ทว่านางไม่ได้ทำเช่นนั้น กลับกุมมือของหลี่เหวยหยวนบังคับลากเขากลับเข้าไปในห้อง
รอจนเข้ามาในห้องแล้วนางก็สั่งให้จิ่นเหยียนจุดเทียนไขทั้งหมดภายในห้องให้สว่างก่อนจะหยิบเทียนมา จากนั้นนางก็เห็นว่าชุดคลุมยาวผ้าแพรสีครามที่หลี่เหวยหยวนสวมอยู่บนร่างชุดนั้นถูกของที่น่าจะเป็นแส้เฆี่ยนจนปุยนุ่นข้างในหลุดออกมาหมดแล้ว บริเวณที่เขาเผยผิวกายอย่างใบหน้า ลำคอ พวกนี้ล้วนมีรอยแผลลึกเป็นเส้นๆ โดยเฉพาะหลังมือซ้ายราวกับเนื้อถูกเฉือนออกไป
หลี่หลิงหว่านเห็นแล้วก็โกรธจนกระทืบเท้า
ตู้ซื่อเจ้าคนเสียสติผู้นี้! ไม่ว่าจะพูดอย่างไรหลี่เหวยหยวนก็เป็นบุตรชายที่นางตั้งครรภ์ครบกำหนดจนคลอดออกมา ต่อให้ในใจรู้สึกเคียดแค้นภิกษุรูปนั้นที่กระทำการหยาบช้า ทว่าในตอนที่ตู้ซื่อรู้ว่าตนเองตั้งครรภ์หลี่เหวยหยวน นางก็สามารถคิดหาหนทางทำแท้งได้มิใช่หรือ แต่เวลานั้นนางอยากอาศัยหลี่เหวยหยวนที่อยู่ในท้องเพื่อหวนคืนสู่จวนสกุลหลี่ ภายหลังคลอดเขาออกมา ไม่ชอบเขาก็ช่างปะไร แต่ทุกครั้งที่ได้พบหน้าบุตรชาย จะทรมานเขาเช่นนี้ไปเพื่ออะไร หลี่เหวยหยวนมิใช่เป็นผู้บริสุทธิ์หรอกหรือ
หลังจากโกรธเกรี้ยวแล้วก็รู้สึกปวดใจ หลังปวดใจแล้วนางก็เริ่มต่อว่าหลี่เหวยหยวน “พี่โง่หรือไร ผู้อื่นทำร้ายพี่ แต่พี่กลับไม่รู้จักหลบเลี่ยงเลยหรือ ดูสิว่าตอนนี้พี่โดนทำร้ายจนสภาพกลายเป็นเช่นไรแล้ว”
จากนั้นก็ส่งเสียงเรียกจิ่นเหยียนหลายครั้ง ถามเขาว่าที่นี่มียาทาแก้ฟกช้ำหรือไม่ ให้รีบไปหยิบมา ทั้งยังสั่งให้เสี่ยวซานรีบไปยกน้ำร้อนมาอ่างหนึ่งพร้อมกับหยิบผ้าสะอาดผืนหนึ่งมาด้วย
เมื่อหลี่หลิงหว่านหันหน้ากลับมาก็เห็นสายตาหลี่เหวยหยวนกำลังมองมาที่นางอย่างสังเกต ภายในดวงตาสีดำสนิทราวกับมีประกายแสงระยิบระยับนับไม่ถ้วนอยู่อย่างไรอย่างนั้น
หลี่หลิงหว่านถามเขาอย่างอารมณ์ไม่ดี “พี่มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหน้าตาดีหรือไร”
หลี่เหวยหยวนได้ยินแล้วก็เม้มปากเล็กน้อยก่อนจะนิ่งเงียบอยู่สักพัก สุดท้ายเขาก็เหลือบสายตาขึ้นมองนาง เอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำ “เห็นข้าเป็นเช่นนี้ เจ้ารู้สึกปวดใจหรือไม่”
