อาหารเช้าเพียงมื้อเดียวนี้ทำให้หลี่หลิงหว่านรู้สึกว่าตนเองใกล้จะเป็นโรคหัวใจแล้ว
รอจนหลี่หลิงหว่านกลับจากเรือนซื่ออันมาถึงเรือนอี๋เหอของตนเองแล้ว นางก็มิต่างจากดินโคลนเละๆ ที่กองอยู่บนตั่งไม้ข้างหน้าต่าง ไม่อยากขยับเขยื้อนไปที่ใดอยู่ถึงครึ่งค่อนวัน
นางรู้สึกว่าหลี่เหวยหยวนจะต้องฝึกวิชาระฆังทองคุ้มกายและวิชาภูษาเหล็กบรรลุแล้วเป็นแน่ ให้ตายเถอะ นี่มันคนมีกำลังภายในคุ้มกันร่างกาย มีดดาบฟันแทงไม่เข้าโดยแท้ ไม่ว่านางจะใช้วิธีการใดก็ล้วนประจบเอาใจเขาไม่สำเร็จเสียที
แต่ถึงเอาใจยากกว่านี้นางก็ยังต้องเอาใจเขาอยู่ดี มิเช่นนั้นนางก็ต้องตายแน่แล้ว
หลี่หลิงหว่านถอนใจยาวออกมาคำรบหนึ่ง จากนั้นจึงหมุนตัวนอนตะแคง มือขวารองอยู่ใต้ศีรษะพลางขมวดคิ้วครุ่นคิดถึงเรื่องราวในภายภาคหน้า ในที่สุดนางก็คิดหนทางหนึ่งขึ้นมาได้จริงๆ
ก่อนหน้านี้ยามอยู่ที่เรือนซื่ออัน หลี่เหวยหยวนมิใช่สวมอาภรณ์เก่าขาดหรอกหรือ โดยเฉพาะรองเท้าผ้าคู่นั้นของเขาก็เปียกชื้นไปหมดแล้วด้วย สำหรับคนอื่นๆ ในช่วงหิมะตกเช่นนี้อย่างน้อยก็ต้องมีรองเท้าหุ้มข้ออยู่คู่หนึ่ง เพื่อที่ยามเดินออกไปข้างนอกเท้าจะได้ไม่ชื้นแฉะ
แม้หลี่เหวยหยวนจะไม่พูดอะไร ทั้งแผ่นหลังของเขาก็ยังตั้งตระหง่านเช่นนั้นตลอดเวลา บนใบหน้าไม่แสดงอาการเหน็บหนาวแต่อย่างใดด้วย กระนั้นนางก็รู้ดีว่าเขาจะต้องรู้สึกหนาวมากแน่นอน
ในตอนที่นางนั่งกินอาหารอยู่ข้างเขาก็เห็นแล้วว่ามือทั้งสองของเขาถูกความเย็นกัดจนแดงราวกับหูหลัวปอ เฉกเช่นคำกล่าวที่ว่าส่งถ่านกลางหิมะ ครั้งนี้นางก็ส่งชุดกันหนาวชุดหนึ่งกับรองเท้าหุ้มข้ออย่างดีคู่หนึ่งให้เขาเสียเลยแล้วกัน
ในใจหลี่หลิงหว่านคิดเช่นนี้จึงขยับลุกขึ้นนั่งให้ดี ก่อนเอ่ยเรียกเสี่ยวซานให้มาหา “ข้าจำได้ว่าเจ้ามีพี่ชายคนหนึ่งทำงานอยู่ที่ประตูชั้นใน คอยดูแลพวกคุณชายยามออกไปนอกจวนโดยเฉพาะใช่หรือไม่”
เสี่ยวซานผงกศีรษะ “นั่นคือพี่รองของบ่าวเองเจ้าค่ะ”
เช่นนั้นก็จัดการง่ายแล้ว
ในวันที่อากาศหนาวหิมะตกหนักเช่นนี้ คาดว่าบรรดาคุณชายของจวนคงไม่ออกไปข้างนอกกันแล้ว พี่รองของเสี่ยวซานก็ย่อมอยู่ว่าง เช่นนั้นนางก็ฝากให้เขาออกไปยังร้านอาภรณ์ข้างนอกแล้วซื้อชุดกันหนาวดีๆ ชุดหนึ่งกับรองเท้าหุ้มข้อคู่หนึ่งกลับมาได้แล้ว
หลี่หลิงหว่านจึงสั่งเสี่ยวซานว่า “เจ้าทำเช่นนี้เถอะ ยามนี้หาหนทางไปสืบเรื่องส่วนสูงกับขนาดรองเท้าของคุณชายใหญ่มาให้ได้ จากนั้นก็ให้กลับมาบอกข้า ข้าอยากรบกวนพี่รองของเจ้าให้ไปที่ร้านอาภรณ์ข้างนอก ซื้อชุดกันหนาวชุดหนึ่งกับรองเท้าหุ้มข้อคู่หนึ่งให้เสียหน่อย”
เสี่ยวซานรับปากแล้ว ทว่ายังอดถามขึ้นมาอย่างสงสัยไม่ได้ “คุณหนูต้องการซื้อชุดกันหนาวกับรองเท้าหุ้มข้อให้คุณชายใหญ่หรือเจ้าคะ”
หลี่หลิงหว่านผงกศีรษะ “ใช่แล้ว”
บนใบหน้าเสี่ยวซานมีความไม่เข้าใจ นางลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถามสิ่งที่สงสัยในใจออกมา “แต่คุณหนูเจ้าคะ ที่ผ่านมามิใช่ท่านไม่เห็นคุณชายใหญ่อยู่ในสายตาที่สุดหรอกหรือ มิหนำซ้ำคุณชายใหญ่เองก็มีท่าทางที่เย็นชากับท่านมาโดยตลอด นอกจากจะไม่เคยคุยด้วยแล้ว กระทั่งมองท่านตรงๆ สักครั้งยังไม่มองเลย ทว่ายามนี้ท่านกลับจะซื้อชุดกันหนาวกับรองเท้าหุ้มข้อให้คุณชายใหญ่หรือเจ้าคะ”
เสี่ยวซานรู้สึกว่าไม่กี่วันก่อนคุณหนูของนางใช่ถูกก้อนหินกระแทกจนความนึกคิดเปลี่ยนไปแล้วใช่หรือไม่
หลี่หลิงหว่านเองก็รับรู้ถึงความสงสัยในใจเสี่ยวซาน ในเมื่อความแตกต่างระหว่างท่าทีของนางที่มีต่อหลี่เหวยหยวนเมื่อก่อนกับในตอนนี้แตกต่างกันมากเกินไปแล้วจริงๆ