บทที่หนึ่ง
ตลอดเส้นทางที่หลี่หลิงหว่านวิ่งหนีมาเรียกได้ว่าลนลานจนทำอะไรไม่ถูกจริงๆ ท่ามกลางความลนลานนางก็วิ่งหนีไปเรื่อยๆ ไม่รู้แล้วว่าหอหมิงเซ่อควรจะไปทางใด เสี่ยวซานก็คอยตามมาอยู่ข้างหลังอย่างไม่รู้ทางออกเช่นกัน อีกทั้งวันนี้บรรดาบ่าวรับใช้หญิงก็ล้วนแต่อยู่ที่เรือนด้านหน้าทั้งสิ้น ขณะที่ร้อนใจอยู่นั้นนางก็อยากจะตามหาสาวใช้สักคนมาถามทาง แต่กลับไม่พบเงาของผู้ใดเลยสักคน
สุดท้ายเมื่อวิ่งจนเมื่อยแล้วหลี่หลิงหว่านจึงมองหาหินใหญ่ก้อนหนึ่งก่อนนั่งลงไป ตั้งใจจะพักสักครู่ รออีกประเดี๋ยวค่อยหาทางต่อ ทว่ายังไม่ทันนั่งได้นานถึงครึ่งก้านธูปก็พลันได้ยินน้ำเสียงเย็นชามีกลิ่นอายกดดันดังขึ้นจากเหนือศีรษะ “วันที่อากาศหนาวเช่นนี้ เจ้านั่งอยู่บนก้อนหินไม่หนาวหรือไร เป็นหญิงแท้ๆ เหตุใดจึงไม่รู้จักถนอมร่างกายตนเองบ้าง”
หลี่หลิงหว่านกระโดดลุกขึ้นทันควันแล้วหันหน้ากลับไป ไม่รู้ว่าหลี่เหวยหยวนมายืนอยู่ข้างหลังนางตั้งแต่เมื่อใดแล้ว
เจ้าเป็นแมวหรือไร ยามเดินจึงไม่คิดจะส่งเสียงเลยสักนิด หลี่หลิงหว่านนึกค่อนขอดอยู่ในใจ แต่ฉากหน้ายังคงยิ้มแย้มสดใส เข้าไปคล้องแขนของเขาแล้วอมยิ้มเอ่ย “พี่ชาย ข้าหลงทาง โชคดีที่พี่มา มิเช่นนั้นข้าคงต้องติดอยู่ในสวนดอกไม้แห่งนี้จนออกไปไม่ได้แน่ๆ เจ้าค่ะ” ทั้งยังถามเขาว่า “พี่ชาย เหตุใดพี่มาเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้แห่งนี้ได้เล่าเจ้าคะ”
หลี่เหวยหยวนไม่ได้ตอบกลับ เพียงแค่มองนางอย่างใช้ความคิด มองจนหลี่หลิงหว่านรู้สึกขนลุกขึ้นมา สุดท้ายนางก็ทนไม่ไหวเอ่ยถามเสียงสั่นออกไป “พี่ชาย พี่มองข้าเช่นนี้ทำไมกันเจ้าคะ”
“อ้อ ไม่มีอะไร” หลี่เหวยหยวนดึงสายตากลับมา น้ำเสียงอบอุ่นเอ่ยอย่างไม่เร่งร้อน “ข้าแค่กำลังคิดว่าเจ้าไม่ได้มาคล้องแขนข้าด้วยตนเองเช่นนี้นานแล้ว เหตุใดยามนี้พอเจอข้าก็มาทำเช่นนี้ คงไม่ใช่ว่าเมื่อครู่เจ้าทำความผิดอะไรไว้จึงละอายใจและกลัวว่าข้าจะรู้เรื่องใช่หรือไม่”
หลี่หลิงหว่านไร้คำพูด
เจ้าอย่าได้ร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้หรือไม่ ถึงขั้นนี้แล้วก็ยังคาดเดาได้อย่างแม่นยำอีก หากเจ้าทำตัวเช่นนี้ ต่อจากนี้ยามที่อยู่ต่อหน้าเจ้าจะให้ข้าทำตัวเยี่ยงไรเล่า นี่มันโกงชัดๆ ขี้โกง!
ทว่าบนใบหน้ายังคงต้องยิ้มอย่างสดใสไร้เดียงสา “จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าจะทำความผิดอะไรได้เล่าเจ้าคะ ก็แค่เมื่อครู่ข้าหลงทาง เดินวนอยู่ในสวนแห่งนี้ครึ่งค่อนวันแล้วก็ยังหาทางออกไม่พบ แล้วจู่ๆ ก็ได้พบพี่ชาย พอรู้สึกดีใจข้าก็เลยเข้าไปคล้องแขนพี่ชายอย่างอดไม่ได้เท่านั้นเองเจ้าค่ะ”
กล่าวจบยังเขย่าแขนเขา แสดงให้เห็นว่าตนเองรู้สึกดีใจจริงๆ ที่ได้พบเขา
หลี่เหวยหยวนเหลือบมองหลี่หลิงหว่านด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ในใจเขานึกวิจารณ์ออกมาหนึ่งประโยค
ยิ่งปกปิดก็ยิ่งเห็นได้ชัด
ก่อนที่หลี่เหวยหยวนจะคิดว่าหลี่หลิงหว่านติดตามพวกโจวซื่อมาชมงิ้วยังหอหมิงเซ่อเช่นนี้ ผู้ที่มาล้วนมีแต่แขกที่เป็นสตรี นางจะกระทำความผิดอะไรออกมาได้เล่า เขาจึงไม่ได้สอบสวนต่อ เพียงแค่ผงกศีรษะให้นางพลางเอ่ย “ข้าจะพาเจ้าออกไป”
หลี่หลิงหว่านยังคงยิ้มแย้ม “พี่ชายช่างดีนัก”
กับเรื่องนี้ในใจหลี่เหวยหยวนยังคงวิจารณ์ว่า ‘ยิ่งปกปิดก็ยิ่งเห็นได้ชัด’ ประโยคนั้น
แม้หลี่หลิงหว่านจะเข้าใกล้เขาด้วยมีเหตุผลเช่นนี้ ทว่าในใจเขาก็ยังคงรู้สึกมีความสุข ดังนั้นขณะที่เขาพานางเดินไปข้างหน้า ในดวงตาเบื้องลึกก็แฝงไปด้วยรอยยิ้มยามเอ่ยกับนาง “เด็กโง่ สวนดอกไม้ก็มีขนาดใหญ่เพียงเท่านี้ เจ้ายังจะหลงทางได้อีก ดูท่าวันหน้าไม่ว่าเจ้าไปที่ใด ข้าคงต้องติดตามไปด้วยทุกที่จึงจะถูก”
ถ้าไม่ตามไปด้วย หากคนหายตัวไปจะทำเยี่ยงไร