“ปวดใจอะไรเล่า” หลี่หลิงหว่านโกรธจนแทบกัดฟันกรอดแล้วจริงๆ “ต่อให้พี่ถูกคนทำร้ายจนตายข้าก็ไม่รู้สึกปวดใจเลยสักนิด”
หลี่เหวยหยวนส่งเสียงตอบรับแผ่วเบา จากนั้นเขาก็หลุบตาลง ขนตาดำราวกับขนกาแผ่เป็นเงามืดใต้ขอบตา ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ้างว้างโดดเดี่ยว
เมื่อหลี่หลิงหว่านเห็นท่าทางมืดมนเช่นนี้ของเขา ในอกก็เริ่มรู้สึกปวดใจขึ้นมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ แต่นางไม่อยากเอ่ยออกมา ดังนั้นจึงเอาแต่ปั้นหน้าเคร่งขรึม
รอไม่นานเสี่ยวซานก็ยกน้ำร้อนมาให้อ่างหนึ่ง จิ่นเหยียนเองก็หยิบยาทาแก้ฟกช้ำมาให้ หลี่หลิงหว่านปั้นหน้าเคร่งตวาดสั่งหลี่เหวยหยวนเสียงต่ำ “คลายอาภรณ์ออกด้วยเจ้าค่ะ!”
หลี่เหวยหยวนไม่ได้ถอด แต่หันกลับไปสั่งจิ่นเหยียนกับเสี่ยวซานแทน “พวกเจ้าออกไป”
จิ่นเหยียนกับเสี่ยวซานรู้นิสัยของเขา ไฉนเลยจะกล้าอยู่ต่อ ต่างรีบร้อนคารวะแล้วหมุนตัวออกไปจากห้อง ออกจากประตูไปแล้วก็ยังใส่ใจปิดประตูไม้ทั้งสองบานจากด้านนอกให้
ยามนี้หลี่เหวยหยวนถึงค่อยคลายอาภรณ์ท่อนบนของตนเองออกอย่างเชื่องช้า เปิดเผยแผ่นหลังขาวผอมให้เห็น
โชคดีที่อากาศหนาว ชุดคลุมยาวผ้าแพรที่เขาสวมบนร่างจึงหนา อีกอย่างเรี่ยวแรงของตู้ซื่อก็มีอยู่จำกัด แม้บนแผ่นหลังจะมีรอยเลือดอยู่บ้างแต่ก็ไม่ลึก บางจุดแทบไม่เห็นแม้แต่เลือด ทว่ารอยเลือดที่ลำคอ ใบหน้า และหลังมือมองดูแล้วก็น่าตื่นตกใจมากจริงๆ
หลี่หลิงหว่านเห็นแล้วก็อดหวาดกลัวไม่ได้ นางรู้สึกเจ็บแทนเขา
หลี่หลิงหว่านบิดผ้าในอ่างน้ำให้หมาด คลี่ออกแล้วนำผ้าวางประคบลงบนบาดแผลบริเวณลำคอของเขาพร้อมเอ่ยถาม “เช่นนี้เจ็บหรือไม่เจ้าคะ”
นางรู้สึกปวดใจกับหลี่เหวยหยวนมากจริงๆ ดังนั้นการกระทำจึงเบามาก คำพูดที่ถามออกมาก็แผ่วเบาเช่นกัน แต่ผู้ใดจะรู้ว่าปากของหลี่เหวยหยวนกลับเอ่ยประโยคนี้ออกมาอย่างเนิบช้าแทน “เมื่อครู่เจ้าไม่ได้บอกว่าต่อให้ข้าถูกคนทำร้ายจนตายเจ้าก็ไม่รู้สึกปวดใจเลยสักนิดหรอกหรือ แล้วเหตุใดตอนนี้เจ้าต้องถามว่าข้าเจ็บหรือไม่ด้วย”
มือที่กดผ้าของหลี่หลิงหว่านชะงัก
มารดาเถอะ ช่างไม่รู้จักความปรารถนาดีของคนอื่นจริงๆ สมควรปล่อยให้เจ้าเจ็บจนตายไปเสียเลย!