ลมหนาวพัดกระทบตลอดเส้นทาง รอจนหลี่หลิงหว่านมาถึงประตูเรือนของหลี่เหวยหยวนแล้วก็รู้สึกว่าสองแก้มของตนเองเย็นยะเยือกราวกับก้อนน้ำแข็ง สองมือก็เย็นจนแทบจะถือแท่นฝนหมึกเถาเหอเอาไว้ไม่ไหว
เสี่ยวซานเดินขึ้นหน้าไปเคาะประตู ผ่านไปครู่ใหญ่จิ่นเหยียนถึงได้เดินมาเปิดประตู
หลี่หลิงหว่านก้าวเท้าเดินเข้าไป
ภายในลานเรือนไม่ได้จุดโคมจึงมืดไปทุกด้าน กระทั่งภายในโถงหลักก็ไม่ได้จุดไฟ มองดูแล้วมืดสนิทไปทุกแห่งหน
หลี่หลิงหว่านหยุดเท้า ก่อนจะหมุนตัวกลับไปถามจิ่นเหยียนอย่างประหลาดใจ “คุณชายใหญ่ไม่อยู่หรือ ตั้งแต่ออกไปเมื่อตอนเช้าเขาก็ยังไม่กลับมาอีก?”
“บ่าวก็ไม่ทราบว่าคุณชายใหญ่ไปที่ใดขอรับ” จิ่นเหยียนเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม “เมื่อครู่คุณชายใหญ่กลับมาแล้ว แต่หลังนั่งอ่านตำราอยู่ในห้องรองปีกตะวันตกสักพักหนึ่งเขาก็วางตำราลงแล้วออกไป บ่าวเองก็อยากจะติดตาม ทว่าคุณชายใหญ่ไม่ยอมให้บ่าวตามไปด้วย สั่งให้บ่าวรั้งอยู่ที่นี่ห้ามไปไหนขอรับ”
หลี่หลิงหว่านได้ยินแล้วในใจก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นไปอีก
ดึกขนาดนี้แล้ว หลี่เหวยหยวนจะไปที่ใดกัน ทั้งยังไม่ยอมให้จิ่นเหยียนติดตามด้วย เขาไปทำอะไรกันแน่
หลี่หลิงหว่านรอเป็นเวลานานมากแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นหลี่เหวยหยวนกลับมาเสียที
นางรู้สึกร้อนรน เดินไปยังประตูเรือนชะโงกมองออกไปอยู่หลายครั้ง แต่ก็มองเห็นเพียงความมืดกับแสงสว่างเลือนรางที่มาจากโคมไฟของเรือนที่อยู่ห่างออกไป ไม่มีเงาของหลี่เหวยหยวนแต่อย่างใด
เขาไปที่ไหนกันแน่ แล้วไปทำอะไร หลี่หลิงหว่านเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องอย่างร้อนใจ
จากนั้นในสมองนางพลันเกิดความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา…หรือว่าหลี่เหวยหยวนจะไปหาตู้ซื่อทางด้านนั้น
ยิ่งคิดหลี่หลิงหว่านก็ยิ่งรู้สึกว่าการคาดเดานี้ของนางจะต้องถูกต้องอย่างแน่นอน เพราะหลี่เหวยหยวนมีนิสัยค่อนข้างรักสันโดษ นอกจากบางครั้งที่ไปหานางที่เรือนอี๋เหอแล้ว สถานที่แห่งอื่นภายในจวนสกุลหลี่นี้เขาก็แทบไม่เคยไปเยือนด้วยตนเองเลย เขาจะออกไปครั้งเดียวก็ใช้เวลาอยู่ข้างนอกนานขนาดนี้โดยไม่กลับมาได้อย่างไร
เพียงแต่… หลี่หลิงหว่านครุ่นคิด นางจำได้ว่าหลายปีมานี้หลี่เหวยหยวนไม่ค่อยไปหาตู้ซื่อเท่าไรแล้ว ในเมื่อจิตใจตู้ซื่อบิดเบี้ยวมานานเช่นนี้ ถือเป็นคนเสียสติคนหนึ่ง ทุกครั้งที่ได้เห็นหลี่เหวยหยวนก็จะทั้งด่าทั้งทุบตีเขาอย่างโหดร้ายเป็นที่สุด แต่เหตุใดจู่ๆ ตอนนี้หลี่เหวยหยวนก็ไปหาตู้ซื่อได้เล่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ
ทว่าหลี่หลิงหว่านก็คาดเดาไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ นางจึงทำได้เพียงรออยู่ที่นี่อย่างร้อนใจ
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงจิ่นเหยียนดังขึ้นมาจากประตูเรือน “คุณหนูสี่ คุณชายใหญ่กลับมาแล้วขอรับ”
ตั้งแต่มาถึงหลี่หลิงหว่านก็นึกเป็นห่วงหลี่เหวยหยวน นอกจากบางครั้งตนเองจะไปยืนชะโงกหน้ามองออกไปจากขั้นบันไดที่หน้าประตูแล้ว ก็ยังสั่งให้จิ่นเหยียนกับเสี่ยวซานสลับกันยืนอยู่ที่หน้าประตู คอยสังเกตความเคลื่อนไหวที่ภายนอก ยามนี้เมื่อได้ยินประโยคนี้ของจิ่นเหยียน หลี่หลิงหว่านจึงรีบร้อนวิ่งออกไปทันที เสี่ยวซานเองก็รีบร้อนติดตามมาด้วย
รอจนหลี่หลิงหว่านมาถึงประตูเรือน นางก็หยุดยืนอยู่บนบันไดหินมองตามมือของจิ่นเหยียนไป ภายใต้แสงจันทร์และดวงดาวก็ได้เห็นหลี่เหวยหยวนกำลังเดินอย่างเชื่องช้ามาทางนี้จริงๆ
เมื่อหลี่หลิงหว่านเห็นก็รีบร้อนวิ่งเข้าไปหาและจับแขนของหลี่เหวยหยวนเอาไว้ เอ่ยถามเขาอย่างร้อนใจทันที “พี่ชาย พี่ไปไหนมา ทำให้ข้าเป็นห่วงยิ่งนัก”
แต่มือของนางเพิ่งจะจับโดนแขนของหลี่เหวยหยวนเท่านั้น นางก็ได้ยินเสียงซี้ดเบาๆ ดังจากปากเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเจ็บมากเพียงใด
หัวใจหลี่หลิงหว่านพลันหนักอึ้งขึ้นเล็กน้อย นางรีบร้อนเอ่ยถาม “พี่ชาย เป็นอะไรไปเจ้าคะ”
หลี่เหวยหยวนไม่ตอบ แต่ถามนางกลับเสียงเย็น “เจ้าจะมาหาข้าอีกทำไม วันนี้เจ้าไม่ได้สนทนากับฉุนอวี๋ฉีอย่างมีความสุขหรอกหรือ เจ้ากับข้าต้องมาทะเลาะกันเพราะเขา”
คำพูดปากไม่ตรงกับใจลอยออกมาจนเต็มไปหมดแล้วหนอ หลี่หลิงหว่านนึกอยากตบหน้าเขาสักหนจริงๆ