ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน! เล่ม 3 บทที่ 11-12
หลังโจวซื่อกลับมาแล้วก็เอาแต่ร้องไห้ ไฉ่เวยกับไฉ่เยวี่ยอยู่ด้านข้างคอยปลอบโยนนางอยู่นานก็ไร้ประโยชน์
สุดท้ายไฉ่เยวี่ยทนไม่ไหวจึงเอ่ยว่า “วันนี้นายท่านสามช่างทำเกินไปแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นบุตรสาวของเขาเหมือนกัน พูดไปแล้วคุณหนูของพวกเรายังเกิดจากภรรยาเอก แต่นายท่านสามกลับอุ้มชูบุตรสาวที่เกิดจากอนุอย่างซุนอี๋เหนียง เหยียบย่ำคุณหนูของพวกเรา วันนี้ต่อหน้าทุกคนในครอบครัวยังหักหน้าคุณหนูของพวกเราเช่นนี้อีก ช่าง…”
ยังกล่าวไม่ทันจบก็ถูกไฉ่เวยตำหนิเสียงต่ำเข้าให้ก่อน “ไฉ่เยวี่ย!”
ไฉ่เยวี่ยหุบปากไม่กล้าพูดอะไรอีก
ชั่วขณะนั้นโจวซื่อกลับเงยหน้าขึ้นเอ่ย “ไฉ่เยวี่ยล้วนพูดความจริง เหตุใดจึงไม่ให้นางพูดเล่า ท่านพี่เคยมองหว่านวานเป็นบุตรสาวของเขามาก่อนเสียที่ใด ล้วนเป็นความผิดของมารดาเช่นข้า ท่านพี่ไม่ชอบข้า ดังนั้นจึงลำบากไปถึงหว่านวานของข้าที่ต้องมาถูกท่านพี่หมางเมินเช่นนี้ด้วย”
ไฉ่เวยได้ยินแล้วจึงรีบเอ่ยเกลี้ยกล่อม “นายหญิงอย่าเอ่ยเช่นนี้เลย ไม่ว่าจะพูดอย่างไรท่านก็เป็นนายหญิง คุณหนูของพวกเราเป็นบุตรสาวภรรยาเอก ไม่ว่าซุนอี๋เหนียงกับบุตรสองคนของนางจะเป็นเช่นไรก็ไม่อาจสูงส่งไปกว่าท่านได้ ท่านแค่ทำใจให้กว้างไว้ก็พอเจ้าค่ะ”
โจวซื่อเอาแต่ร้องไห้โดยไม่เอ่ยอะไร
ยามนั้นก็ได้ยินสาวใช้ที่อยู่ด้านนอกส่งเสียงเรียกคุณหนู โจวซื่อรู้ว่าหลี่หลิงหว่านมาแล้วจึงรีบร้อนผุดลุกขึ้นยืนทันควัน
ตอนที่หลี่หลิงหว่านเดินเข้ามาในห้องก็เห็นโจวซื่อมีน้ำตานองหน้า จึงรีบเดินขึ้นหน้ามาประคองแขนนางพลางเอ่ย “ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงร้องไห้อีกแล้วเล่า” พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาช่วยเช็ดน้ำตาบนใบหน้าโจวซื่อ ทั้งยังให้ไฉ่เวยไปยกน้ำมาอ่างหนึ่ง บิดผ้าหมาดๆ มาช่วยเช็ดหน้าให้นายหญิง
ไฉ่เวยขานรับแล้วออกไป โจวซื่อรีบดึงหลี่หลิงหว่านมาสอบถามเรื่องราวอย่างเป็นห่วง “ท่านย่าเรียกลูกไว้ทำไม สร้างความลำบากอะไรให้กับลูกหรือไม่”
หลี่หลิงหว่านแสร้งนั่งลงด้วยท่าทีผ่อนคลายพลางยิ้มเอ่ย “ท่านย่าไม่ได้สร้างความลำบากให้ข้าเลย เพียงเห็นว่าเมื่อครู่ท่านเจ้าอาวาสมีท่าทีนอบน้อมต่อข้าจึงเรียกไปไถ่ถาม ข้าบอกท่านย่าไปว่าวันนี้ข้าก็เพิ่งได้พบท่านเจ้าอาวาสเป็นครั้งแรกเช่นกัน ไฉนเลยจะรู้ว่าเหตุใดเขาถึงเคารพข้าเช่นนั้น จากนั้นท่านย่าก็เอ่ยว่าข้าสามารถไปพูดกับท่านเจ้าอาวาสได้หรือไม่ ให้เขาช่วยทำนายชะตาชีวิตให้กับทุกคนในครอบครัว ข้าตอบตกลง อีกประเดี๋ยวข้าจะไปถามท่านเจ้าอาวาสดูเจ้าค่ะ”
