หลี่เหวยหยวนยกมือขึ้นไปกุมมือของหลี่หลิงหว่านที่วางอยู่บนแก้มตนเองมาไว้ในฝ่ามือ แล้วค่อยๆ ลูบไปอย่างช้าๆ
บนนิ้วมือของนางยังเหลือกลิ่นหอมสะอาดของป้อเหอ หลี่เหวยหยวนพลันเกิดความคิดหุนหันอยากก้มหน้าลงจูบมือของนาง จากนั้นก็นำนิ้วมือเรียวยาวทั้งห้าของนางมาลิ้มเลียอยู่ในปาก ละเลียดกัดไปทีละนิด ทว่าสุดท้ายเขายังคงข่มกลั้นความคิดหุนหันในใจนี้ของตนเองลงไปก่อนจะปล่อยมือนาง
หลี่หลิงหว่านยังคงตั้งใจทายาให้ที่แก้มขวาของหลี่เหวยหยวน นางไม่ได้สังเกตว่าภายใต้แสงเทียนสายตาที่เขามองมาที่นางมีความลุ่มลึกมากเพียงใด รอจนทายาเสร็จแล้วนางก็ปิดตลับยา ล้างมือแล้วก็หันมามองเขา
หลี่เหวยหยวนหันหลังสวมเสื้อตัวในสีขาวเรียบร้อยแล้วก็เดินไปยังห้องรองปีกตะวันออกเพื่อค้นหาชุดคลุมยาวผ้าแพรสีน้ำเงินเข้มชุดหนึ่งจากในหีบเสื้อผ้าออกมาสวมทับ
หลี่หลิงหว่านมองไปยังชุดคลุมยาวผ้าแพรสีครามชุดนั้นที่วางพาดอยู่บนเก้าอี้ ก่อนเอ่ยทอดถอนใจ “เฮ้อ อาภรณ์ดีๆ ชุดหนึ่งถูกทำลายเช่นนี้เสียแล้ว”
นางรู้ว่าแม้หลายปีมานี้ท่าทีที่ฮูหยินผู้เฒ่ามีต่อหลี่เหวยหยวนจะดีขึ้นมากแล้วก็จริง ทว่าชุดผ้าแพรสำหรับช่วงอากาศหนาวของหลี่เหวยหยวนก็ยังได้มาแค่สองชุดเท่านั้น ตอนนี้เสียหายไปแล้วชุดหนึ่ง เกรงว่าหลังจากนี้ชุดที่หลี่เหวยหยวนสามารถสวมใส่ได้ก็มีเพียงชุดสีน้ำเงินเข้มชุดนั้นแล้ว
หลี่หลิงหว่านขมวดคิ้วครุ่นคิด หรือข้าควรนำเงินไปไหว้วานให้พี่ชายของเสี่ยวซานซื้ออาภรณ์ที่ตัดเย็บสำเร็จแล้วจากร้านข้างนอกมาดี ซื้อเป็นชุดคลุมยาวผ้าแพรของบุรุษชุดหนึ่งมาให้หลี่เหวยหยวนสวมใส่ เพียงแต่ควรจะซื้อสีอะไรดีนะ
นางเงยหน้ามองพิจารณาหลี่เหวยหยวนอย่างละเอียด คิ้วยาว ดวงตาเป็นประกาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลี่เหวยหยวนเกิดมามีหน้าตาโดดเด่นคมคายยิ่งนัก เพียงแต่บนใบหน้าของเขามักจะมีสีหน้าเย็นชาอยู่เสมอ พอคนอื่นเห็นแล้วก็ล้วนสังเกตได้ถึงกลิ่นอายกดดันจากบนร่างเขา กระทั่งมองข้ามรูปโฉมของเขาไป แต่เวลาเขายิ้มขึ้นมาแล้วล่ะก็…เปล่งประกายน่าจับตา เปรียบได้ดั่งเมฆสลายในวันฟ้าครึ้ม หิมะแรกหลังฝนตกอย่างไรอย่างนั้น
เช่นนั้นก็สีน้ำเงินเข้มเกือบดำแล้วกัน ทั้งสูงส่ง ทั้งสันโดษและลึกลับ ให้ความรู้สึกเหมาะสมกับหลี่เหวยหยวนที่สุดแล้ว
หลี่หลิงหว่านตัดสินใจอย่างมีความสุข จากนั้นนางก็เก็บข้าวของไปพลางเรียกเสี่ยวซานเข้ามา เตรียมตัวจะกลับแล้ว
หลี่เหวยหยวนต้องการไปส่งหลี่หลิงหว่านแต่ถูกนางปฏิเสธ “พี่ยังไม่รีบไปพักผ่อนอีก รีบรักษาบาดแผลบนใบหน้า มือ และลำคอให้ดีจึงจะถูก”
หลี่เหวยหยวนมองหลี่หลิงหว่านคราหนึ่ง ไม่ได้ยืนกรานอีกต่อไป
