วันนี้นับได้ว่าเป็นวันทางการวันหนึ่ง เนื่องจากลูกหลานและสะใภ้ทั้งสามล้วนต้องมาคารวะ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงต้องแต่งกายให้มากกว่ายามปกติบ้างเล็กน้อย
ฮูหยินผู้เฒ่าเปลี่ยนมาสวมเสื้อคลุมผ่าหน้าแขนยาวปักลายดอกเบญจมาศสีทอง คู่กับกระโปรงผ้าต่วนสีขมิ้นเหลืองสดใส บนหน้าผากรัดด้วยแถบคาดสีทองซึ่งตรงกลางฝังเม็ดทับทิมเอาไว้ ด้านข้างมวยผมยังประดับด้วยดอกไม้ผ้าไหมสีแดงสดดอกใหญ่
หลี่หลิงหว่านรู้สึกว่าฮูหยินผู้เฒ่าที่แต่งตัวแล้วช่างดูหรูหราจริงๆ นางราวกับเปล่งประกายไปทั้งร่าง ตัวคนราวกับดวงอาทิตย์เดินได้
ด้านข้างมีสาวใช้ใบหน้ารูปไข่ยกถาดเดินเข้ามา บนนั้นวางถ้วยมีฝาครอบสีขาวลายดอกบัวบานสีน้ำเงิน เมื่อเปิดฝาออกแล้ว ภายในถ้วยนั้นก็คือน้ำแกงรังนกใส่พุทราแดงที่กำลังร้อนๆ
หลี่หลิงหว่านทอดถอนใจอยู่ด้านข้าง ช่างฟุ่มเฟือยเสียจริง
ฮูหยินผู้เฒ่ายื่นมือออกไปหยิบน้ำแกงรังนกใส่พุทราแดงจากบนถาดขึ้นมาดื่มอึกหนึ่ง เห็นหลี่หลิงหว่านที่ยืนอยู่ข้างกายมองตรงมายังน้ำแกงในมือนางเช่นนี้จึงเอ่ยถาม “เจ้ากินอาหารเช้ามาหรือยัง”
หลี่หลิงหว่านดึงสติกลับมาแล้วรีบยิ้มเอ่ย “หลานตั้งใจจะมาขออาหารอร่อยๆ จากท่านย่ากินสักมื้อหนึ่งเจ้าค่ะ เลยจงใจไม่กินอาหารเช้ามา ท่านย่าเจ้าขา อีกประเดี๋ยวท่านย่าจะต้องเอาของว่างอร่อยๆ มาให้หลานเยอะๆ นะเจ้าคะ”
คำพูดประโยคนี้ไม่เพียงหยอกให้ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มได้เท่านั้น เพราะแม้แต่ซวงหงกับซวงหรงที่ยืนปรนนิบัติอยู่ด้านข้างก็ยังยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน เมื่อครู่นี้คนที่ยกถาดประคองน้ำแกงรังนกใส่พุทราแดงมาให้ฮูหยินผู้เฒ่าก็คือสาวใช้ซวงหรงนั่นเอง
“เห็นแก่กิน” ฮูหยินผู้เฒ่ามือหนึ่งถือถ้วย อีกมือที่ว่างอยู่ก็ยื่นมาเคาะหน้าผากหลี่หลิงหว่าน
นางไม่ได้หลบทั้งยังยิ้มรับอย่างสดใส
ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในจวนสกุลหลี่ เพื่อวันเวลาอันสุขสงบในภายภาคหน้าแล้ว นางจะต้องประจบเอาใจอีกฝ่ายให้ดี
“ยามนี้วาจาของคุณหนูสามช่างชวนให้ผู้คนเอ็นดูจริงๆ นะเจ้าคะ” ซวงหงเห็นฮูหยินผู้เฒ่าอารมณ์ดีก็รีบเอ่ยเอาใจ “ฮูหยินผู้เฒ่าอยากให้บ่าวไปบอกกับทางห้องครัวตอนนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ ให้พวกเขาทำของว่างที่คุณหนูสามชอบเป็นพิเศษมาด้วย”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินแล้วก็ยิ้ม