ทว่าความจริงฮูหยินผู้เฒ่ายังตักเตือนนางอีกหลายประโยค ความหมายคือบุตรสาวควรมีหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรม เมื่ออยู่บ้านก็ต้องเชื่อฟังบิดา ดังนั้นภายภาคหน้าให้นางอย่าได้โต้เถียงกับหลี่ซิวป๋อเช่นวันนี้อีก ไม่ว่าหลี่ซิวป๋อจะเอ่ยอะไร นางในฐานะบุตรสาวล้วนแต่ต้องเชื่อฟัง มิฉะนั้นหากวันหน้าเกิดเรื่องโต้เถียงกับหลี่ซิวป๋อเหมือนในวันนี้ขึ้นอีก ฮูหยินผู้เฒ่าก็จะไม่ช่วยนางแล้ว
ตอนนั้นหลี่หลิงหว่านก็คิดในใจอย่างไม่สบอารมณ์ พูดเหมือนกับเจ้าได้ช่วยข้าไว้เสียอย่างนั้น ทว่าฉากหน้านางยังคงตอบรับอย่างนอบน้อม
เพียงแต่คำพูดเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเอ่ยกับโจวซื่อ หากบอกโจวซื่อแล้ว เกรงว่าจะทำให้นางเสียใจอีกครั้ง
ขนาดฮูหยินผู้เฒ่ายังเป็นเช่นนี้ ไม่คิดควบคุมหลี่ซิวป๋อเลยแม้แต่นิดเดียว นางยังจะหวังให้หลี่ซิวป๋อปฏิบัติต่อพวกนางสองแม่ลูกดีได้อย่างไรเล่า
โจวซื่อยังคงซักถามดังคาด “ท่านย่าไม่ได้พูดเรื่องอื่นอีกหรือ”
“ไม่นี่เจ้าคะ” หลี่หลิงหว่านส่ายศีรษะ ทั้งยังดึงมือโจวซื่อให้นั่งลงบนเก้าอี้อีกตัว ก่อนจะยิ้มเอ่ย “ไม่ว่าจะพูดอย่างไรข้าก็เป็นหลานสาวที่เกิดจากภรรยาเอก ในใจท่านย่ายังคงรู้สึกเอ็นดูข้าอยู่บ้างเจ้าค่ะ”
โจวซื่อไม่ได้เอ่ยอะไร แต่คนตาดีล้วนมองออก นับตั้งแต่หลี่หลิงเยี่ยนกลับมา ฮูหยินผู้เฒ่าก็รักเอ็นดูหลี่หลิงเยี่ยนมากกว่าใครอย่างเห็นได้ชัด ทว่าก็ไม่แปลก เด็กคนนั้นไม่ว่าจะกิริยาวาจาล้วนเพียบพร้อมจริงๆ ไม่แปลกเลยที่ฮูหยินผู้เฒ่าจะเอ็นดูนาง
โจวซื่อย่อมไม่รู้ว่าที่ฮูหยินผู้เฒ่ารักเอ็นดูหลี่หลิงเยี่ยนถึงเพียงนั้นเป็นเพราะมีสาเหตุมาจากสกุลเดิมของซุนหลันอี หากนางรับรู้แล้ว เกรงว่าจะยิ่งตำหนิว่าตนเองไร้ประโยชน์ ถึงกับไม่มีสกุลเดิมที่พึ่งพาได้มาคอยช่วยสนับสนุนหลี่หลิงหว่าน
“เมื่อครู่แม่กังวลมาโดยตลอดว่าท่านย่าจะดุด่าลูก” โจวซื่อดึงมือหลี่หลิงหว่านมาตบหลังมือเบาๆ นางรู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย “ท่านย่าไม่ได้ดุด่าลูกก็ดีแล้ว”
สุดท้ายนางยังคงหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มองหลี่หลิงหว่านด้วยน้ำตาคลอเบ้าพลางเอ่ย “ท่านพ่อของลูก…เขา… หว่านวาน ความจริงแล้วบางทีแม่ก็คิดว่าหากแม่ยังมีชีวิตเช่นนี้ต่อไปจะมีความหมายอะไร เกรงว่าในใจท่านพ่อกับท่านย่าของลูกคงอยากจะให้แม่รีบตายๆ ไปเสีย แต่แม่ยังอยากเห็นลูกได้หมั้นหมายและแต่งงานออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ได้เห็นลูกออกจากจวนสกุลหลี่แห่งนี้ไป แม่จึงจะวางใจได้ มิเช่นนั้นต่อให้แม่ตายไป แม่ก็คงปิดตาไม่ลง”
หลี่หลิงหว่านลอบถอนหายใจอยู่ในใจ
เหตุใดเจ้าถึงได้อ่อนแอเช่นนี้หนอ ทว่าข้าจะทำสิ่งใดได้อีกเล่า ยามนี้เจ้าไม่มีสกุลเดิมคอยสนับสนุน ฮูหยินผู้เฒ่ากับหลี่ซิวป๋อต่างไม่ชื่นชอบเจ้า ทั้งเจ้ายังไม่มีบุตรชายอยู่ข้างกาย…