ทว่าต่อจากนั้นหลี่หลิงหว่านก็ได้เห็นคนเดินข้ามธรณีประตูมาอย่างช้าๆ เดินออกมานอกประตูอย่างไม่เร่งร้อน เขาสวมอาภรณ์หลันซัน สีฟ้านวล มีบุคลิกงามสง่า นั่นก็คือฉุนอวี๋ฉี
เป็นยอดคนผู้หนึ่งอีกแล้ว!
หลี่หลิงหว่านรู้สึกว่ายามนี้ตนเองไร้หนทางรับมือโดยแท้
มารดาเถอะ ทั้งสองคนนี้ล้วนเป็นผู้มีสติปัญญาสูงส่งทั้งสิ้น สนทนากับพวกเขาทีข้าล้วนต้องครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวัน หวาดกลัวอย่างลึกซึ้งว่าหากพูดอะไรผิดขึ้นมาจะถูกพวกเขาจับสังเกตอะไรได้
ทว่าสำหรับประโยคสนทนาระหว่างนางกับท่านเจ้าอาวาสเมื่อครู่นี้ หลี่หลิงหว่านคิดดูแล้ว ต่อให้ฉุนอวี๋ฉีได้ยินทั้งหมด นางก็ไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด
ประโยคปริศนาธรรมนั้น ก็ต้องดูว่าแต่ละคนจะตีความออกมาอย่างไร อีกทั้งนางรู้สึกว่าต่อให้ฉุนอวี๋ฉีฉลาดเฉลียวกว่านี้ เขาก็ไม่มีทางจะนึกไปได้ว่าโลกใบนี้เป็นแค่เพียงโลกมายาที่เกิดมาจากนิยายเรื่องหนึ่ง ส่วนนางก็คือผู้เขียนนิยายเรื่องนี้
นางย่อกายลงคารวะฉุนอวี๋ฉีอย่างใจเย็น “คุณชายฉุนอวี๋”
ฉุนอวี๋ฉีเองก็ประสานมือคารวะนางกลับ เผยรอยยิ้มมุมปากสง่างาม “คุณหนูหลี่ พวกเราได้พบกันอีกแล้ว”
มุมปากหลี่หลิงหว่านกระตุก
เหตุใดทุกครั้งที่ได้พบกับเจ้า เจ้าต้องพูดคำว่า ‘อีกแล้ว’ ขึ้นมาด้วย เจ้าทำเช่นนี้ช่างชวนให้ข้านึกสงสัยจริงๆ ว่าพวกเราใช่บังเอิญพบกันจริงๆ หรือไม่
ฉุนอวี๋ฉีคารวะท่านเจ้าอาวาสด้วยเช่นกัน แล้วเอ่ยอย่างนอบน้อม “ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของท่านเจ้าอาวาสมานานแล้ว วันนี้ได้พบพานนับเป็นวาสนาจริงๆ ขอรับ”
หลี่หลิงหว่านมองฟ้าอย่างไร้วาจา
เกรงว่าประโยคสนทนาระหว่างนางกับท่านเจ้าอาวาสเมื่อครู่นี้จะถูกฉุนอวี๋ฉีได้ยินเข้าแล้วจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะฉลาดถึงขั้นไหน จะสามารถคาดเดาจากประโยคสนทนาระหว่างนางกับท่านเจ้าอาวาสได้มากน้อยเพียงใด
แต่นางก็ยังรู้สึกว่าฉุนอวี๋ฉีนั้นคาดเดาอะไรไม่ได้แน่
แม้แต่นางยังรู้สึกว่าเรื่องที่นางมาจากอีกโลกนั้นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเลย สำหรับคนอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้ว
เหมือนว่าคนผู้หนึ่งอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ดีๆ แต่วันหนึ่งก็มีคนมาบอกเขาว่าความจริงแล้วทุกสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้านั้นเป็นเพียงของปลอม ความจริงเขาไม่ใช่มนุษย์ เป็นแค่หูหลัวปอหัวหนึ่ง โลกที่เขาอาศัยอยู่ใบนี้ หรือแม้แต่อารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีล้วนเป็นสิ่งที่เขาจินตนาการออกมาเองทั้งนั้น เช่นนั้นเขาจะต้องรู้สึกว่าอีกฝ่ายป่วย ทั้งไม่ใช่แค่ป่วยธรรมดา แต่ควรถูกส่งตัวไปรักษาเสีย
นอกจากนี้ระหว่างอัจฉริยะกับคนบ้ายังอยู่ห่างกันด้วยระยะห่างเพียงก้าวเดียวเสมอ
ยามนี้หลี่หลิงหว่านกำลังคิดอย่างเบื่อหน่ายว่าบางทีตอนนี้นางอาจกำลังฝันอยู่ ฝันว่าตนเองข้ามมิติมาอยู่ในนิยายที่ยังเขียนไม่จบเรื่องนี้ จากนั้นรอจนนางสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน นางก็จะเห็นว่าที่ใต้นิยายมีความเห็นเร่งให้ลงตอนใหม่จากนักอ่านจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่
นางจะต้องจมจ่อมอยู่กับนิยายที่ตนเองเขียนเรื่องนี้มากเกินไปแล้วแน่ๆ
ปลายหางตาพลันเห็นหลี่เหวยหยวนเดินออกมาจากอุโบสถเล็กที่อยู่ไกลออกไปแห่งนั้น หลี่หลิงหว่านมองฉุนอวี๋ฉีคราหนึ่ง จากนั้นก็เลือกจะไปต้อนรับหลี่เหวยหยวน