ท่านเจ้าอาวาสจะต้องรู้ถึงความเป็นมาของนางเป็นแน่ เขาคงไม่เอ่ยเปิดโปงเรื่องนี้ขึ้นมาจนทำให้ฮูหยินผู้เฒ่า หลี่ซิวป๋อ และคนอื่นๆ ต่างมองนางเป็นปีศาจร้ายกันไปหมดใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ แล้ว
เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านเจ้าอาวาสเอ่ยคำพูดที่ชวนให้ผู้คนสงสัยออกมา หลี่หลิงหว่านจึงเปิดปากเอ่ยขึ้นก่อน “ต้าซือ ผู้น้อยมีเรื่องหนึ่งอยากขอคำชี้แนะเจ้าค่ะ”
แต่นางเพิ่งเอ่ยประโยคนี้ออกมาก็ถูกหลี่ซิวป๋อต่อว่าทันที “โอหัง! ต่อหน้าต้าซือ ไฉนเลยจะมีที่ให้เด็กสาวเช่นเจ้าเอ่ยวาจา ยังไม่รีบถอยไปอีก!”
โจวซื่อได้ยินแล้วก็รู้สึกโกรธจนสองมือสั่นสะท้านน้อยๆ หลี่เหวยหยวนมีใบหน้าเคร่งขรึมลง กระทั่งคิ้วเรียวของฉุนอวี๋ฉียังเลิกขึ้นมาน้อยๆ
เขารู้ว่าหลี่ซิวป๋อเป็นบิดาแท้ๆ ของหลี่หลิงหว่าน แต่ในฐานะบิดาคนหนึ่งกลับเอ่ยตำหนิบุตรสาวแท้ๆ ต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ ไฉนเลยจะเห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างบิดากับบุตรสาวได้อีก
หลี่หลิงหว่านเองก็เม้มปากไม่เอ่ยวาจา
ปกติแล้วเจ้าไม่ได้ละเลยข้าอยู่บ่อยๆ หรอกหรือ นับตั้งแต่กลับมาเมื่อปลายปีก่อนก็ไม่เคยมาพบข้าก่อนเลย เอาแต่ทำราวกับว่าไม่มีบุตรสาวเช่นข้าคนนี้ เหตุใดยามนี้กลับออกมาแสดงอำนาจของบิดากันเล่า
แต่ไม่ว่าอย่างไรหลี่ซิวป๋อก็เป็นบิดา ต่อให้ในใจหลี่หลิงหว่านจะไม่สบอารมณ์เพียงใด ทว่าก็ไม่มีเหตุผลให้บุตรสาวออกมาล่วงเกินบิดา ในเมื่อพูดอะไรไม่ได้นางก็ทำได้เพียงยอมรับอย่างเงียบๆ เท่านั้น
ขณะนั้นก็ได้เห็นท่านเจ้าอาวาสลุกขึ้นยืนจากเบาะรอง
เดิมทีตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่ากับคนอื่นๆ เดินเข้าไปคารวะเขาอย่างนอบน้อมและอยากเชิญเขามาทำนายชะตาชีวิตให้ทุกคนในจวนสกุลหลี่ ท่านเจ้าอาวาสเองก็เอาแต่นั่งอยู่บนเบาะรอง ไม่ได้มีความคิดจะลุกขึ้นยืนแต่อย่างใด
เนื่องจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันพระราชทานแต่งตั้งสมณศักดิ์ท่านเจ้าอาวาสด้วยพระองค์เอง ต่อให้พบกับเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำความเคารพ ทว่ายามนี้หลังเขาได้ยินประโยคนั้นของหลี่หลิงหว่านแล้วกลับลุกขึ้นยืนจากเบาะรองในทันที เดินเข้าใกล้มาสองก้าว หยุดยืนอยู่ตรงหน้าหลี่หลิงหว่าน จากนั้นยกสองมือพนมค้อมกายลงคารวะให้นางอย่างใหญ่โต ทั้งยังเอ่ยอย่างเคารพนอบน้อมว่า “เชิญท่านว่ามา”
ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง
ทั่วทุกหนแห่งต่างเล่าลือว่าแม้แต่ยามที่ท่านเจ้าอาวาสเข้าเฝ้าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันยังทำแค่คารวะอย่างเรียบง่ายเท่านั้น เหตุใดตอนนี้เมื่อเขาเผชิญหน้ากับหลี่หลิงหว่านจึงต้องแสดงความเคารพอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทั้งในน้ำเสียงยังแฝงไปด้วยความนอบน้อมขนาดนี้ หรือว่าตำแหน่งของหลี่หลิงหว่านในใจท่านเจ้าอาวาสจะสูงส่งกว่าฮ่องเต้อีกอย่างนั้นหรือ
ชั่วขณะนั้นสายตาที่ทุกคนมองหลี่หลิงหว่านล้วนแปลกประหลาด มีทั้งตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อ ถึงขั้นคาดเดาไปต่างๆ นานาก็มี
เมื่อตอนกลางวันฉุนอวี๋ฉีได้เห็นท่าทางเคารพนอบน้อมของท่านเจ้าอาวาสต่อหลี่หลิงหว่านมาก่อนแล้ว ดังนั้นเหตุการณ์ในตอนนี้จึงไม่ทำให้เขาแสดงท่าทีผิดปกติใดออกมา ทั้งในใจเขายังยิ่งเชื่อมั่นมากขึ้นกว่าเดิมอีกเล็กน้อย
นั่นก็คือ…คำพูดที่หลี่หลิงหว่านเอ่ยบอกกับเขาเกี่ยวกับท่านเจ้าอาวาสก่อนหน้านี้จะต้องโป้ปดอย่างแน่นอน
หากยามกลางวันท่านเจ้าอาวาสจำคนผิดจริง เหตุใดตอนนี้เขาถึงยังคงจดจำคนผิดต่อไปเล่า ท่านเจ้าอาวาสจะต้องรู้จักหลี่หลิงหว่านแน่นอน แต่เมื่อคิดถึงประโยคที่หลี่หลิงหว่านเอ่ยเมื่อยามกลางวันแล้ว เหมือนว่านางไม่รู้จักท่านเจ้าอาวาสมาก่อนเลย ที่สุดแล้วเรื่องนี้เป็นมาอย่างไรกันแน่
ฉุนอวี๋ฉีขมวดคิ้ว
หลี่เหวยหยวนเองก็ขมวดคิ้ว
หลี่หลิงหว่านมีความเป็นมาอย่างไร เหตุใดท่าทีที่ท่านเจ้าอาวาสปฏิบัติต่อนางจึงได้เคารพนอบน้อมขนาดนี้ ราวกับเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่หลิงหว่าน ท่านเจ้าอาวาสเองก็เป็นเพียงผู้น้อยที่มีท่าทีอ่อนน้อมเท่านั้น