บทที่เจ็ด
เมื่อหลี่เหวยหยวนเห็นใบหน้าขาวกระจ่างของหลี่หลิงหว่านปรากฏสีแดงระเรื่อขึ้นมาจนก่อเกิดเป็นความงดงามเปี่ยมเสน่ห์ที่ไม่อาจบรรยายได้ เขาจึงก้มหน้าลงไปใกล้กว่าเดิมอย่างอดไม่ไหว กระทั่งริมฝีปากแทบจะประทับลงบนแก้มนุ่มของนางอยู่แล้ว
หลี่หลิงหว่านตกใจรีบซุกใบหน้าตนเองซ่อนอยู่ในอ้อมอกของหลี่เหวยหยวน เหลือแค่เพียงท้ายทอยที่โผล่พ้นอยู่ด้านนอก ก่อนที่หูของนางจะได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ใบหน้าที่แนบกับหน้าอกสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวน้อยๆ หลี่หลิงหว่านรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวเร็วขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ใบหน้าก็ร้อนผ่าวยิ่งกว่าเมื่อครู่
หลี่เหวยหยวนอุ้มนางมาจนถึงตั่งเตี้ยที่จัดวางเรียบร้อยอยู่กลางลานเรือนก่อนวางร่างนางลง จากนั้นยังคลุมผ้าห่มผืนหนาเนื้อนุ่มผืนหนึ่งไว้ที่เอวของนางเพื่อป้องกันไม่ให้นางหนาว
บนใบหน้าหลี่หลิงหว่านยังคงร้อนผ่าว ยามที่เหลือบตาขึ้นมองหลี่เหวยหยวนแล้วได้เห็นประกายรอยยิ้มในแววตาของเขา นางก็ไม่กล้ามองเขาต่ออีก เอาแต่ก้มหน้าก้มตา สองมือขยำขนอ่อนนุ่มบนผ้าห่มอย่างเหม่อลอยโดยไม่รู้ตัว
ในใจนางรู้สึกว่าวันนี้หลี่เหวยหยวนค่อนข้างแตกต่างจากวันก่อนๆ แต่หากให้พูดอย่างจริงจัง นางก็พูดไม่ได้ว่าเขาแตกต่างตรงที่ใดกันแน่ นางจึงได้แต่ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ตรงนั้น
ขณะกำลังครุ่นคิดอย่างเหม่อลอยก็รู้สึกว่าบริเวณหน้าผากถูกคนยื่นมือมาดีดเบาๆ ครั้งหนึ่ง ทั้งยังได้ยินเสียงกลั้วหัวเราะของหลี่เหวยหยวนดังขึ้น “เจ้ามัวเหม่ออะไร ในใจกำลังคิดเรื่องใดหรือ”
ย่อมไม่อาจพูดออกไปตรงๆ ได้ว่า ‘วันนี้รู้สึกว่าพี่ประหลาดนัก’ แต่ในความร้อนรนนี้หลี่หลิงหว่านก็นึกถึงข้ออ้างที่มีเหตุมีผลอื่นๆ ไม่ออก นางจึงโยนคำถามกลับไป “พี่เดาดูสิเจ้าคะ”
หลี่เหวยหยวนยิ้มมองนาง “ยังจะมีอะไรได้อีก จะต้องเป็นเพราะเด็กน้อยโตแล้ว จึงได้รู้จักเขินอายขึ้นมา แต่ว่าหว่านวาน ยามอยู่ต่อหน้าข้า เจ้าจะต้องเขินอายไปทำไมอีก”
แม้ยามนี้หลี่เหวยหยวนจะกระจ่างดีว่าระหว่างตนเองกับหลี่หลิงหว่านไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดใดๆ อยู่ ทั้งในใจหลี่หลิงหว่านเองก็รู้เรื่องนี้ดี แต่เขาคิดว่าตอนนี้หลี่หลิงหว่านก็แค่ดู ‘เหมือน’ ใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาเท่านั้น ความจริงในใจนางยังคงหวาดกลัวเขาอยู่ ทั้งไม่เชื่อมั่นในตัวเขาเสียทีเดียว หากเขาเปิดเผยไปเลยว่าตนเองรับรู้เรื่องที่นางไม่ได้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาแล้ว เกรงว่าในภายหลังนางจะเริ่มห่างเหินกับเขา ถึงตอนนั้นย่อมไม่ดีแน่ มิสู้ทำให้นางคิดไปว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นไปก่อนเป็นการชั่วคราวดีกว่า อย่างน้อยยามที่นางอยู่ต่อหน้าเขาจะได้เป็นธรรมชาติสักหน่อย ส่วนในภายภาคหน้า…
หลี่เหวยหยวนมองหลี่หลิงหว่านคราหนึ่ง ในแววตาเต็มไปด้วยความปรารถนาอยากจะครอบครอง เขาไม่มีวันยอมให้ผู้ใดในใต้หล้านี้มีโอกาสแย่งชิงหัวใจของหลี่หลิงหว่านไปได้แน่ หัวใจของนางจะต้องบรรจุได้เพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้น หากบรรจุผู้อื่นเมื่อใด เขาก็จะทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นคนตายในทันที
แต่ถึงแม้ในใจจะมีความคิดอันบ้าระห่ำเช่นนี้อยู่ ทว่าฉากหน้าก็ยังคงยิ้มอบอุ่นเอ่ย “หว่านวาน ข้าเป็นพี่ชายของเจ้า”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ พริบตานั้นในใจหลี่หลิงหว่านก็สงบลงไม่น้อย
ใช่แล้ว ในใจหลี่เหวยหยวนมองเห็นนางเป็นน้องสาวมิใช่หรือ พี่ชายเห็นข้อเท้าน้องสาวได้รับบาดเจ็บจึงช่วยนวดข้อเท้าให้ เห็นนางเดินไม่สะดวกจึงอุ้มนางเดินไป นี่มิใช่เรื่องปกติธรรมดาที่สุดหรอกหรือ นางมัวคิดเหลวไหลอะไรอยู่อีก มิหนำซ้ำที่นางวางความคิดไว้ให้ตัวละครหลี่เหวยหยวนตั้งแต่แรกเริ่มนั้นก็มีเงื่อนไขที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง เขาจะรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเป็นภาระอย่างหนึ่ง จึงไม่มีความคิดอยากข้องเกี่ยวกับหญิงคนใดในเชิงชู้สาวแม้แต่น้อย
คิดมาถึงตรงนี้หลี่หลิงหว่านก็รู้สึกสบายใจมากขึ้นแล้ว