แต่ในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่ง ต่อให้ฝ่ามือนี้พลาดตบหลี่เหวยหยวนไป ทว่าก็ไม่มากพอจะทำให้หลี่ซิวป๋อลดทิฐิลงมาขอโทษได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงสะบัดชายเสื้ออย่างรุนแรง และถลึงตามองหลี่หลิงหว่านด้วยความโกรธ “ทุกเรื่องล้วนต้องอาศัยพี่ใหญ่ของเจ้าคอยออกหน้าแทนเจ้าอย่างนั้นหรือ เจ้าช่างมีความสามารถเสียจริง เจ้ายัง…”
ประโยคที่เหลือไม่ทันได้เอ่ยออกมาก็ถูกฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยตัดบทก่อนแล้ว
เห็นได้ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่าเองก็โกรธแล้ว ไม้เท้าหัวมังกรที่ถืออยู่ในมือกระทุ้งพื้นดังตึงๆ “หว่านเจี่ยเอ๋อร์ทำผิดอะไร เจ้าเป็นบิดา ดุด่านางต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ ทั้งยังจะตบตีนาง เจ้ามีความสามารถมากนักหรือ!”
หลี่ซิวป๋อไม่พอใจกับประโยคนี้ของฮูหยินผู้เฒ่าอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเขาจึงพ่นลมออกจากจมูกก่อนเอ่ยว่า “นางเป็นบุตรสาวข้า ข้าในฐานะบิดาต้องการดุด่าตบตีนาง ยังจะต้องเลือกวันเวลาอะไรอีก นางล้วนต้องยอมรับทั้งสิ้น!”
ฮูหยินผู้เฒ่าโมโห มือที่ถือไม้เท้าสั่นระริกขึ้นมา ทว่าที่สุดแล้วนางก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
ตอนนี้หลี่ซิวป๋อเป็นรองเสนาบดีฝ่ายขวากรมอากร นางยังต้องไว้หน้าเขาอยู่สองสามส่วน นางจึงโบกมืออย่างเหนื่อยล้าอยู่บ้างแล้วเอ่ยกับทุกคน “แยกย้ายกันไปเถอะ รีบกลับไปพักผ่อน รอพรุ่งนี้เช้า อาศัยตอนที่อากาศยังเย็นสบายอยู่พวกเราก็รีบกลับจวนกัน”
ทุกคนขานรับก่อนพากันแยกย้ายไป
โจวซื่อกลับไม่ได้จากไป นางกำลังจับมือหลี่หลิงหว่าน ทางหนึ่งยื่นมือออกไปลูบหลังมือของบุตรสาวแผ่วเบา อีกทางก็หลั่งน้ำตาโดยไร้สุ้มเสียง
ฮูหยินผู้เฒ่าหันกลับมาเห็นจึงถลึงตามองโจวซื่อคราหนึ่งแล้วเอ่ยปากตำหนิ “อยู่ดีๆ จะร้องไห้ทำไมกัน อัปมงคล! ยังไม่รีบกลับไปอีก”
ระยะนี้ฮูหยินผู้เฒ่ามีแต่จะรู้สึกไม่ชอบใจโจวซื่อมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังได้ยินว่ารองข้าหลวงซุนกำลังเดินทางกลับมาเมืองหลวงแล้ว อีกไม่นานก็จะมาถึง มิหนำซ้ำฮ่องเต้ยังมีพระราชดำริเลื่อนขั้นให้เขา ดังนั้นหลายวันมานี้นางจึงเอาแต่ครุ่นคิดว่าควรจะจัดการเรื่องของซุนหลันอีอย่างไรกันแน่
ให้ซุนหลันอีเป็นอนุต่อไปอย่างนั้นหรือ บุตรสาวภรรยาเอกของรองข้าหลวงมาเป็นอนุให้สกุลของพวกนาง ในใจรองข้าหลวงซุนจะไม่คิดตำหนิได้อย่างไร แต่หากยกซุนหลันอีเป็นภรรยาเอก โจวซื่อก็ไม่ได้กระทำความผิดร้ายแรงอะไร จะหาเหตุผลอะไรมาหย่าโจวซื่อเล่า หากจัดการเรื่องราวได้ไม่ดี ทำให้กลุ่มคนในสำนักตรวจการนครหลวงเหล่านั้นรับรู้ เพียงถวายฎีกาเรื่องหลี่ซิวป๋อสักฉบับหนึ่ง เช่นนั้นหลี่ซิวป๋อย่อมลำบากแน่แล้ว
ด้วยความคิดที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้นี้ ระยะนี้ฮูหยินผู้เฒ่าจึงปฏิบัติต่อโจวซื่ออย่างไม่สบอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ กระนั้นช่วงนี้โจวซื่อเองก็ยิ่งทำตัวยอมทนมากขึ้นเช่นกัน ไม่ว่านางจะพูดอะไร โจวซื่อก็เอาแต่ก้มหน้าหลุบตายอมรับ ไม่เคยเอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว
เดิมทีโจวซื่ออยากจูงมือหลี่หลิงหว่านพากลับไปด้วยกัน แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับรั้งนางไว้ “หว่านเจี่ยเอ๋อร์อยู่ก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า” ก่อนจะหันไปเอ่ยกับหลี่เหวยหยวน “หยวนเกอเอ๋อร์เองก็กลับไปก่อน ให้คนนำน้ำแข็งก้อนมาให้ ใช้ผ้าขนหนูห่อเอาไว้แล้วประคบแก้มเสีย”
โจวซื่อกับหลี่เหวยหยวนทำได้เพียงขานรับ ทว่าที่สุดแล้วหลี่เหวยหยวนกับโจวซื่อก็ยังคงเป็นห่วงหลี่หลิงหว่าน ก่อนจากไปทั้งสองคนยังมองนางกันคนละครั้ง
แต่ไม่รู้ว่าหลี่หลิงหว่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่ นางยังคงเอาแต่ก้มหน้า ไม่ได้มองมาที่พวกเขา