ทว่าหลี่เหวยหยวนดีต่อนางถึงเพียงนี้ ล้วนใส่ใจนางและปกป้องนางทุกเรื่อง มิหนำซ้ำยามนี้แม้ฉากหน้าเขาจะดูเย็นชาอยู่ แต่นางก็รู้ว่านิสัยของเขาสงบนิ่งลงไปไม่น้อยแล้ว ไม่ได้อำมหิตโหดเหี้ยมเหมือนที่ออกแบบไว้ในนิยายเช่นนั้นอีก
ขณะที่ในใจหลี่หลิงหว่านกำลังสับสนวุ่นวายอยู่นั้น มือคู่หนึ่งก็เอื้อมมากุมสองมือของนาง
“หว่านวาน” น้ำเสียงของหลี่เหวยหยวนนุ่มนวล ทั้งยังมีความเอ็นดู “เจ้าไม่เชื่อใจพี่ชายหรือ”
หลี่หลิงหว่านเงยหน้ามองหลี่เหวยหยวน
นัยน์ตาของเขาดำขลับสว่างไสวราวกับหินเฮยเย่า สายตาที่กำลังมองนางอย่างตั้งใจก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนนุ่มนวลแบบที่นางคุ้นเคยยิ่งนัก
หัวใจที่เต้นอย่างสับสนวุ่นวายในอกของหลี่หลิงหว่านพลันสงบนิ่งลง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มสดใสยิ่งขณะที่มองหลี่เหวยหยวน “พี่เป็นพี่ชายของข้า ข้าจะไม่เชื่อใจพี่ได้อย่างไรเจ้าคะ”
จากนั้นนางก็ขยับนิ้วเพื่อนับวันก่อนบอกเขา “พี่ชาย พี่ยังจำร้านขายเครื่องประดับที่พวกเราบังเอิญเข้าไปหลังจากที่พี่สอบเตี้ยนซื่อเสร็จได้หรือไม่ บนผนังทางด้านขวาของร้านนั้นแขวนพิณเหยาฉินสิบสามสายอยู่คันหนึ่ง รอจนวันที่แปดเดือนห้า ให้พี่ไปยังร้านแห่งนี้แต่เช้า ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แค่ยื่นมือออกไปดีดสายเส้นที่หนึ่ง สาม เจ็ด และเก้าของพิณคันนั้นตามลำดับ ถึงตอนนั้นจะต้องมีคนเดินมาพูดคุยกับพี่อย่างแน่นอน หากพี่ได้ยินอีกฝ่ายถามว่าลูกค้ามาจากที่ใด พี่ก็ไม่ต้องตอบ เพียงแค่ท่องกวีบทหนึ่งออกไปก็พอแล้ว”
นางชอบบทกวีของหวังเหวย ดังนั้นตอนแรกที่ออกแบบรหัสลับนี้จึงได้ใช้บทกวี ‘ตอบจางเซ่าฝู่’ ของหวังเหวย กวีบทนั้นสัมพันธ์กับพิณ อีกทั้งสองวรรคสุดท้ายอย่าง ‘หากใคร่ถามหลักสำเร็จแลล้มเหลว เชิญฟังบทเพลงคนหาปลาในธารลึก’ ยังให้ความรู้สึกที่ตัดขาดจากทางโลกเป็นอย่างยิ่งด้วย
นางท่องกวีบทนั้นให้หลี่เหวยหยวนฟัง บอกว่าเขาจะต้องจดจำทุกถ้อยคำเหล่านี้โดยไม่ตกหล่น คาดไม่ถึงว่าความจำของหลี่เหวยหยวนจะดีจนน่าตกใจจริงๆ นางเพียงท่องไปรอบหนึ่ง เขาก็ท่องกลับให้นางฟังโดยไม่ตกหล่นแม้แต่อักษรเดียวได้แล้ว
…เหตุใดตอนแรกข้าถึงต้องออกแบบตัวละครที่เป็นยอดคนออกมามากมายขนาดนี้ด้วยเล่า ตอนนี้เป็นอย่างไร สะท้อนให้เห็นว่าตัวข้าก็คือคนที่ทึ่มทื่อที่สุดคนนั้นแล้ว
