทุกคนในจวนสกุลหลี่จึงทยอยกันเดินออกมาจากศาลบรรพชน
ยามที่มาถึงเรือนซื่ออันก็ถึงเวลาที่ทุกคนจะคารวะฮูหยินผู้เฒ่า
วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าสวมเสื้อคลุมผ่าหน้าแขนยาวสีม่วงปักลายอู่ฝูเผิ่งโซ่ว ขอบปกเสื้อเป็นแถบดำลายสายน้ำสีทอง บนศีรษะปักปิ่นหยกเนื้องามยิ่ง บริเวณมวยผมประดับดอกไม้ผ้าไหมสีแดงสดดอกใหญ่ นั่งยิ้มแย้มอยู่บนเตียงหลัวฮั่นที่ปูรองด้วยเบาะขนจิ้งจอกขาว รับการคารวะจากคนรุ่นหลัง
รอจนทุกคนคารวะเสร็จเรียบร้อยแล้วนางจึงเอ่ยคำชมออกมาคำหนึ่ง ก่อนที่ด้านข้างจะมีสาวใช้ประคองถาดกลมลายทองออกมา บนถาดนั้นมีถุงเงินเล็กๆ ซึ่งถูกจัดเตรียมไว้นานแล้วกองหนึ่ง ภายในถุงเงินจะบรรจุแท่งทองคำอยู่หลากหลายแบบ ให้ลูกหลานเอาไว้ปัดเป่าเคราะห์ภัยและเพื่อความเป็นสิริมงคล
ซวงหงและซวงหรงยุ่งอยู่กับการแจกจ่ายถุงเงินให้กับบรรดาเจ้านายแต่ละคนที่อยู่ภายในห้อง
เฉียนซื่อเป็นคนปากหวานคนหนึ่ง นางยื่นมือออกไปรับถุงเงินแล้วยิ้มเอ่ย “จะว่าไปข้าเองก็โตขนาดนี้แล้ว ทั้งยังเป็นมารดาของบุตร แต่ทุกปีก็ยังได้รับเงินยาซุ่ย* ที่ท่านแม่มอบให้ ในใจข้ารู้สึกเกรงใจไม่น้อยเลยจริงๆ”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินแล้วก็ยิ้ม วันนี้เห็นภาพลูกหลานอยู่เต็มห้องโถง บรรยากาศครึกครื้นเช่นนี้นางเองก็มีความสุขยิ่งนัก “ไม่ว่าพวกเจ้าจะโตมากแค่ไหน หรือกลายเป็นบิดามารดาไปแล้ว ทว่าในใจข้าพวกเจ้าล้วนเป็นลูกของข้าเสมอ คนเป็นแม่มอบเงินยาซุ่ยให้ลูก พวกเจ้าจะต้องมาเกรงใจอะไรกัน”