เหลือบมองหลี่หลิงหว่านคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองซวงหงพร้อมเอ่ยยิ้มๆ “หากไม่ไปบอกทางห้องครัวให้พวกเขาเตรียมของว่างที่หว่านเจี่ยเอ๋อร์ชอบเอาไว้สักหน่อย เกรงว่าในใจคุณหนูสามของพวกเราจะต้องตัดพ้อใหญ่เป็นแน่ ทั้งๆ ที่ตั้งใจมาขอของอร่อยๆ จากท่านย่ากินแท้ๆ กลายเป็นว่าท่านย่ากลับใจแคบถึงเพียงนี้ ทำให้หลานไม่มีจะกิน”
คำพูดเอ่ยออกมาแล้วสาวใช้ทุกคนที่อยู่ในห้องก็พากันหัวเราะขึ้นมา ซวงหงกลั้นยิ้มแล้วเลิกม่านตรงประตูกั้นห้องขึ้น เดินออกไปกำชับกับทางห้องครัวด้วยตนเอง
หลังฮูหยินผู้เฒ่าดื่มน้ำแกงรังนกใส่พุทราแดงไปอีกสองอึกแล้วก็ลุกขึ้นยืน หลี่หลิงหว่านจึงรีบเดินขึ้นหน้ามาช่วยประคอง
คาดว่ายามนี้คนอื่นๆ ก็คงจะทยอยมากันแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าจึงให้หลี่หลิงหว่านประคองตนเองเดินออกไปยังห้องโถงหลักด้านนอก
ที่ด้านหน้ามีสาวใช้คอยเลิกม่านรอไว้อยู่ก่อนแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเดินไปพร้อมกับมองผ้าพันแผลสีขาวหนาๆ รอบศีรษะหลี่หลิงหว่านไปด้วย
ก่อนหน้านี้ความรู้สึกที่ฮูหยินผู้เฒ่ามีต่อหลี่หลิงหว่านค่อนข้างจะซับซ้อน
ทางหนึ่งเป็นเพราะนางเห็นบุรุษสำคัญกว่าสตรี ในใจย่อมชมชอบหลานชายมากกว่าหลานสาว แต่หลี่หลิงหว่านก็เป็นหลานสาวคนโตของนาง ในบรรดาหลานสาวทั้งหมด ความรู้สึกที่ฮูหยินผู้เฒ่ามีต่อหลี่หลิงหว่านย่อมใกล้ชิดมากกว่าหลานสาวคนอื่นๆ ไม่มากก็น้อย ทว่าอีกทางหนึ่งนางก็ไม่ชอบโจวซื่อเช่นกัน ทำให้นางรู้สึกขัดหูขัดตาหลี่หลิงหว่านอยู่บ้าง กระนั้นหลี่ซิวป๋อก็เป็นบุตรชายที่มีอนาคตที่สุดในบรรดาบุตรชายของนาง เพื่อเห็นแก่หน้าของหลี่ซิวป๋อแล้ว นางก็ไม่อาจทำตัวเย็นชากับบุตรสาวคนโตของเขาได้ หลังรวมเหตุผลหลายอย่างเข้าด้วยกัน ฮูหยินผู้เฒ่าจึงไม่กระจ่างว่าก่อนหน้านี้ความรู้สึกที่ตนเองมีต่อหลี่หลิงหว่านเป็นอย่างไรกันแน่
เมื่อก่อนหลี่หลิงหว่านมีนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง ทำให้นางรู้สึกปวดหัวจริงๆ มีช่วงหนึ่งที่นางไม่อยากเห็นหน้าหลี่หลิงหว่านเสียด้วยซ้ำ ทว่ายามนี้มองไปแล้วหลี่หลิงหว่านเหมือนจะรู้ความมากขึ้นไม่น้อย ในใจนางพลันเกิดความรักความเอ็นดูขึ้นหลายส่วน
นางจึงเอ่ยถามหลี่หลิงหว่านอย่างเป็นห่วง “บาดแผลที่ศีรษะเจ้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว เหตุใดวันนั้นท่านหมอจึงกล่าวว่าร้ายแรงมากเล่า”
จะไม่ร้ายแรงได้หรือ ถึงกับทำให้เจ้าของร่างเดิมตายไปเพราะสาเหตุนี้!