เมื่อฉุนอวี๋ฉีอยากจะกลับแล้ว หลี่หลิงเยี่ยนเองก็ย่อมเอ่ยปากว่าจะกลับหอหมิงเซ่อแล้วเช่นกัน ทุกคนไปทางเดียวกัน เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถอะ เหลียงเฟิงอวี่ยิ่งไม่ต้องพูดอะไร เดิมทีก็ไม่มีความคิดเห็นอื่น จึงบอกว่าต้องการจะไปด้วยกัน ดังนั้นทั้งเจ็ดคนซึ่งรวมเสี่ยวซานสาวใช้ของหลี่หลิงหว่านกับชิงถงสาวใช้ของหลี่หลิงเยี่ยนจึงเดินไปด้วยกัน
หลี่เหวยหยวนปล่อยให้ฉุนอวี๋ฉีกับคนอื่นๆ เดินนำไปข้างหน้า ส่วนตนเองเดินรั้งท้ายกับหลี่หลิงหว่านห่างจากพวกเขาอยู่หลายก้าว ทว่าตลอดเส้นทางเขากลับไม่ได้เปิดปากเอ่ยอะไรกับหลี่หลิงหว่าน เพียงแค่เดินไปตามทางด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ท่าทางเช่นนี้ของเขาทำให้หลี่หลิงหว่านรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น สังหรณ์ใจว่าจะเป็นความสงบก่อนพายุมาเยือน ดังนั้นนางจึงเร่งรีบเดินขึ้นหน้าไปสองก้าว ยื่นมือไปเพื่อจะคว้าแขนของหลี่เหวยหยวน ทว่ากลับถูกเขาสะบัดทิ้ง
หลี่หลิงหว่านยังคงไม่ยอมแพ้ นางยื่นมือออกไปอีกครั้ง แต่ก็ยังถูกหลี่เหวยหยวนสะบัดทิ้งอีกหน ยื่นมือออกไปอีกก็ถูกสะบัดทิ้งอีก ก่อนจะยื่นมือออกไปอีกครั้ง ทว่าหนนี้หลี่เหวยหยวนไม่ได้สะบัดมือนางออกแล้ว เขายอมปล่อยให้นางคล้องแขนเขาได้ตามใจ
หลี่หลิงหว่านรู้สึกได้ใจขึ้นมา นางรู้อยู่แล้วว่าขอเพียงง้อหลี่เหวยหยวนบ่อยครั้งสักหน่อย ไม่นานเขาก็จะใจอ่อนให้นางเอง ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็เป็นเช่นนี้กับนางมาโดยตลอด
ร่างของหลี่หลิงหว่านค่อยๆ โน้มเข้าไปใกล้เขามากขึ้น จากนั้นก็เอ่ยเสียงเบา “พี่ชาย เมื่อครู่ข้าเพียงแต่บังเอิญพบคุณชายฉุนอวี๋ที่สวนดอกไม้เท่านั้น แค่พูดคุยกับเขาไปไม่กี่ประโยค”
“ ‘ไม่กี่ประโยค’ แล้วมันคือกี่ประโยค” หลี่เหวยหยวนเหลือบมองนาง “กี่ตัวอักษร”
หลี่หลิงหว่านอยากจะหยิบของอะไรมาตบหน้าเขาจริงๆ แต่สุดท้ายภายใต้สายตากดดันของเขา นางก็ยังต้องครุ่นคิดอย่างจริงจังแล้วตอบกลับตามความจริง “พูดไปแค่สองประโยคเท่านั้น ประมาณสักสามสิบตัวอักษรกระมัง”
“สามสิบตัวอักษรยังไม่นับว่ามากอีกหรือ หนก่อนข้าพูดอย่างไรกับเจ้า อย่าได้พูดคุยกับบุรุษแปลกหน้าตามใจชอบ”
หลี่หลิงหว่านได้ยินเช่นนี้ก็เริ่มหงุดหงิดบ้างแล้ว นางสะบัดมือออกจากแขนของหลี่เหวยหยวน “ข้าเองก็ไม่ได้พูดคุยอะไรตามใจชอบกับเขาเสียหน่อย พูดไปแล้วคุณชายฉุนอวี๋ก็ไม่นับว่าเป็นบุรุษแปลกหน้า หนก่อนที่สวนอั้นเซียงข้ากับเขามิใช่ว่าเคยได้พบกันแล้วหรอกหรือ เคยพบกันเช่นนั้นก็นับได้ว่าเป็นสหายกัน สหายพบหน้ากัน พูดคุยกันสองประโยคจะเป็นอะไรไป”
หลี่เหวยหยวนหยุดฝีเท้าและมองนางด้วยใบหน้าเย็นชาโดยไม่เอ่ยอะไร
หลี่หลิงหว่านรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่างในทันที แต่นางก็ยังไม่อยากจะเอ่ยปากยอมแพ้
ก็แค่สนทนากับฉุนอวี๋ฉีสองประโยคไม่ใช่หรือ เขาจำเป็นต้องมีท่าทีถึงขนาดนี้เชียว? หากพูดไปแล้วที่นางต้องเข้าใกล้ฉุนอวี๋ฉีเช่นนี้ก็เพื่อเขาทั้งนั้น
วันหน้าฉุนอวี๋ฉีจะวางแผนเล่นงานหลี่เหวยหยวน อีกอย่างความสามารถต่างๆ ที่นางวางไว้ให้ฉุนอวี๋ฉีก็มีมากกว่าหลี่เหวยหยวน มิใช่ว่านางปรารถนาให้ภายภาคหน้าหลี่เหวยหยวนมีชีวิตที่สงบสุข ไม่เสียเปรียบฉุนอวี๋ฉีหรอกหรือ แต่หลี่เหวยหยวนกลับดีนัก นางแค่สนทนากับฉุนอวี๋ฉีสองประโยคเท่านั้น เขาจำเป็นต้องตามซักถามไม่จบไม่สิ้นเช่นนี้หรือ
ภายภาคหน้าเจ้าจับข้ากักขังเสียเลยสิ นอกจากเจ้า ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ต้องให้ข้าพบดีหรือไม่ หลี่หลิงหว่านคิดในใจอย่างโมโห จากนั้นนางก็เบือนหน้าหนีไม่มองหลี่เหวยหยวนอีก
“เจ้าทะเลาะกับข้าเช่นนี้เพื่อฉุนอวี๋ฉี?” หลี่เหวยหยวนเห็นเช่นนั้นน้ำเสียงก็เย็นชายิ่ง ทั้งยังแฝงไปด้วยโทสะที่ปิดไว้ไม่มิด “ยอดเยี่ยม หว่านวาน ยอดเยี่ยมยิ่ง”