เดิมที ‘ความร้อนรุ่มในใจ’ ก็ยังไม่สลายไปทั้งหมด ยามนี้เขาเองก็ไม่กล้าอยู่กับนางให้นานกว่านี้ จึงผงกศีรษะแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “อืม เดินทางกลับระมัดระวังด้วย”
ในใจหลี่หลิงหว่านกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องอื่นจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก นางเพียงพาเสี่ยวซานหันตัวกลับออกไปทันที
ทว่าตอนที่เดินกลับไปได้ครึ่งทางหลี่หลิงหว่านก็เรียกเสี่ยวซาน “ข้ายังมีเรื่องให้ทำ เจ้ากลับไปก่อน อีกประเดี๋ยวข้าจะกลับไปเอง”
เสี่ยวซานไม่วางใจ “คุณหนูมีเรื่องใดหรือเจ้าคะ ใช้ให้บ่าวไปทำก็ได้ ต่อให้ช่วยไม่ได้ก็ควรให้บ่าวติดตามท่าน ให้ท่านไปเพียงลำพังบ่าวไม่วางใจเจ้าค่ะ”
หลี่หลิงหว่านเกลี้ยกล่อมนาง “ข้าเพิ่งคิดได้ว่ามีประโยคหนึ่งลืมบอกพี่ชายไป ตอนนี้ข้าจะกลับไปหาเขา บอกเสร็จข้าก็จะกลับเลย จำเป็นต้องให้เจ้าตามไปทำไมกัน” เห็นเสี่ยวซานลังเลยังไม่ยอมไป หลี่หลิงหว่านจึงเร่งรัดไม่หยุด “วันนี้ที่จวนก่วงผิงโหวข้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อยากอาบน้ำ ตอนนี้เจ้ารีบกลับไปสั่งให้สาวใช้พวกนั้นต้มน้ำเถอะ รอสักพักข้ากลับไปจะได้อาบได้ทันที”
เสี่ยวซานไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงยื่นโคมไฟที่ถืออยู่ในมือส่งไปให้ “คุณหนู ทางไปหาคุณชายใหญ่ด้านนั้นมีช่วงหนึ่งที่ไม่ได้แขวนโคม ทางมืด ท่านเอาโคมไฟนี้ไปด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
หลี่หลิงหว่านกลับไม่ได้รับมา เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยฟ้ามืดทำจึงจะดี ยามนี้หากถือโคมไฟไปด้วย มิใช่เป็นการทำให้ผู้อื่นจับได้หรอกหรือ ดังนั้นนางจึงเอ่ย “ไม่เป็นไรหรอก แสงจันทร์วันนี้ก็สว่างดี ไม่มีโคมไฟก็สามารถมองเห็นได้เช่นกัน”
เสี่ยวซานเงยหน้ามองท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มเหนือศีรษะคราหนึ่ง
วันนี้วันที่สิบสอง แม้แสงจันทร์ยังพอมีอยู่ แต่ยามนี้บนท้องฟ้ามีก้อนเมฆ มักมีเมฆเคลื่อนมาบดบังดวงจันทร์เป็นระยะ กระทั่งท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนิททั้งผืน
ไม่รอให้เสี่ยวซานได้ทันถามอะไร หลี่หลิงหว่านก็เอ่ยเร่งรัดให้นางกลับไปต้มน้ำอาบแล้ว เสี่ยวซานไม่กล้าชักช้า ทำได้เพียงเดินถือโคมไฟกลับไป กระนั้นนางก็ยังอยากหันกลับไปสังเกต ครั้นเดินออกมาได้ระยะหนึ่งจึงหันหน้ากลับไปมอง ไฉนเลยจะเห็นหลี่หลิงหว่านเดินไปทางเรือนของหลี่เหวยหยวน กลับกันยังเดินไปทิศทางตรงกันข้าม นางตั้งใจจะติดตามไปก็กลัวหลี่หลิงหว่านเห็นเข้าแล้วจะต่อว่านาง แต่หากให้นางไม่สนใจ ในใจนางก็เป็นห่วง หลังจากใคร่ครวญแล้วนางก็กัดฟันยกโคมไฟเดินไปตามหลี่เหวยหยวนแทน
(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 11 ก.ค. 62)