หลี่เหวยหยวนเห็นหลี่หลิงหว่านจงใจสร้างเรื่องเหนือธรรมชาติเช่นนี้ขึ้นมา ในใจเขาก็ลอบขัน ทว่าฉากหน้ายังคงแสร้งแสดงท่าทีตกตะลึงออกมา “มีเรื่องอัศจรรย์เช่นนี้อยู่จริงๆ หรือ”
หลี่หลิงหว่านผงกศีรษะอย่างจริงจัง “เจ้าค่ะ ตอนแรกข้าเองก็ไม่เชื่อเขา แต่ต่อมาข้าเห็นว่าเรื่องที่เขาบอกกับข้าล้วนเกิดขึ้นจริง ข้าจึงไม่อาจไม่เชื่อได้”
“ดังนั้น…” หลี่เหวยหยวนเดาได้ว่านางจะต้องมีเรื่องบางเรื่องที่อยากบอกเขา เกรงว่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งอีกด้วย เขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาก่อนอย่างช่างสังเกตยิ่ง “ระยะนี้ท่านปู่ผู้นั้นพูดเรื่องราวบางอย่างกับเจ้า แต่ในใจเจ้ารู้สึกตัดสินใจไม่ได้ จึงต้องการถามข้าใช่หรือไม่”
“พี่ชายร้ายกาจยิ่งนัก แม้แต่เรื่องนี้พี่ก็ยังเดาออก” ในน้ำเสียงหลี่หลิงหว่านเต็มไปด้วยความชื่นชม
มุมปากหลี่เหวยหยวนหยักยกขึ้น ในแววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ไม่ว่าจะจากใจจริงหรือเสแสร้ง แต่ได้ยินนางกล่าวชมเช่นนี้ ในใจเขาย่อมรู้สึกยินดีเสมอ
เมื่อเห็นว่าปูเรื่องมาไม่น้อยแล้ว หลี่หลิงหว่านจึงเอ่ยคำพูดที่อยากจะพูดในวันนี้ออกมาอย่างหมดเปลือก “เมื่อไม่กี่วันก่อนท่านปู่ผู้นั้นบอกข้าว่าในราชวงศ์ต้าหนิงมีสำนักแห่งหนึ่งชื่อว่าสำนักหวงจี๋ สำนักนี้ร้ายกาจยิ่งนัก มีสมาชิกครอบคลุมทั่วใต้หล้า กระทั่งขุนนางบางส่วนในราชสำนักและในกองทหารยังล้วนเป็นสมาชิกของสำนักหวงจี๋นี้ มิหนำซ้ำสำนักหวงจี๋นี้ยังทำการค้าขาย คหบดีร่ำรวยในหมู่ราษฎรหลายคนต่างก็เป็นสมาชิกของสำนักนี้ สามารถพูดได้ว่าทำการค้าขายทั่วใต้หล้า ทั้งยังมีหูตาอยู่ในสถานที่ต่างๆ มากมาย หากมีเรื่องที่พี่อยากรู้ ย่อมสามารถสืบออกมาได้อย่างแน่นอน”
ในใจหลี่เหวยหยวนพลันกระตุก
หากใต้หล้ามีสำนักเช่นนี้อยู่จริงๆ มิหนำซ้ำหากสามารถควบคุมทั้งสำนักนี้ได้ นั่นมิใช่ว่า…
ทว่าแม้ในใจเขาจะตกตะลึงมากเพียงใด ฉากหน้าก็ยังไม่แสดงออกชัดเจน กลับกันยังเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ใต้หล้าถึงกับมีสำนักเช่นนี้อยู่ สำนักนี้ผู้ใดเป็นผู้ก่อตั้ง แล้วมีเป้าหมายเพื่ออะไร อีกทั้งอำนาจของสำนักนี้ย่อมจะคุกคามไปถึงอำนาจของฝ่าบาท แต่ฝ่าบาทไม่ทรงทราบเชียวหรือ”
หลี่หลิงหว่านรู้สึกอยากข่วนกำแพงอยู่บ้าง
เจ้าอย่าได้ชี้ถึงแก่นแท้ของปัญหาที่มีอยู่เหล่านี้ออกมาทีละประเด็นในทันทีได้หรือไม่ เจ้าเลอะเลือนหน่อยไม่ได้หรือ ข้าแค่อยากมอบของดีให้เจ้า เจ้าจะต้องเอ่ยถามมากมายขนาดนี้ทำไมกัน
แต่เรื่องพวกนี้ยังไม่อาจบอกเจ้าได้ชั่วคราว เพราะอย่างไรนิ้วทองคำอ้วนๆ นี้แต่เดิมก็มีไว้สำหรับพระเอก หาใช่เรื่องของตัวประกอบชายอันดับสองเช่นเจ้า แต่ตอนนี้…ข้าอยากจะโกงผู้อื่นอย่างไรเล่า
หลี่หลิงหว่านส่ายศีรษะ “เรื่องพวกนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ท่านปู่คนนั้นไม่ได้บอกข้าไว้เจ้าค่ะ”
หลี่เหวยหยวนเหลือบมองนางคราหนึ่งโดยไม่เอ่ยอะไร
เจ้าเด็กคนนี้นี่ ทั้งที่อยากจะมอบสำนักหวงจี๋ให้แก่ข้า แต่เจ้ากลับปิดบังเรื่องราวภายในมากมาย เป็นเพราะเหตุใดกัน ที่สุดแล้วมีเรื่องใดที่เจ้าไม่อยากจะพูดกันแน่
ยามนั้นหลี่หลิงหว่านก็ลอบสังเกตสีหน้าของหลี่เหวยหยวน นางจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “พี่ชาย สำนักหวงจี๋นี้ พี่ต้องการมันหรือไม่เจ้าคะ”
สำนักเช่นนี้ใครบ้างจะไม่ต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นหลายปีมานี้หลี่เหวยหยวนก็เคียดแค้นที่ตนเองไม่แกร่งกล้ามากพอ เขาไม่อาจปกป้องหลี่หลิงหว่านได้ มักทำให้นางต้องคอยรองรับอารมณ์โกรธของผู้อื่นอยู่เสมอ หากในมือเขาสามารถครอบครองสำนักเช่นนี้ได้จริง ภายภาคหน้ายังจะต้องกลัวอะไรอีก
หลี่เหวยหยวนจึงผงกศีรษะแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ต้องการ”
หลี่หลิงหว่านได้ยินเขาตอบคำถามอย่างหนักแน่นเช่นนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ ในใจนางก็เกิดความลังเลขึ้นมา
ในนิยายนั้นภายหลังหลี่เหวยหยวนจะเป็นเหมือนกับที่ท่านเจ้าอาวาสพูดไว้จริงๆ เขาจะพิฆาตแผ่นดิน พิฆาตราษฎร สร้างความวุ่นวายให้ใต้หล้า ราษฎรอยู่อย่างทุกข์เข็ญ หากนางบอกความลับของสำนักหวงจี๋นี้กับเขาไปอีก เขาก็จะเป็นเช่นพยัคฆ์ติดปีกจริงๆ แล้ว ถึงยามนั้นมิใช่ว่านางเป็นผีชางรับใช้เสือ หรอกหรือ