ในใจหลี่หลิงหว่านรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมากอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่นางจะค้นกระดาษหนึ่งแผ่นกับพู่กันหนึ่งด้ามออกมา วาดป้ายหยกชิ้นหนึ่ง ด้านข้างเขียนว่า ‘หวังเพียงคนไกลอายุยืนยาว ร่วมชมจันทร์สกาวแม้ห่างไกล’ สองประโยคนี้แล้ว นางก็วาดลายดอกไม้ประหลาดทรงกลมลงไปอีกรูป
นับว่าเป็นประโยชน์ที่หลี่หลิงหว่านเป็นคนค่อนข้างจริงจังคนหนึ่ง ตอนแรกที่ออกแบบลายดอกไม้กับป้ายหยกนี้นางยังจงใจไปหาข้อมูลและวาดเลียนแบบของที่มีอยู่จริง ยามนี้นางจึงยังสามารถวาดออกมาคร่าวๆ ได้ อีกอย่างวันนั้นนางก็เห็นว่าลายดอกไม้นี้ถูกซ่อนอยู่ตามปกคอและชายเสื้อของคนงานร้านขายเครื่องประดับร้านนั้น ซึ่งลายดอกไม้ที่นางวาดออกมาก็คล้ายกันกับลายดอกไม้บนชุดของเขา นี่จะต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน
หลี่หลิงหว่านยื่นกระดาษแผ่นนั้นส่งให้หลี่เหวยหยวนพร้อมเอ่ยกำชับเขา “พรุ่งนี้พี่ไปตามหาหยกขาวมันแพะไร้ตำหนิก้อนหนึ่ง หาคนทำป้ายหยกตามแบบนี้ออกมาหนึ่งชิ้น ด้านหน้าสลักว่า ‘หวังเพียงคนไกลอายุยืนยาว ร่วมชมจันทร์สกาวแม้ห่างไกล’ ประโยคนี้ อีกด้านให้แกะสลักเป็นลายดอกไม้ รอวันที่แปดเดือนห้าพี่เข้าไปในร้านนั้น หลังเอ่ยตอบรหัสลับของพวกเขาแล้วพี่ก็แสดงป้ายหยกนี้ให้พวกเขาดู หากพวกเขาถามถึงคนที่ชื่อซั่งกวนหงเซิ่ง พี่แค่พูดอย่างเศร้าโศกว่าเมื่อคืนเขาป่วยตายไปแล้วก็พอ ก่อนตายได้บอกเรื่องพวกนี้กับพี่ไว้ ทั้งยังมอบป้ายหยกชิ้นนี้ให้พี่ หากพวกเขาถามเกี่ยวกับเรื่องราวของพี่ พี่แค่บอกว่าซั่งกวนหงเซิ่งได้บอกทุกอย่างแก่พี่แล้วก็พอ”
พูดมาถึงตรงนี้หลี่หลิงหว่านก็รู้สึกปวดฟันอยู่บ้าง
เรื่องนี้พูดไปแล้วฟังดูเรียบง่ายยิ่ง แต่ลงมือกระทำจริงยังมีความเสี่ยงอยู่เล็กน้อย หากไม่ระวังจนเผยความลับให้คนพวกนั้นรู้ตัว เช่นนั้นก็เป็นการขโมยไก่ไม่สำเร็จยังต้องเสียข้าวสารล่อ ไปจริงๆ
ทั้งในใจนางก็ยังรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย เดิมทีสำนักหวงจี๋นี้ควรจะเป็นของเซี่ยอวิ้น ทว่ายามนี้ถูกนางโยกย้ายให้หลี่เหวยหยวนเช่นนี้ ไม่รู้ว่าหากเซี่ยอวิ้นไร้นิ้วทองคำอ้วนพีนี้แล้วภายหลังจะยังขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้อีกหรือไม่…