เมื่อเข้ามาในห้องพักของหลี่หลิงหว่าน ทั้งสองก็เห็นเสี่ยวอวี้กำลังเดินกลับไปกลับมาด้วยสีหน้าร้อนรน
หันมาเห็นซวงหงเข้ามาในห้องพร้อมกับเสี่ยวซาน เสี่ยวอวี้ก็นิ่งอึ้งไป จากนั้นจึงรีบคารวะซวงหงพร้อมส่งเสียงเรียกพี่ซวงหงออกมาคำหนึ่ง
ซวงหงเอ่ยถามว่า “ยามนี้คุณหนูสามเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
ดวงตาเสี่ยวอวี้คลอไปด้วยหยาดน้ำ ท่าทีอยากร้องไห้แต่ไม่กล้าร้อง “ตั้งแต่คุณหนูกินอาหารเช้าเสร็จจนถึงตอนนี้ก็เอาแต่นอนมาโดยตลอดเจ้าค่ะ ข้าเองก็ไม่กล้าปลุกคุณหนู กระทั่งตอนที่คุณหนูนอนหลับก็ยังมีท่าทีทรมานอยู่ ข้าเห็นแล้วจึงรู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก แต่ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร โชคดีที่พี่ซวงหงมาที่นี่พอดีเจ้าค่ะ”
ซวงหงฟังแล้วก็รีบอ้อมฉากบังลมตรงหน้าไปดูอาการของหลี่หลิงหว่านที่ข้างเตียง
สองแก้มของหลี่หลิงหว่านกำลังร้อนผ่าวผิดปกติจริงๆ คิ้วเรียวก็ขมวดแน่น ท่าทางทุกข์ทรมานยิ่งนัก ซวงหงจึงยื่นมือออกไปวางบนหน้าผากนางเบาๆ ก่อนจะสะดุ้งตกใจทันที สัมผัสนั้นราวกับถ่านที่กำลังถูกเผาอย่างไรอย่างนั้น ร้อนลวกมือยิ่งนัก
“พวกเจ้าสองคนช่างหาเรื่องตายแล้ว” นางหันกลับมาต่อว่าเสี่ยวซานกับเสี่ยวอวี้ “คุณหนูสามร่างกายร้อนผ่าวถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดพวกเจ้าสองคนจึงไม่รีบไปแจ้งให้ฮูหยินผู้เฒ่าทราบเรื่องเร็วกว่านี้เล่า!”
เสี่ยวซานกับเสี่ยวอวี้ได้ยินแล้วก็ลนลานขึ้นมาทันที สองขาอ่อนแรงคุกเข่าลงกับพื้น
ตอนนั้นเองเสียงครวญครางก็ดังขึ้นเบาๆ หนหนึ่ง ซวงหงหันหน้าไปมอง ก่อนจะเห็นหลี่หลิงหว่านกำลังลืมตาขึ้นมา
เมื่อเห็นซวงหงแล้วสีหน้าของหลี่หลิงหว่านก็แสดงอาการประหลาดใจหลายส่วน “พี่ซวงหง? มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”
ซวงหงรีบตอบนาง “ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าคุณหนูสามไม่สบาย จึงส่งบ่าวมาดูอาการของคุณหนูเจ้าค่ะ” ก่อนจะเอ่ยปลอบนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณหนูสามไม่ต้องกลัวนะเจ้าคะ ฮูหยินผู้เฒ่าส่งคนไปเชิญท่านหมอที่ดีที่สุดมาแล้ว รออีกสักพักก็จะมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
…ข้าไม่อยากเจอหมอ เพราะไม่อยากดื่มยาข้าถึงได้ยอมฝืนทนมานานถึงเพียงนี้ ทว่าตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า สุดท้ายก็ยังถูกฮูหยินผู้เฒ่ารับรู้และให้คนไปเชิญท่านหมอมารักษาอยู่ดี เห็นทีข้าคงจะหลีกเลี่ยงการดื่มยาไม่ได้แล้ว
ชั่วขณะนั้นใบหน้าเล็กๆ ของหลี่หลิงหว่านก็ยับย่นราวกับลูกมะระอย่างไรอย่างนั้น
หลี่หลิงหว่านคาดไม่ถึงว่าเจ้าของร่างเดิมจะเปราะบางถึงเพียงนี้ เพียงแค่โดนลมเย็นเท่านั้นถึงกับจับไข้สูง ประเดี๋ยวไข้ก็ขึ้นๆ ลงๆ กลับไปกลับมาอยู่หลายวันแล้ว
บรรดาบ่าวรับใช้ในเรือนอี๋เหอตื่นตระหนกตกใจกันมากเพียงใดนั้นไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเองยังต้องคอยส่งสาวใช้มาดูอาการทุกวัน โจวซื่อยิ่งแล้วใหญ่ หากไม่กลัวจะถูกฮูหยินผู้เฒ่าต่อว่าล่ะก็ นางก็อยากจะย้ายมาอยู่ที่นี่กับหลี่หลิงหว่านเสียด้วยซ้ำ
รอจนอาการป่วยครั้งนี้ของหลี่หลิงหว่านหายดีก็เป็นอีกครึ่งเดือนกว่าให้หลังไปแล้ว
วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบของเดือนสิบสอง แม้หลี่หลิงหว่านจะหายดีแล้วก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฮูหยินผู้เฒ่าได้ออกคำสั่งกับบ่าวรับใช้ทุกคนในเรือนอี๋เหอแล้วว่าให้ดูแลหลี่หลิงหว่านดีๆ ห้ามให้นางออกจากเรือนอีก มิเช่นนั้นหากโดนลมเย็นจนป่วยอีกรอบหนึ่งจะทำอย่างไร ดังนั้นบริเวณที่หลี่หลิงหว่านจะเคลื่อนไหวได้ในทุกวันจึงมีเพียงบริเวณเรือนอี๋เหอเท่านั้น
ให้ตายสิ อึดอัดจนจะเป็นบ้าแล้วจริงๆ ที่สำคัญที่สุดก็คือนางไม่อาจไปสร้างความประทับใจดีๆ ให้กับหลี่เหวยหยวนได้ทุกวัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เห็นเขามีท่าทีที่อ่อนลงกับนางบ้างแล้วแท้ๆ ในตอนนั้นนางก็อยากจะตีเหล็กตอนร้อน ปราบเขาให้ได้ในครั้งเดียว ยามนี้เป็นอย่างไรเล่า สิ่งต่างๆ ที่นางลงแรงไปก่อนหน้านี้ล้วนเสียเปล่าหมดแล้ว