น่าเสียดายที่หลี่หลิงหว่านยังไม่ตาย
หลี่เหวยหยวนคิดในใจอย่างขยะแขยง เหตุใดหลี่หลิงหว่านถึงยังไม่ตายกัน นางนำเรื่องนี้ไปบอกฮูหยินผู้เฒ่าแล้วหรือ เหอะ ต่อให้นางนำเรื่องนี้ไปบอกกับฮูหยินผู้เฒ่าแล้วก็ไม่เป็นไร อย่างมากก็แค่ให้ฮูหยินผู้เฒ่าทุบตีข้าให้ตาย ถึงอย่างไรแม้แต่มารดาแท้ๆ ยังพูดว่าเหตุใดข้ายังไม่ตายไปเสียที หนนี้หากข้าถูกทุบตีจนตายแล้วจริงๆ เช่นนั้นก็เป็นการช่วยให้นางสมปรารถนาแล้วมิใช่หรือ
เกล็ดหิมะอันเย็นเยียบร่วงมาบนใบหน้าหลี่เหวยหยวน ก่อนจะกลายเป็นน้ำไหลลงมาจากบนใบหน้าเขาอย่างรวดเร็ว มองดูแล้วราวกับเขากำลังร่ำไห้อย่างไรอย่างนั้น
ต่อให้ข้าตายไป บนโลกใบนี้ก็คงไม่มีใครร้องไห้เพื่อข้ากระมัง
ทางหนึ่งหลี่เหวยหยวนคิดในใจอย่างไม่แยแสเช่นนี้ อีกทางฝีเท้าของเขาก็ย่ำไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หลี่หลิงหว่านยังคงเดินตามอยู่ข้างหลังอย่างทุลักทุเล
เดิมทีร่างกายนี้ก็เป็นร่างที่บอบบางอยู่แล้ว เกรงว่าจะไม่ค่อยได้ออกกำลังด้วย เพียงวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวนางก็แทบจะหายใจไม่ทันอยู่แล้ว ทว่าหลี่หลิงหว่านยังคงไม่หยุดฝีเท้า
หลี่เหวยหยวนอยู่ข้างหน้านางนี่เอง ไม่ว่าอย่างไรวันนี้นางจะต้องแสดงความเป็นมิตรต่อหน้าเขาให้ได้ สร้างความประทับใจดีๆ ให้กับเขาจึงจะถูก
เดิมทีหลี่เหวยหยวนก็เดินไวมากอยู่แล้ว หลี่หลิงหว่านที่ทั้งแขนและขาสั้นกว่าย่อมไม่มีทางไล่ตามเขาได้ทัน นางจึงต้องวิ่งไปพร้อมร้องเรียกเขาด้วยเสียงหอบแฮกๆ “พี่ชาย รอข้าด้วยสิ ข้ามีเรื่องจะพูดกับพี่!”
หลี่หลิงหว่านจะต้องบอกกับหลี่เหวยหยวนว่านางไม่มีทางบอกเรื่องที่เขาผลักนางจนเกือบตายให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ มิเช่นนั้นหากให้คนผู้นี้คิดว่านางจะนำเรื่องนี้ไปบอกฮูหยินผู้เฒ่าล่ะก็ ไม่แน่ภายในไม่กี่วันนี้เขาอาจจะเล่นงานนางก็เป็นได้
อาศัยสติปัญญาของหลี่เหวยหยวน หากเขาอยากเล่นงานตนจริงๆ หลี่หลิงหว่านรู้สึกว่าตนเองจะต้องป้องกันอีกฝ่ายไม่ได้แน่
แต่หลี่เหวยหยวนไม่ได้สนใจนางเลย เขาเอาแต่เดินมุ่งไปข้างหน้าจนถึงเรือนที่เขาพักอาศัยอยู่
หลี่เหวยหยวนผลักประตูเรือนเปิดออกก่อนก้าวเท้าเข้าไป จากนั้นก็หันตัวกลับมาปิดประตูไม้เก่าๆ พังๆ สองบานเข้าหากัน ทั้งยังลั่นดาลอีกด้วย
รอจนเขาทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผ่านไปอีกสักพักหนึ่งหลี่หลิงหว่านถึงไล่ตามมาทัน
นางหยุดยืนที่หน้าประตูทางเข้า อาการหอบยังไม่ทันหายก็ยกมือขึ้นเคาะประตูเรียกแล้ว “พี่ชาย เปิดประตูสิเจ้าคะ ข้ามีเรื่องจะพูดกับพี่ชาย”
แม้หลี่เหวยหยวนจะไม่ได้เปิดประตู แต่เขาก็ไม่ได้จากไปไหน เพียงยืนอยู่ด้านหลังประตูเงียบๆ อยากรู้ว่าหลี่หลิงหว่านตั้งใจจะทำสิ่งใดกันแน่
ตอนนั้นเองเสี่ยวซานก็หอบแฮกๆ ตามมาทัน นางเห็นหลี่หลิงหว่านยังคงเคาะประตูเรียกให้หลี่เหวยหยวนเปิดประตูไม่ยอมหยุด แต่เขาก็ไม่ยอมเปิด ดังนั้นนางจึงเปิดปากเกลี้ยกล่อม “คุณหนู วันนี้หิมะตก อยู่ข้างนอกเช่นนี้อากาศเย็นยิ่งนัก พวกเรารีบกลับกันเถอะเจ้าค่ะ”
หลี่หลิงหว่านไม่ขยับ นางกำลังคิดว่าหลี่เหวยหยวนเป็นคนขี้ระแวง ถึงจะปิดประตูเรือนเช่นนี้ แต่จริงๆ อาจจะยืนอยู่ด้านหลังประตูฟังที่นางกับเสี่ยวซานพูดคุยกันอยู่ก็ได้ เขาย่อมอยากรู้ว่านางตั้งใจจะทำสิ่งใดกันแน่ ในเวลานี้จึงนับเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสร้างความประทับใจดีๆ แล้ว
จะมีอะไรดีไปกว่าการเล่นไปตามบทบาทให้แนบเนียน ทำให้หลี่เหวยหยวนคิดว่าต่อให้ตัวเขาไม่อยู่ตรงหน้า นางก็ยังจริงใจที่จะทำดีและสำนึกผิดต่อเขาอยู่ดี
ดังนั้นหลี่หลิงหว่านจึงยกนิ้วขึ้นมาจิกลงไปบนแขนตนเองอย่างรุนแรงคราหนึ่ง
เจ็บจริงๆ นะเนี่ย เจ็บจนข้าแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว!
แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมีน้ำตาไหลออกมาจริงๆ เสียหน่อย ถึงอย่างไรก็มีประตูบานหนึ่งขวางไว้ หลี่เหวยหยวนมองออกมาไม่เห็นอยู่ดี ขอแค่ในน้ำเสียงแฝงอาการสะอื้นเอาไว้ก็เพียงพอแล้ว